ตอนที่ 1336 วีรบุรุษ
ใต้หล้าอันกว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้ แท้จริงแล้วคนแบบใดกันแน่ที่จะถูกนิยามว่าวีรบุรุษ ?
บ้างก็ว่าผู้ที่กอบกู้ผืนปฐพีในยามขับขันมาได้ถึงจะเรียกว่าวีรบุรุษ
บ้างก็ว่าผู้ที่มิเกรงกลัวต่อความตายและทำสิ่งที่ถูกต้องต่างหากถึงจะเป็นวีรบุรุษ
อีกทั้งยังมีคนบอกอีกว่าผู้ที่ชักกระบี่ขึ้นมาต่อสู้กับความอยุติธรรมต่างหากถึงจะเรียกได้ว่าเป็นวีรบุรุษ
แต่มิว่าจะเป็นวีรบุรุษแบบใด พวกเขาล้วนมีจุดเด่นอย่างหนึ่งที่เหมือนกัน ซึ่งนั้นก็คือวีรกรรมของเขานั้นจะเป็นที่โจษจันอย่างแพร่หลาย ชื่อของเขาจะดังก้องพงไพรหรือกระทั่งถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ เพื่อเป็นแบบอย่างให้แก่คนรุ่นหลัง
ซึ่งสายตาของผู้คนมักจะมองไปยังวีรบุรุษผู้โด่งดัง ทว่าความจริงนั้น ในใต้หล้านี้มีวีรบุรุษที่มิเป็นที่กล่าวขานมากมายเหลือคณานับ !
มิมีผู้ใดรู้จักชื่อของพวกเขา
น้อยคนนักที่จะรู้ว่าพวกเขาเคยทำอันใดมาบ้าง
หรือบางทีพวกเขาอาจจะอยู่ในเงามืด ยังมิถูกค้นพบเสียด้วยซ้ำ
หรืออาจจะใช้ชีวิตอย่างเงียบ ๆ แล้วก็ตายจากไปโดยที่มิมีผู้ใดสนใจเลยก็เป็นได้
พวกเขายินดีที่จะใช้ชีวิตอย่างสงบและเรียบง่าย แต่กลับยอมทุ่มเทลำบากตรากตรำเพื่ออุดมการณ์ของตน แม้กระทั่งต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม !
ยกตัวอย่างเช่นทหารที่ต้องเดินทางมาพบกับความตายที่นี่
หรือยกตัวอย่างเช่นสายลับของหอเทียนจีที่คอยสืบเสาะข้อมูลทางการทหาร เพื่อที่จะให้กองทัพของตนคว้าชัยชนะเหนือสงคราม
หลังจากจบศึกที่ทวีปยุโรปในครานั้น จักรพรรดิพระเจ้าหลวงแห่งต้าเซี่ยได้พระราชทานสมญานามให้แก่พวกเขาทั้งหลายว่า…ผู้กล้าหาญที่โดดเดี่ยว !
