ตอนที่ 1342 นักรบผู้กล้าหาญ
หลี่เว้ยสายลับหอเทียนจีกำลังวิ่งอย่างสุดกำลัง
เขาวิ่งเร็วราวกับเหาะเหินมายังจุดที่มีควันไฟแห่งสงครามคุกกรุ่นที่สุด !
เขาทราบว่าจุดที่มีการสู้รบตรงนั้นจะต้องเป็นสหายของเขาอย่างแน่นอน และเขาก็ทราบเช่นเดียวกันว่าเสียงระเบิดที่ดังสนั่นโลกาเมื่อครู่ พวกหลี่ฉางซู่เกรงว่าคงจะมิอยู่รอดปลอดภัยแล้ว
บัดนี้สายลับหอเทียนยังเหลืออีกกี่คนกัน ?
เขามิอาจเสียเวลาขบคิดเรื่องนี้ได้ ความคิดอย่างเดียวของเขาในตอนนี้ก็คือนำเอาแผนที่การวางกำลังป้องกันของเมืองปาแลร์โมไปให้ทหารต้าเซี่ยที่กำลังบุกเข้ามาในเมืองให้ได้
นี่เป็นคำสั่งสุดท้ายที่หลี่ฉางซู่มอบให้แก่เขา และเขาจะต้องปฏิบัติตามคำสั่งนี้ให้สำเร็จ !
เขาได้ยินเสียงปืนปะทะกันอย่างรุนแรงและได้เห็นเปลวไฟพุ่งออกมาจากปลายกระบอกปืน ตรงตรอกซอยที่ห่างออกไปราว 10 จั้ง
พวกเขาก็คือกองกำลังจู่โจมกลุ่มที่สอง
หัวหน้ากลุ่มคือเผิงยวี๋เยี่ยน !
บัดนี้กลุ่มที่สองเหลือทหารผู้รอดชีวิตอีกแปดสิบกว่านายพวกเขากำลังเผชิญหน้าอยู่กับทหาร 1,000 นายภายในตรอกซอย
หลี่เว้ยรีบกระโดดขึ้นไปบนหลังคา เขาค่อย ๆ เข้าใกล้สนามรบมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว
เขาเห็นกองทัพฝ่ายตนและกองทัพฝ่ายศัตรู ดังนั้นเขาจึงถอนปืนเหมาเซ่อที่สะพายไว้บนหลังลงมา แล้วเล็งไปที่ข้าศึก
ดาบของเผิงยวี๋เยี่ยนแทบจะมิมีความหมายอันใดสำหรับสงครามนี้ นางถือปืนเหมือนกับทหารนายอื่น ๆ พร้อมกับยิงปะทะข้าศึกในตรอกแคบ ๆ แห่งหนึ่ง
ครู่หนึ่งนางจึงพบว่าสถานการณ์มิค่อยสู้ดีนัก เสียงปืนดึงดูดให้ข้าศึกเข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ !
