ตอนที่ 136 เรื่องราวความหลัง
สายลมพัดเหนือแม่น้ำ เมื่อพระอาทิตย์ส่องแสง หมอกบางก็เริ่มจางหาย
ฟู่เสี่ยวกวนขึ้นเรือเพื่อเดินทางไปเมืองหลินเจียง ซึ่งจอดเทียบท่าอยู่ใกล้ ๆ ท่าเรือ ณ ชั้นสามของเรือ ฟู่เสี่ยวกวนได้พบกับไป๋ยู่เหลียนอีกครั้งหนึ่ง
ผู้ที่ติดตามมากับฟู่เสี่ยวกวนนอกเหนือจากซูม่อและชุนซิ่วแล้ว ยังมีซูเจวี๋ยและซูโหรว
ซูเจวี๋ยอายุราว 40 ปี เขาใส่หมวกสวมชุดยาวสีคราม สะพายดาบไม้คาดอก ใบหน้าเหลี่ยม คิ้วหนาดกดำเข้ากับดวงตาคมเข้ม แม้แต่หนวดเคราก็ยังถูกจัดแต่งเป็นระเบียบ
เมื่อฟู่เสี่ยวกวนได้พบกับซูเจวี๋ยครั้งแรก เขาก็เข้าใจถึงคำว่า สมบูรณ์แบบ !
หลังจากได้รู้จักกันมาในระยะเวลาอันสั้นนี้ ยิ่งทำให้เขาเข้าใจว่าสิ่งใดเรียกว่าสมบูรณ์แบบ
หมวกใบนั้นที่ใส่จะอยู่ในตำแหน่งเดียวกันทุกครั้งมิมีบิดเบี้ยว ท่าทางการนั่งที่สง่างามไร้ที่ติ แม้ว่ายามกินข้าวหรือก้าวเดิน ทุกอิริยาบถของเขาล้วนน่าชื่นชม แต่เขากล่าวว่าสิ่งนี้มิได้เรียกว่าสมบูรณ์แบบ แต่คือกฎระเบียบ ! ซึ่งกฎระเบียบมีไว้ปฏิบัติตาม มิอาจฝ่าฝืนได้ ! ฟู่เสี่ยวกวนมองเขาด้วยความนับถือ
ผู้ที่ปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัดเช่นนี้ เขาเกิดมาทั้งสองชาติยังมิเคยพบเจอมาก่อน
ส่วนซูโหรวอายุราว 30 ปี หน้าตาธรรมดา หากจะกล่าวถึงจุดเด่นของนางก็คือดวงตาเล็กเรียว มองไปคล้ายกับคนกำลังหลับตาตลอดเวลา แต่นางหาได้หลับตาอยู่ไม่ บางครานางจะหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน แต่โดยมากนางจะนั่งปักผ้าอย่างเงียบ ๆ
นิสัยของซูโหรวนั้นเรียบร้อย อ่อนโยน แต่ซูม่อกลับกล่าวต่อฟู่เสี่ยวกวนว่า นิสัยที่แท้จริงของนางนั้นมิได้เป็นอย่างที่ตามองเห็น
การปักผ้า เป็นภารกิจที่ท่านอาจารย์มอบให้แก่นาง ได้ยินมาว่านางปักผ้ามานานกว่ายี่สิบปีแล้ว แต่เหตุผลที่ทำให้ฟู่เสี่ยวกวนตกตะลึงนั้นคือ หากท่านอาจารย์มิได้บังคับให้นางปักผ้าตั้งแต่เด็ก เกรงว่านางจะทำลายวัดเต๋าตงซานก็เป็นได้ !
ฟู่เสี่ยวกวนนึกถึงคำที่กล่าวว่า สมาธิสั้น บางทีซูโหรวอาจเป็นเช่นนี้ เพียงแต่ยังมิเคยพบว่านางขยับไปที่อื่นเท่าไหร่นัก
ไป๋ยู่เหลียนลุกขึ้นยืน เขาคารวะให้แก่ซูเจวี๋ย และซูเจวี๋ยเองก็คารวะตอบเขาเช่นกัน
ไป๋ยู่เหลียนคารวะให้กับซูโหรว นางได้แต่ยิ้มและมองดูไป๋ยู่เหลียน กล่าวว่า “หืม ! เจ้าเหลียนเหลียนเติบใหญ่เช่นนี้แล้วหรือ ?”
ไป๋ยู่เหลียนยิ้มให้นางแล้วกล่าวว่า “ท่านพี่โหรว ลายที่ท่านปักนั้นนับวันยิ่งงดงามขึ้น”
“แน่นอน หากเจ้ามีนางในดวงใจ ข้าจะปักให้เจ้าสักหนึ่งคู่”
ซูเจวี๋ยยังคงนั่งหลังตรง และกล่าวกับซูโหรวว่า “ศิษย์น้องสาม ระวังคำพูดเสียหน่อย”
ซูโหรวมีท่าทีไม่พอใจ นางขมวดคิ้วและมิได้เอ่ยคำใดออกมาอีก ได้แต่ก้มหน้าก้มตาปักผ้าของตนต่อไป
ฟู่เสี่ยวกวนแคลงใจยิ่งนัก สำนักเต๋านี้รับคนประเภทใดมาบ้างกัน ?
ซูม่อเคี้ยวข้าวคำละสามสิบสามครั้งทุกคำ ทุกอิริยาบถของซูเจวี๋ยล้วนเป็นระเบียบ ส่วนซูโหรวนั้นแตกต่างไปอย่างชัดเจน แล้วคนอื่น ๆ เล่า ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)