……
……
ครึ่งชั่วยามหลังจากนั้น หลี่ฉางซู่และคนอื่น ๆ ได้กลับมารวมตัวกันในจุดรวมพล
ตอนที่ออกไปปฏิบัติภารกิจมีกันอยู่ 6 คน ทว่าบัดนี้เหลือกลับมาแค่ 3 คนเท่านั้น
ในกลุ่มของหลี่ฉางซู่ เขาและซุนเสี่ยวหูรอดชีวิตกลับมาได้ ทว่าเผิงเฉิงกลับต้องทิ้งชีวิตเอาไวในคลังสรรพาวุธของศัตรู
ส่วนอีกกลุ่มรอดชีวิตกลับมาได้แค่คนเดียว ซึ่งก็คือเฉินหยูซิน
“หัวหน้า” เฉินหยูซินก้มหน้าร้องไห้โฮ “เป้าจื่อ เป้าจื่อเข้าไปหยิบกระสุนและระเบิดเหล่านั้น จากนั้นเขา…เขาก็จุดมันขึ้นมา”
“ระเบิดนั้น มันระเบิดเร็วจนเกินไป ท้ายที่สุดเขา…เขาก็เลยวิ่งออกมามิทัน”
“แล้วเถี่ยหนิวเล่า ? ”
“หน่วยลาดตระเวนของศัตรูผ่านเข้ามาเห็นพอดี ข้ากับเถี่ยหนิวเลยสู้รบกับพวกมันอยู่พักหนึ่ง เพื่อช่วยคุ้มกันให้เป้าจื่อจุดไฟได้สำเร็จ… เถี่ยหนิวถูกกระสุนยิงทะลุ พวกข้าสังหารศัตรูไปได้ทั้งสิ้น 30 คน เป้าจื่อกังวลว่าถ้าใช้ไฟเผามันอาจจะช้าจนเกินไป เขาเลยจุดไฟเผาระเบิดและกระสุนเหล่านั้นเสีย…แน่นอนว่าศพของเขาจะมิเหลือแม้แต่กระดูก”
หลี่ฉางซู่หลับตาลง น้ำตาไหลอาบสองแก้ม
“เดิมทีข้ามีหน้าที่คุ้มกันแล้วให้เผิงเฉิงเข้าไปจุดไฟเผา แต่เขาบอกว่าเขามีลูกมีเมียแล้ว ทว่าพวกเราต้องมีชีวิตรอดต่อไป”
“ข้ายังมิทันได้โต้แย้งเขา ในใจเพียงหวังว่าพวกเราจะโชคดี แต่เมื่อข้าเข้าไปในคลังสรรพาวุธ ข้าได้เผชิญหน้ากับทหารลาดตระเวนพอดี เผิงเฉิงเขา…เขาล่อทหารลาดตระเวนออกไป เพื่อช่วยยืดเวลาให้ข้าให้ข้าได้จุดไฟเผา ทว่าท้ายที่สุดเขาก็มิรอดกลับมา ! ”
เป้าจื่อ เถี่ยหนิว เผิงเฉิงนั้นเป็นชื่อที่แสนธรรมดา พวกเขาถือเป็นคนทั่ว ๆ ไป
เป้าจื่อนั้นมีนามเต็ม ๆ ว่าจางเป้า อายุ 18 ปี
ส่วนเถี่ยหนิวนั้นมีนามเต็ม ๆ ว่าจางเถี่ยหนิว อายุ 22 ปี
แม้แต่คนในหอเทียนจีด้วยกันเองก็แทบจะมิมีผู้ใดรู้จักชื่อของพวกเขา
พวกเขาได้รับคำสั่งจากจี้หยุนกุยหัวหน้าพอเทียนจีให้เดินทางติดตามหลี่ฉางซู่มา และพวกเขาได้ฝ่าฝันอุปสรรคขวากหนามน้อยใหญ่จนมาถึงที่นี่ ทว่าพวกเขาต้องหลับใหลไปชั่วนิจนิรันดร์ที่นี่เช่นกัน
สายลับหอเทียนจีที่สิ้นชีพระหว่างทางก็เช่นเดียวกัน พวกเขาได้ทุ่มเทเสียสละวัยหนุ่มสาวของตนเพื่อที่จะให้กองทัพบกได้เคลื่อนทัพไปข้างหน้าอย่างราบรื่น แม้ต้องแลกด้วยการที่เขามิได้กลับต้าเซี่ยบ้านเกิดเมืองนอนอีกเลยก็ตาม
นามของพวกเขาจะมิเป็นที่ยกย่องในต้าเซี่ย และยิ่งมิถูกบันทึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์ใด ๆ
พวกเขาคือวีรบุรุษกลุ่มหนึ่งที่เดินเข้าสู่ความมืดมิดยามราตรีและมิมีผู้ใดล่วงรู้ !
พวกเขาคู่ควรที่จะถูกขนานนามว่าเป็นวีรบุรุษ !
“ไปกันเถิด” หลี่ฉางซู่สูดหายใจเข้าลึก จากนั้นก็หันไปกำชับหลี่เว้ย “ข้าเห็นทหารอากาศของต้าเซี่ยเข้ามาในเมืองปาแลร์โมแล้ว เจ้าจำต้องนำรายงานนี้ไปให้พวกเขา ! ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)