ศัตรูฝ่ายตรงข้ามบุกเข้ามาอย่างมิกลัวตาย ซึ่งได้สร้างความกดดันให้แก่กลุ่มที่สองอย่างใหญ่หลวง
หากมิสามารถฝ่าวงล้อมนี่ออกไปได้ ถ้าหากว่าถูกข้าศึกสกัดกั้นทั้งข้างหน้าและข้างหลัง เช่นนั้นกลุ่มที่สองก็ต้องเผชิญหน้ากับทางตัน
“ทุกคนจงฟังคำสั่ง ให้ทั้งกองทัพถอย ! ข้าจะคุ้มกันเอง ! ”
เมื่อทหารกลุ่มที่สองได้รับคำสั่ง พวกเขาได้ทำการกระหน่ำยิงอย่างรุนแรงอีกครา เพื่อหยุดยั้งฝั่งตรงข้ามแล้วรีบถอยร่นอย่างรวดเร็ว
ปฎิกริยาตอบโต้ของกองทัพข้าศึกก็ว่องไวมากเช่นกัน ในขณะที่กลุ่มสองกำลังหันหลังกลับนั้นเอง เสียงปืนของพวกเขาก็ดังสนั่นขึ้นมาอีกครา
สองมือของเผิงยวี๋เยี่ยนจับปืนเอาไว้แน่น นางลุกพรวดขึ้นมาจากที่กำบัง ปืนสองกระบอกรัวพ่นกระสุนออกไป มันได้คร่าชีวิตของทหารข้าศึกไปกว่าสิบชีวิต
นางก้มหลบอีกคราแล้วรีบเปลี่ยนกระสุนอย่างรวดเร็ว ข้าศึกฉวยโอกาสนี้เข้าใกล้นางอีก 2 จั้ง
หลี่เว้ยจ้องมองด้วยความรู้สึกตื่นเต้น เขามองมิออกว่านั่นคือเผิงยวี๋เยี่ยน เขาทราบเพียงว่าทหารนายนั้นถูกอาวุธของศัตรูกดดันจนแทบจะชะเง้อศีรษะออกมามิได้
เผิงยวี่เยี่ยนได้เอาหลังพิงเข้ากับที่กำบัง จากนั้นก็สูดหายใจเข้าลึก นางคิดว่าตนคงจะกลับออกไปมิได้แล้ว
นางเผยอยิ้มมุมปาก รอยยิ้มนั้นเป็นการหวนย้อนระลึกถึงวันวาน เป็นความรู้สึกเสียดายที่เกิดขึ้นในก้นบึ้งของหัวใจของนาง
ราวกับว่านางได้กลับไปเห็นที่ราบชังซีเมื่อครานั้น ที่นั่นเป็นสถานที่ประจำการของกองทัพชายแดนใต้แห่งราชวงศ์หยู ทว่าทุกวันนี้ที่นั่นถูกบุกเบิกเป็นที่นาอุดมสมบูรณ์ และหลุมศพของหยูชุนชิวสามีของนางตั้งอยู่บนเนินเขาเตี้ย ๆ เพื่อคอยตรวจตราที่นาเหล่านั้น
ราวกับว่าได้กลับไปเห็นทุ่งหญ้าเหี้ยนเตียนซึ่งสามารถมองเห็นฝูงวัวฝูงแกะในชื่อเล่อชวนได้ ณ ชนเผ่าหวานเหยียนในรัฐลู่ฉีแห่งชื่อเล่อชวนมีเรือนหลังเล็กที่นางอยู่อาศัยมานานหลายปี
มีทั้งช่วงเวลาที่มีความสุขและช่วงเวลาที่เงียบเหงาเปล่าเปลี่ยว
เดิมทีนางอยากจะใช้ชีวิตอย่างเงียบ ๆ ดูเเลลูกทั้งสามให้พวกเขาได้เติบใหญ่ แต่งงาน มีลูกมีเต้าก็เท่านั้น
บัดนี้บุตรสาวมีครอบครัวที่อบอุ่นแล้ว ทว่าบุตรชายสองคนนี่สิ…บัดนี้ตระกูลหยูยังมิมีผู้สืบสกุล !
หวังว่าบุตรชายทั้งสองจะโชคดีและรอดพ้นจากศึกครานี้ไปได้ หวังว่าพวกเขาจะรีบแต่งงานมีลูกหลังจากที่คว้าชัยชนะกลับไป
เช่นนี้เมื่อนางจากไป นางถึงจะกล้าสู้หน้าผู้เป็นสามี
นางได้ปล่อยวางเรื่องการเกิดแก่เจ็บตายลงแล้ว และด้วยเหตุนี้นางถึงได้มาเข้าร่วมศึกพิชิตแดนไกลครานี้
ต้าเซี่ยเป็นดินแดนที่งดงาม คาดว่าต่อไปคงจะได้ยินข่าวคราวของต้าเซี่ยส่งมายังดินแดนที่ห่างไกลแห่งนี้บ้าง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)