ตอนที่ 1367 แสงไฟสว่างทั่วทั้งเมืองฉางอัน
บรรยากาศคึกคักของเทศกาลปีใหม่ได้ผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว บัดนี้ได้ย่างเข้าสู่รัชสมัยต้าเซี่ยที่เจ็ดแล้ว
ขุนนางแต่ละแผนกกลับไปยุ่งวุ่นวายกับการงานอีกครา เหล่าพ่อค้าที่เพิ่งฉลองเทศกาลปีใหม่เสร็จก็เริ่มก้าวเข้าสู่หนทางการค้าอีกครา
เมื่อแสงไฟในบ้านเรือนของชาวเมืองสว่างไสวไปทั้งเมืองฉางอัน หยุนซีเหยียนก็ได้แบกสังขารที่เหนื่อยล้ากลับจวน
โหยวซีเฟิ่งจ้องมองด้วยสายตาเจ็บปวดพลางช่วยถอดชุดทางการให้แก่เขา “เป็นขุนนางนับวันยิ่งยุ่งวุ่นวายมากขึ้นเรื่อย ๆ บัดนี้ข้ากลับหวังให้เจ้ากลับไปเป็นหัวหน้ากรมการค้าเหมือนสมัยก่อนอย่างแท้จริง”
นางแขวนชุดทางการไว้บนฝาบ้าน จากนั้นก็หยิบชุดคลุมสีพื้นตัวหนึ่งมาสวมให้หยุนซีเหยียนพร้อมเอ่ยแกมบ่น “แม้ว่าตอนนั้นจะเป็นช่วงที่กำลังเริ่มก่อตั้งต้าเซี่ย แต่ก็มิได้ยุ่งจนมืดฟ้ามัวดินเช่นนี้… ข้าว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไปคงมิดีเป็นแน่ คนมิได้ทำมาจากเหล็ก หรือว่า…เจ้าจะลาออกดี ทำการค้าเหมือนโจ่งหยูก็สะดวกกสบายดีมิใช่หรือ ? ”
สองมือของหยุนซีเหยียนคว้าเอวของโหยวซีเฟิ่งเอาไว้ จากนั้นก็ยกยิ้มขึ้นมาแล้วกล่าวว่า “ถ้าหากว่าตอนนั้นข้ามิใช่หัวหน้ากรมการค้า เจ้าจะชอบข้าหรือไม่ ? บิดาของเจ้าจะยอมยกเจ้าให้ข้าเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
โหยวซีเฟิ่งกลอกตาใส่หยุนซีเหยียน “ข้ามีอิทธิพลมากถึงเพียงนั้นเชียวหรือ ? ”
“เจ้าปล่อยมือประเดี๋ยวนี้นะ ! ”
“แท้ที่จริง แท้ที่จริงที่ชอบเจ้าในตอนนั้น ข้ามีสาเหตุอื่นต่างหาก”
“เช่นนั้นเป็นเพราะเหตุผลอันใดกัน ? ” หยุนซีเหยียนผงะ
“ก็หนังสือรวบรวมบทกลอนของฟู่เสี่ยวกวนเยี่ยงไรเล่า ! ข้าได้ซื้อมาหนึ่งเล่ม และเห็นว่าหนังสือเล่มนี้ขายดีที่เมืองกวนหยุน จึงคิดว่าเจ้าน่าสนใจดี”
“แค่นี้เองหรือ ? ”
“…แน่นอนว่าหลังจากที่ได้พบเจ้าก็คิดว่าเจ้าหน้าตาดีใช้ได้ ฮิ ๆ ๆ ปล่อยมือประเดี๋ยวนี้นะ ข้าจะไปยกซุปไก่มาให้”
หยุนซีเหยียนมิได้ปล่อยมือออกแต่อย่างใด
เขายังคงกอดเอวของโหยวซีเฟิ่งไว้ทั้งอย่างนั้น พลันเอ่ยออกมาอย่างจริงจังว่า “หลายปีมานี้ต้องขอบคุณเจ้ายิ่งนัก”
โหยวซีเฟิ่งเขินอายจนต้องก้มหน้าหลบ “เป็นสามีภรรยากันแล้วจะขอบคุณอันใดกัน ? ”
“หลายปีมานี้ ข้ายุ่งจนแทบมิมีเวลามาอยู่เป็นเพื่อนเจ้า เจ้าทำงานหนักดูแลลูกและดูเรือนของเราโดยมิปริปากบ่นสักคำ ทำให้ครอบครัวของเราอยู่เย็นเป็นสุข”
“วันที่ข้าเดินทางไปกินหม้อไฟที่จวนของเยี่ยนซีเหวินก่อนปีใหม่ เยี่ยนซีเหวินเอ่ยว่า…ถ้าหากว่าฟู่เสี่ยวกวนกลับมา เขาคิดจะลาออกจากตำแหน่งแล้วติดตามฟู่เสี่ยวกวนไป…”
“ข้ามิเคยเอ่ยเรื่องนี้กับเจ้า เพราะตอนนั้นข้ายังมิทราบว่าตนเองต้องการอันใด และคิดว่าไหน ๆ ตนเองก็ลงหลักปักฐานที่เมืองฉางอันแล้ว จวนหลังนี้ก็ดีมากเช่นกัน มันเต็มไปด้วยความทรงจำในทุก ๆ ซองมุม ข้าจึงทำใจจากไปมิได้”
“ทว่าวันนี้มีเรื่องหนึ่งที่ทำให้ข้ารู้สึกสะเทือนใจ ข้าจึงย้อนกลับไปคิดอย่างละเอียดว่าข้าต้องการชีวิตแบบใด”
โหยวซีเฟิงเงยหน้าขึ้นมองหยุนซีเหยียนด้วยสายตาห่วงใย จากนั้นก็เอ่ยถามออกมาเสียงแผ่วว่า “เรื่องใดเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“เรื่องคูฉาน”
หยุนซีเหยียนจูงมือของโหยวซีเฟิ่งออกมาที่ลานบ้าน
หิมะที่กองทับถมในลานบ้านยังมิละลาย สายลมยามค่ำยังคงพัดมาอย่างต่อเนื่อง
“วันนี้คูฉานได้ลงนามในสนธิสัญญากับต้าเซี่ยอย่างเป็นทางการ โดยยินยอมให้ต้าฝานที่เขามุ่งมั่นสร้างขึ้นมากลายเป็นต้าฝานเต้าของต้าเซี่ย ! ”
“ตอนนั้นข้าจึงคิดว่า…ถ้าหากข้ามีดินแดนอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้อยู่ในมือ ข้าจะยอมละทิ้งไปอย่างง่ายดายเหมือนดั่งที่คูฉานทำหรือไม่ ? ”
“หลังจากนั้นข้าจึงนึกถึงฟู่เสี่ยวกวนขึ้นมา”
“ถ้าหากข้ารวมเอกสารทั้งห้าแคว้นและสถาปนาต้าเซี่ยอันยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้… ข้าจะยอมปล่อยวางอำนาจอย่างสบายใจ โดยมิเอ่ยถามอันใดเลยได้หรือ ? ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)