นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 136

สรุปบท ตอนที่ 136 เรื่องราวความหลัง: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)

สรุปตอน ตอนที่ 136 เรื่องราวความหลัง – จากเรื่อง นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) โดย Internet

ตอน ตอนที่ 136 เรื่องราวความหลัง ของนิยายทะลุมิติเรื่องดัง นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ตอนที่ 136 เรื่องราวความหลัง

สายลมพัดเหนือแม่น้ำ เมื่อพระอาทิตย์ส่องแสง หมอกบางก็เริ่มจางหาย

ฟู่เสี่ยวกวนขึ้นเรือเพื่อเดินทางไปเมืองหลินเจียง ซึ่งจอดเทียบท่าอยู่ใกล้ ๆ ท่าเรือ ณ ชั้นสามของเรือ ฟู่เสี่ยวกวนได้พบกับไป๋ยู่เหลียนอีกครั้งหนึ่ง

ผู้ที่ติดตามมากับฟู่เสี่ยวกวนนอกเหนือจากซูม่อและชุนซิ่วแล้ว ยังมีซูเจวี๋ยและซูโหรว

ซูเจวี๋ยอายุราว 40 ปี เขาใส่หมวกสวมชุดยาวสีคราม สะพายดาบไม้คาดอก ใบหน้าเหลี่ยม คิ้วหนาดกดำเข้ากับดวงตาคมเข้ม แม้แต่หนวดเคราก็ยังถูกจัดแต่งเป็นระเบียบ

เมื่อฟู่เสี่ยวกวนได้พบกับซูเจวี๋ยครั้งแรก เขาก็เข้าใจถึงคำว่า สมบูรณ์แบบ !

หลังจากได้รู้จักกันมาในระยะเวลาอันสั้นนี้ ยิ่งทำให้เขาเข้าใจว่าสิ่งใดเรียกว่าสมบูรณ์แบบ

หมวกใบนั้นที่ใส่จะอยู่ในตำแหน่งเดียวกันทุกครั้งมิมีบิดเบี้ยว ท่าทางการนั่งที่สง่างามไร้ที่ติ แม้ว่ายามกินข้าวหรือก้าวเดิน ทุกอิริยาบถของเขาล้วนน่าชื่นชม แต่เขากล่าวว่าสิ่งนี้มิได้เรียกว่าสมบูรณ์แบบ แต่คือกฎระเบียบ ! ซึ่งกฎระเบียบมีไว้ปฏิบัติตาม มิอาจฝ่าฝืนได้ ! ฟู่เสี่ยวกวนมองเขาด้วยความนับถือ

ผู้ที่ปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัดเช่นนี้ เขาเกิดมาทั้งสองชาติยังมิเคยพบเจอมาก่อน

ส่วนซูโหรวอายุราว 30 ปี หน้าตาธรรมดา หากจะกล่าวถึงจุดเด่นของนางก็คือดวงตาเล็กเรียว มองไปคล้ายกับคนกำลังหลับตาตลอดเวลา แต่นางหาได้หลับตาอยู่ไม่ บางครานางจะหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน แต่โดยมากนางจะนั่งปักผ้าอย่างเงียบ ๆ

นิสัยของซูโหรวนั้นเรียบร้อย อ่อนโยน แต่ซูม่อกลับกล่าวต่อฟู่เสี่ยวกวนว่า นิสัยที่แท้จริงของนางนั้นมิได้เป็นอย่างที่ตามองเห็น

การปักผ้า เป็นภารกิจที่ท่านอาจารย์มอบให้แก่นาง ได้ยินมาว่านางปักผ้ามานานกว่ายี่สิบปีแล้ว แต่เหตุผลที่ทำให้ฟู่เสี่ยวกวนตกตะลึงนั้นคือ หากท่านอาจารย์มิได้บังคับให้นางปักผ้าตั้งแต่เด็ก เกรงว่านางจะทำลายวัดเต๋าตงซานก็เป็นได้ !

