รัชสมัยต้าเซี่ยปีที่ห้า เดือนสิบ วันที่แปด
ฟู่เสี่ยวกวนนำกองทัพเรือขนาดมโหฬารพุ่งกระโจนเข้าหาคลื่นท่ามกลางมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง
บนชั้นสามของเรือฉางอัน ฟู่เสี่ยวกวนไป๋ยู่เหลียนและคนอื่น ๆ กำลังนั่งล้อมโต๊ะกัน
“เดือนสิบในเมืองฉางอันย่ำเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ทว่าที่นี่กลับเป็นฤดูร้อน” ฟู่เสี่ยวกวนต้มชาพลางเอ่ยถามอย่างอารมณ์ดี “พวกเจ้าสังเกตหรือไม่ว่ามีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องฤดูกาล ? ”
การเปลี่ยนแปลงนี้เห็นได้ชัดเจน ไป๋ยู่เหลียนจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย “เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้เล่า ? ”
“เพราะบนโลกที่พวกเราอาศัยอยู่นั้นเป็นทรงกลม พวกเราล่องเรืออยู่กลางมหาสมุทรนานกว่าครึ่งปี บัดนี้จึงพอจะเข้าใจได้ว่าพวกเราได้ข้ามอีกครึ่งหนึ่งของวงกลมมาแล้ว”
“โลกของเราหมุนได้ด้วยตัวของมันเอง เพียงแต่พวกเราที่มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้มิอาจรู้สึกได้ก็เท่านั้น เพราะมุมที่แสงสุริยาสาดส่องลงมามิได้ดูแตกต่างไปจากเดิมเท่าใดนัก”
ฟู่เสี่ยวกวนเห็นสีหน้าประหลาดใจของไป๋ยู่เหลียน ซูเจวี๋ยและคนอื่น ๆ จึงจับดินสอขึ้นมาวาดรูปบนกระดาษ จากนั้นก็ใช้เวลาครึ่งชั่วยามในการอธิบายให้พวกเขาฟังอย่างสังเขปเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของแสงสุริยาและพิกัดทางภูมิศาสตร์
ครานี้ซูเจวี๋ยและคนอื่น ๆ ถึงได้เข้าใจอย่างแจ่มชัด ว่าเหตุใดแต่ละพื้นที่มีสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน
“ฟังดูมหัศจรรย์มากยิ่งนัก ศิษย์น้องเจ้ารู้เรื่องนี้ได้เยี่ยงไร ? ”
ฟู่เสี่ยวกวนยิ้มกว้างพลางตอบว่า “ข้าฝันน่ะ ! ”
แม้การตอบแบบนี้จะดูน่าเหลือเชื่อเกินไปสักหน่อย ทว่าพวกซูเจวี๋ยต่างก็เชื่ออย่างสนิทใจ เพราะพวกเขารู้ดีว่าฟู่เสี่ยวกวนคือคนที่ฟ้าเลือกมาแล้ว แน่นอนว่าเขาย่อมแตกต่างมิเหมือนผู้ใด
“จากแผนที่มหาสมุทร คาดว่าจะต้องเดินทางไปอีกสองวันกว่าจะถึงทวีปอิงเทียน”
ฟู่เสี่ยวกวนรินชาให้แก่ทุกคนแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “หากลองคำนวณจากเวลาแล้ว หากกองทัพบกที่หนึ่งของกวนเสี่ยวซีเดินทัพได้อย่างราบรื่น บัดนี้พวกเขาก็น่าจะเดินทางไปถึงเอเชียตะวันตกแล้ว”
“ในแถบเอเชียตะวันตกนั้นมีประเทศที่แข็งแกร่งมากมาย ดังนั้นสงครามจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงมิได้ หวังว่าพวกเขาจะเดินทัพผ่านไปได้อย่างราบรื่น จนเดินทางมาถึงทวีปยุโรป…บางทีพวกเขาอาจจะเดินทางไปถึงทวีปยุโรปก่อนพวกเราสักเล็กน้อย”
เหตุเพราะมิมีแผนที่ภูมิภาคเอเชียตะวันตกหรือแผนที่ทวีปยุโรป ไป๋ยู่เหลียนจึงมิอาจตัดสินใจอันใดเกี่ยวกับศึกครานี้ได้
“เมื่อถึงอิงเทียน เจ้าจะขึ้นบกไปดูสักหน่อยหรือไม่ ? ”
ฟู่เสี่ยวกวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบไปว่า “จำต้องหยุดเรือเพื่อซ่อมแซมเป็นเวลาสิบวัน เหล่าทหารใช้ชีวิตอยู่ในทะเลมานานจนเกินไป ถ้าหากมิได้ขึ้นไปพักผ่อนบนบกเพื่อเติมสารอาหารจากพืชพักผลไม้สักหน่อย ข้าเกรงว่าพวกเขาจะเป็นโรคลักปิดลักเปิดเข้า”
“เมื่อไปถึงอิงเทียนแล้ว แผนการทุกอย่างจะยังดำเนินไปดังเดิม”
“ศิษย์พี่และเสี่ยวไป๋จงนำทหารนาวิกโยธินสองหมื่นนายประจำอยู่ที่อิงเทียน เพื่อทำการยึดครองแผ่นดินจากชนเผ่าพื้นเมือง…พยายามอย่าเข่นฆ่ามากจนเกินไป และพวกเขาเหล่านี้ที่ตามข้ามาก็จำต้องตั้งรกรากถิ่นฐานอยู่ที่อิงเทียนแห่งนี้”
“ที่นั่นใหญ่โตมโหฬาร พวกเจ้าต้องเข้าไปสำรวจดินแดนแห่งนั้น แล้วค้นหาทำเลเหมาะ ๆ เพื่อสร้างเมืองป้อมปราการขึ้นมา… ข้าพาช่างฝีมือมาด้วยจำนวนมาก อีกอย่างจงส่งคนไปสำรวจพวกแร่ธาตุต่าง ๆ ด้วย”
“ข้าขอแนะนำว่าให้เมืองป้อมปราการตั้งอยู่ใกล้แนวชายฝั่งทะเลสักหน่อย หากตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเลได้ก็จะเป็นการดี เพราะเมื่อข้าชราแล้ว ข้าจะได้นอนอาบแดดริมชายหาดได้ หรือจะไปหาปลาในทะเลก็ย่อมได้”
“การก่อสร้างเมืองป้อมปราการและท่าเรือจะต้องดำเนินการไปพร้อม ๆ กัน ส่วนแรงงานก็ให้รับสมัครมาจากชนพื้นเมืองเหล่านั้น ดังนั้นพวกเราจึงควรสร้างสัมพันธไมตรีอันดีกับพวกเขาเอาไว้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)