ตอนที่ 1344 กำลังหนุน
ณ ค่ายพิชิตแดนไกลของกองทัพบกต้าเซี่ยบนเทือกเขาพีเรนีส
กวนเสี่ยวซียืนอยู่ท่ามกลางราตรีที่มืดสนิทราวกับน้ำหมึกอยู่เนิ่นนาน
กล้องส่องทางไกลของเขาคอยสอดส่องสมรภูมิรบที่ตั้งอยู่ไกล ๆ สม่ำเสมอ
เขามองเห็นเปลวเพลิงพวยพุ่งสามจุดซึ่งเกิดจากการระเบิดสามแห่ง เขามิทราบว่าที่นั่นเกิดอันใดขึ้นกันแน่ หัวใจของเขาร้อนรนราวกับว่ามันสามารถทะลักออกมาได้ทุกเมื่อ
เรือเหาะของกองทัพอากาศกองพลที่หนึ่งยังคงลอยอยู่เหนือกำแพงเมืองเมืองปาแลร์โม เขากำลังรอกองทัพฝ่ายศัตรูกรีธาทัพออกจากเมือง และกำลังรอให้กองกำลังจู่โจมกลับมา
นอกกำแพงเมืองเมืองปาแลร์โมยังมีกองพลอีกสองกองเตรียมพร้อมที่จะรบ
จุดประสงค์หลักของสงครามครานี้ ก็เพื่อลองดูว่ากองกำลังจู่โจมจะสามารถรวมพลกับหอเทียนจีในเมืองปาแลร์โมได้หรือไม่ ถ้าหากสามารถนำผังการวางกำลังป้องกันเมืองออกมาได้ล่ะก็… เช่นนั้นก็ให้กองทัพอากาศวางระเบิดใส่จุดยุทธศาสตร์ของศัตรูเสีย ศึกครานี้ก็จะคว้าชัยได้มากกว่าครึ่ง
เมื่อคว้าเมืองปาแลร์โมมาได้ พวกเขาถึงจะรุกคืบไปยังเมืองหลวงของฝูหล่างจีได้
บัดนี้ฟู่เสี่ยวกวนอยู่ที่ใดกันนะ ?
จากที่ข้าดูในตอนนี้ยังเหลือเวลาอีกสามเดือน ศึกพิชิตแดนไกลครานี้เดินมาถึงปลายทางแล้ว เขาที่เดินทางทางมหาสมุทรจะเป็นเยี่ยงไรบ้างนะ ?
เวลลีสที่ยืนอยู่ข้างกวนเสี่ยวซีก็ยกกล้องส่องทางไกลไว้ในมือเช่นกัน
บัดนี้เขาวางกล้องส่องทางไกลลง จากนั้นก็เอ่ยกับกวนเสี่ยวซีว่า “ท่านแม่ทัพที่เคารพ ข้าคิดว่ากองกำลังจู่โจมแค่ 1,000 นายมิสามารถทำอันใดเมืองเมืองปาแลร์โมได้มากนัก ! ”
“ฝูล่างจีได้เตรียมพร้อมกับศึกยุทธศาสตร์ครานี้เป็นเวลาสองปี สมเด็จพระราชินีของพวกเขาได้ทำนายการมาเยือนของพวกท่านเอาไว้ ดังนั้นที่เมืองเมืองปาแลร์โมแห่งนี้ย่อมมีการคุ้มกันอันแน่นหนาอย่างยิ่งยวด”
“มิชาลเป็นแม่ทัพที่มีชื่อเสียงที่สุดในฝูหล่างจี นายพลใต้บังคับบัญชาของเขาผ่านศึกมานับร้อยศึก นี่ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์แล้วว่าสมเด็จพระราชินีทรงให้ความสำคัญกับเมืองนี้มากเพียงใด ! ”
“1,000 คน…”
เวลลีสเบ้ปากพลางส่ายศีรษะ “แม้ข้าจะนับถือความเก่งกาจของพวกท่าน ทว่าทหารแค่ 1,000 นาย…คงมิอาจต่อสู้กับกองกำลังจำนวนมากของพวกเขาได้ ข้ามิต้องอ่านกลยุทธ์สงครามครานี้ก็พอจะเดาได้ว่า…ศึกครานี้พวกเขาคงยากที่จะหวนกลับมาแล้ว ! ”
กวนเสี่ยวซีวางกล้องส่องทางไกล จากนั้นก็เหล่ตามองเวลลีส “เจ้ามิรู้อันใดเกี่ยวกับทหารบกต้าเซี่ยเสียด้วยซ้ำ ! ”
“เจ้าเห็นระเบิดเหล่านั้นหรือไม่ ? คนของเราได้สร้างความโกลาหลให้เมืองเมืองปาแลร์โมอย่างใหญ่หลวง และความโกลาหลนี้จะนำความกดดันไปสู่ศัตรูอย่างมหาศาล ! ”
“ทหารฝีมือชั้นยอดมิได้วัดที่จำนวน มิเช่นนั้นกองทัพของเจ้าจะถูกพวกข้าตีจนแตกพ่ายได้อย่างง่ายดายหรือ ? ”
เวลลีสหน้าแดงก่ำ ทว่ากวนเสี่ยวซีมิอาจมองเห็นได้ เขายังคงดื้อดึงเอ่ยออกมาอีกว่า “ทว่าบัดนี้ท่านกำลังเผชิญหน้าอยู่กับกองทัพชั้นยอดของฝูหล่างจี ความสามารถในการรบของพวกเขาย่อมแข็งแกร่งกว่าทหารของจักรวรรดิซิลูซิดมากนัก ! ”
“ใต้หล้านี้ไร้ซึ่งกองทัพใดแข็งแกร่งเหนือกองทัพต้าเซี่ย ! ” กวนเสี่ยวซียิ้มร่าพลางตบบ่าของเวลลีส
เมื่อเอ่ยจบเขาจึงยกกล้องส่องทางไกลขึ้นมาดูลาดเลาต่อ เขาเพ่งความสนใจไปยังศึกที่ตั้งอยู่ไกลออกไป
ความคิดของเขาหลุดลอยไป ราวกับว่าได้ย้อนกลับไปยังศึกที่ด่านชีผานบนภูเขาฉางหลิงในสมัยราชวงศ์หยูอีกครา
ในตอนนั้นเขายังเป็นเพียงนายทหารของหน่วยสอดแนม
ในตอนนั้นเผิงยวี๋เยี่ยนคือหัวหน้าของเขา
หลังจากศึกครานั้น เผิงยวี๋เยี่ยนได้แนะนำให้เขาไปเข้าร่วมกองทัพดาบเทวะ และนั่นก็คือจุดเปลี่ยนโชคชะตาของเขา
เพียงชั่วพริบตาเดียว เวลาก็ล่วงเลยไปราวสิบกว่าปีเห็นจะได้
อยู่ ๆ เขาก็คิดถึงหญิงสาวคนนั้น เมื่อคราที่เขาลักลอบเข้ามาที่ด่านชีผาน
หญิงสาวที่เคยเสพสังวาสด้วยกันคราหนึ่ง บัดนี้นางไปอยู่ที่ใดกันนะ ?
เขาทราบว่าสตรีนางนั้นเป็นหญิงสาวในหอโคมเขียว นั่นเป็นเพียงแค่ความสนุกสนานชั่ววูบเท่านั้น ทว่าตนกลับจำนางได้ตราตรึงมิเสื่อมคลาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)