ฟู่เสี่ยวกวนนึกถึงคำที่กล่าวว่า สมาธิสั้น บางทีซูโหรวอาจเป็นเช่นนี้ เพียงแต่ยังมิเคยพบว่านางขยับไปที่อื่นเท่าไหร่นัก

ไป๋ยู่เหลียนลุกขึ้นยืน เขาคารวะให้แก่ซูเจวี๋ย และซูเจวี๋ยเองก็คารวะตอบเขาเช่นกัน

ไป๋ยู่เหลียนคารวะให้กับซูโหรว นางได้แต่ยิ้มและมองดูไป๋ยู่เหลียน กล่าวว่า “หืม ! เจ้าเหลียนเหลียนเติบใหญ่เช่นนี้แล้วหรือ ?”

ไป๋ยู่เหลียนยิ้มให้นางแล้วกล่าวว่า “ท่านพี่โหรว ลายที่ท่านปักนั้นนับวันยิ่งงดงามขึ้น”

“แน่นอน หากเจ้ามีนางในดวงใจ ข้าจะปักให้เจ้าสักหนึ่งคู่”

ซูเจวี๋ยยังคงนั่งหลังตรง และกล่าวกับซูโหรวว่า “ศิษย์น้องสาม ระวังคำพูดเสียหน่อย”

ซูโหรวมีท่าทีไม่พอใจ นางขมวดคิ้วและมิได้เอ่ยคำใดออกมาอีก ได้แต่ก้มหน้าก้มตาปักผ้าของตนต่อไป

ฟู่เสี่ยวกวนแคลงใจยิ่งนัก สำนักเต๋านี้รับคนประเภทใดมาบ้างกัน ?

ซูม่อเคี้ยวข้าวคำละสามสิบสามครั้งทุกคำ ทุกอิริยาบถของซูเจวี๋ยล้วนเป็นระเบียบ ส่วนซูโหรวนั้นแตกต่างไปอย่างชัดเจน แล้วคนอื่น ๆ เล่า ?

“ราชวงศ์อู๋ เป่ยหวังชวน ! ”

มิใช่เพียงฟู่เสี่ยวกวนเท่านั้นที่ตกตะลึง แต่ซูม่อและซูเจวี๋ยก็ตกตะลึงเช่นกัน ซูโหรวนั้นได้หยุดการปักผ้าของนางลงทันที

เป่ยหวังชวน หนึ่งในนักรบผู้ยิ่งใหญ่แห่งเจียงหู ได้เดินทางไปกองทัพชายแดนตะวันออกเพื่อฆ่านายพลฉิน ฟังดูแล้วมิน่าเป็นไปได้ เนื่องจากตำแหน่งของพวกเขามีความแตกต่างกันมากโข อีกทั้งเป่ยหวังชวนมีเหตุผลใดที่ต้องทำเช่นนี้เล่า ?

“เพื่อธนูคันหนึ่ง เป่ยหวังชวนมิอาจปฏิเสธธนูคันนี้ได้ !”

“ธนูสยบตะวันที่ทำโดยช่างไม้ผู้เลืองชื่อในราชวงศ์ก่อนงั้นหรือ ? ” ซูม่อถามขึ้น

ไป๋ยู่เหลียนพยักหน้าและกล่าวว่า “เป่ยหวังชวนใช้วิชาด้านธนูที่มิมีผู้ใดเทียบได้กลายมาเป็นเทพแห่งสงครามผู้ยิ่งใหญ่ แต่น่าเสียดายที่เขาพ่ายแพ้ให้แก่เจ้าสำนักป่ากระบี่ ท่านอาจารย์กล่าวว่าลู่เสี้ยวเฟิงใช้ดาบเวหาฟันธนูของเป่ยหวังชวนจนหัก ทำให้เป่ยหวังชวนพ่ายแพ้ จู๋ซีซึ่งเป็นช่างผู้มีชื่อเสียงในราชวงศ์ก่อน ได้ใช้เวลาทั้งชีวิตของเขาสร้างอาวุธขึ้นมาเจ็ดชิ้น ดาบเวหานับเป็นหนึ่งในนั้น หากธนูสยบตะวันอยู่ในมือของเขา การต่อสู้ในครั้งนั้นคงตัดสินแพ้ชนะไม่ง่าย”

“เช่นนั้น ผู้ใดใช้ธนูนี้มาหลอกล่อเป่ยหวังซีกัน ? ”

“ตระกูลเฟ่ยแห่งเมืองหลวง ท่านอาจารย์เฟ่ย”

“มีหลักฐานงั้นหรือ ? ”

ไป๋ยู่เหลียนได้แต่ส่ายหน้า

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)