ตอนที่ 1312 กงฮ้วนอวี่
รัชสมัยต้าเซี่ยปีที่ห้า เดือนสิบสอง วันที่หนึ่ง
หิมะแรกในฤดูหนาวมาเยือนเมืองฉางอันแล้ว
ปีนี้ต้าเซี่ยมีฝนตกตามฤดูกาล มีการปกครองที่ขาวสะอาด ภายใต้การบริหารของเสนาบดีทั้งสามฝ่าย ในภาพรวมถือว่าประเทศสงบสันติ ราษฎรอยู่เย็นเป็นสุข
อู๋เทียนซื่อจักรพรรดิเเห่งต้าเซี่ยได้เปลี่ยนแปลงตนเองคราใหญ่ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา เขาเริ่มกระตือรือร้นที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารบ้านเมืองมากขึ้น ทั้งยังเสนอแนวคิดที่ฉลาดหลักแหลมออกมาอีกด้วย
ยกตัวอย่างเช่น…การค้าตอบแทนบุญคุณการเกษตร !
ทุกวันนี้การค้าของต้าเซี่ยเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก มันสร้างภาษีจำนวนมหาศาลให้กับต้าเซี่ย ทว่านั่นก็สร้างปัญหาอย่างหนึ่งขึ้นมาเช่นกัน นั่นก็คือการที่ชาวเกษตรกรจำนวนมากยินยอมเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของโรงงานแล้วละทิ้งที่นาล้ำค่าของตนเองไป
แม้ว่าการเกษตรจะยังมิเป็นปัญหาที่ใหญ่มากนัก เพราะมันยังสามารถผลิตออกมาได้ตามความต้องการของประชากรต้าเซี่ย อีกทั้งยังส่งออกได้มากที่สุดเป็นประวัติการณ์อีกด้วย
แต่อู๋เทียนซื่อเห็นว่าถ้าหากสถานการณ์เป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ โดยเฉพาะคนหนุ่มสาวที่เข้าไปทำงานในโรงงาน พวกเขาจะมิกลับไปยังหมู่บ้านอีก ปรากฏการณ์การทิ้งที่นาให้รกร้างก็จะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น ในอนาคตอาจจะเกิดวิกฤตขาดแคลนเสบียงอาหารก็เป็นได้
หลังจากที่เยี่ยนซีเหวินและคนอื่น ๆ ได้พิจารณาแนวคิด ต่างก็เห็นพ้องต้องกันว่าให้ปฏิบัติได้ เหล่าเสนาบดีได้ออกประกาศนโยบายใหม่ ซึ่งนั่นก็คือการชดเชยที่นาขั้นพื้นฐานนั่นเอง
นโยบายใหม่นี้ได้ผ่านมติของคณะรัฐมนตรี อู๋เทียนซื่อลงพระปรมาภิไธยให้นำมาใช้ทั่วประเทศ และนโนบายนี้ได้รับคำชมเชยจากราษฎรอย่างล้นหลาม
เยี่ยนซีเหวินและคนอื่น ๆ รู้สึกใจชื้นขึ้นมาบ้าง คิดว่าคงเป็นเพราะจดหมายฉบับนั้นของฟู่เสี่ยวกวน ที่ทำให้ฝ่าบาททรงหันมาสนพระทัยเรื่องบ้านเมืองและราษฎรเป็นหลัก
แต่ที่พวกเขามิรู้ก็คือ…แนวคิดนี้มิใช่แนวคิดของอู๋เทียนซื่อ ทว่าเป็นแนวคิดของคนในหน่วยพระราชวังชั้นในคนหนึ่ง ซึ่งมีนามว่ากงฮ้วนอวี่
เพราะแนวคิดนี้ อู๋เทียนซื่อรู้สึกพึงพอใจกับตำแหน่งจักรพรรดิอย่างที่มิเคยเกิดขึ้นมาก่อน และด้วยเหตุนี้กงฮ้วนอวี่จึงกลายเป็นบุคคลที่สำคัญมากที่สุดเพียงหนึ่งเดียวของอู๋เทียนซื่อ !
ในสายตาของอู๋เทียนซื่อนั้น เขาเห็นว่ากงฮ้วนอวี่เป็นคนที่มีหัวคิดดี เป็นคนเก่งกล้าสามารถ เพียงแต่ว่าทุกวันนี้อู๋เทียนซื่อยังมิอาจควบคุมพระราชวังชั้นนอกได้ จึงจำเป็นต้องให้กงฮ้วนอวี้อยู่แค่พระราชวังชั้นในอย่างน่าน้อยเนื้อต่ำใจไปก่อน
“ฝ่าบาท การที่กระหม่อมได้รับความไว้วางพระทัยจากพระองค์ ถือเป็นเกียรติของกระหม่อมยิ่งนัก อีกอย่างการที่เสนอแนวคิดให้พระองค์คือหน้าที่ของกระหม่อม เดิมทีกระหม่อมเป็นเพียงสามัญชน อาศัยการเพาะปลูกหาเลี้ยงชีพอยู่ที่ฮุ่ยหยาง ถือเป็นความโชคดีของกระหม่อมที่ท่านท่าป๋าวั่งจ่งตูแห่งเขตปกครองตนเองซีเซี่ยได้แนะนำกระหม่อมให้มาอยู่เคียงข้างพระวรกายของพระองค์”
“กระหม่อมยังจำประโยคนั้นที่จักรพรรดิพระเจ้าหลวงทรงตรัสไว้ได้เสมอ ประโยคที่ว่าเรือนซอมซ่อแห่งนี้ ขอเพียงมีคุณธรรมยิ่งใหญ่ และด้วยเหตุนี้กระหม่อมจึงมิขอตำแหน่งใหญ่โตใด กระหม่อมเพียงมิอยากให้ยุคสมัยอันรุ่งเรืองที่จักรพรรดิพระเจ้าหลวงทรงสร้างเอาไว้ต้องตกอับย่อยยับไปเพราะกระหม่อม ! ”
ณ พระตำหนักหยางซิน
กงฮ้วนอวี่โค้งกายคารวะ พร้อมเอ่ยด้วยกริยาท่าทีที่เหมาะสม
อู๋เทียนซื่อรู้สึกดีใจอยู่ลึก ๆ ถ้าหากเสนบดีทั้งสามฝ่ายคิดได้เหมือนท่านกง คงจะดีมิน้อย !
“ท่านกง เจ้า…เจ้าเป็นคนมากความสามารถ เพียงแต่ช่วงนี้เจ้าอาจจะต้องทนอยู่ด้วยความต้อยต่ำ”
อู๋เทียนซื่อนั่งลงข้างเตาผิงไฟ แสงไฟสีแดงสาดสะท้อนบนใบหน้าของเขา ดวงตาหรี่ลงช้า ๆ แล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “ตามแผนการของเจ้าแล้ว ข้าจะต้องเลือกคนจากการสอบในฤดูใบไม้ร่วงเข้ามา… ทุกคนล้วนเป็นคนหนุ่มสาวทั่วไป ทุกวันนี้ต่างก็ถูกส่งไปแต่ละพื้นที่… เจิ้นหวังว่าพวกเขาจะเติบโตขึ้นเร็ว ๆ แต่เกรงว่าจะต้องรออีกสามถึงห้าปี พวกเขาถึงจะเข้ามาสู่อำนาจส่วนกลางได้”
“ทว่าเจิ้นก็ยังเยาว์มากนัก ส่วนเจ้าก็ยังหนุ่มยังแน่น รอไปก่อนเถิด จะต้องมีวันนั้นเข้าสักวัน ! ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)