ตอนที่ 1366 แผนการของอู๋เทียนซื่อ
ณ เมืองกวนหยุนมีสถานที่แห่งหนึ่งชื่อว่ากวนหยุนถาย
เดิมทีมันตั้งอยู่ในพระราชวัง ทว่าตั้งแต่ต้าเซี่ยย้ายเมืองหลวง เมืองกวนหยุนที่เดิมทีเคยมีพระราชวังแห่งราชวงศ์อู๋อยู่นานนับร้อยปีก็ได้กลายเป็นอดีตไป
พระราชวังที่คราหนึ่งเคยเป็นตัวแทนแห่งอำนาจสูงสุดยังคงมีอยู่ เพียงแต่กำแพงสูงที่เคยล้อมรอบพระราชวังถูกทุบทิ้งไปแล้ว พระราชวังอันโอ่อ่าได้ปรากฏสู่สายตาของชาวต้าเซี่ย ทั้งยังสามารถเข้าไปชื่นชมความงดงามได้ตามอัธยาศัย
กวนหยุนถายก็มิต่างกัน
รัชสมัยต้าเซี่ยที่เจ็ด เดือนหนึ่ง วันที่สิบแปด หิมะที่ตกติดต่อกันมานานถึงหกวันก็ได้หยุดลงในท้ายที่สุด
ท้องนภาสีฟ้ากระจ่างใสราวกับถูกชะล้าง สุริยาโพล่พ้นขอบฟ้า แม้ว่ามันจะมิได้อบอุ่นเท่าใดนัก แต่มันก็ช่วยทำให้อารมณ์ของผู้คนเบิกบานขึ้นมิน้อย
อย่างน้อย ๆ อู๋เทียนซื่อก็มีอารมณ์เบิกบานแจ่มใส
เขาเดินทางมาถึงเมืองกวนหยุนได้เกือบหนึ่งเดือนแล้ว
เขาถูกกักบริเวณในพระราชวังเมืองฉางอันมากกว่าครึ่งปี !
บัดนี้เขานั่งอยู่ใต้ต้นสนต้นนั้นบนกวนหยุนถาย เขากวาดสายตามองเมฆหมอกพลัดพลิ้วไปมา พลางหวนนึกถึงคืนวันที่ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ เมื่อนึกถึงความเจ็บปวดในช่วงเวลาครึ่งปีที่ตนเองถูกขังอยู่ในพระราชวัง อยู่ ๆ เขาก็สัมผัสได้ถึงความหมายของคำว่าอิสระ
อืม…มันเป็นดั่งนกเหยี่ยวที่โผทะยานอยู่เหนือทะเลหมอกนั่น
มันสยายปีกอยู่กลางท้องนภา มิมีสิ่งใดเข้ามาขัดขวางมันได้
มันบินอยู่ภายใต้แสงสุริยาตามอำเภอใจ ทั้งยังดื่มด่ำกับความรื่นรมย์ยามสยายปีกไปมา
การกระทำเช่นนั้นช่างไร้ขีดจำกัด ทุกอย่างล้วนเดินตามมัน !
ทว่านั่นเป็นอิสระของนกเหยี่ยวตัวหนึ่งเท่านั้น อิสระเช่นนี้กลับกลายเป็นสิ่งเพ้อฝันสำหรับตน
ครานี้ตนหาข้ออ้างกลับมาไหว้สุสานบรรพบุรุษ พวกเขาถึงได้ปล่อยตนออกมาจากกำแพงสูงทั้งสี่ด้านนั้น ถึงได้มีโอกาสสัมผัสกับอากาศที่แม้จะหนาวเหน็บแต่ก็สดชื่นมากยิ่งนัก
ดังนั้น…
ข้าจะมิกลับไปยังฉางอันอีกต่อไป !
อยากน้อยก็มิกลับไปในตอนนี้
ใบหน้าวัยสิบหกปีของเขาเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา สายตาของเขายังคงจับจ้องนกเหยี่ยวที่บินโฉบเฉี่ยวไปมาท่ามกลางหมู่เมฆ จากนั้นก็หันไปเอ่ยอย่างสบาย ๆ กับจัวเปี๋ยหลีที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามว่า
“ก่อนที่เสด็จแม่จะออกเดินทาง นางได้บอกกล่าวเรื่องหนึ่งให้ข้าฟัง”
“นางกล่าวว่าท่านคือท่านตาของข้า และนางยังกล่าวอีกว่าที่เสด็จพ่อแต่งตั้งให้ท่านเป็นเสนาบดีกรมยุทธการก็เพื่อหวังให้ท่านช่วยปกป้องผืนปฐพีของต้าเซี่ยเอาไว้… และปกป้องราชบัลลังก์ด้วยเช่นกัน”
“แต่เมื่อปีกลายตอนที่พวกเขาปลดข้าออกจากตำแหน่ง ข้ามิคาดคิดเลยว่ายามที่เยี่ยนซีเหวินเสนอให้ปลดข้าออกจากตำแหน่ง ท่านตากลับยกมือเห็นด้วยอย่างกระตือรือร้น”
“ทว่าท่าน…ท่านเป็นถึงท่านตาของข้า ท่านกลับมิแสดงความเห็นอันใดออกมา แท้ที่จริงท่านคือผู้กุมอำนาจทางการทหาร ท่าทีของท่านเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด”
“ดังนั้นครึ่งปีให้หลังมานี้ ข้าจึงรู้สึกโกรธเคืองท่านเป็นอย่างยิ่ง เสด็จพ่อได้ส่งต่อผืนปฐพีนี้ให้แก่ข้า บัดนี้…บัดนี้ข้ามิทราบว่าเสด็จพ่ออยู่แห่งหนใด ในเมื่อมิมีผืนปฐพีแล้ว มันจะมีประโยชน์อันใดกัน ? ”
“หลังจากนั้นข้าจึงได้คิดทบทวนตนเอง บางทีข้าอาจจะทำผิดพลาดไปแล้วก็เป็นได้ ทว่าคราหนึ่งเสด็จพ่อทรงตรัสเอาไว้ว่าใต้หล้านี้มิมีผู้ใดที่สมบูรณ์แบบ เป็นมนุษย์เยี่ยงไรก็ต้องทำผิดอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ แต่เมื่อรู้ผิดแล้วก็จงแก้ไขให้มันถูกต้อง”
“ทว่าผู้ใดเล่าจะให้โอกาสข้าได้ปรับปรุงแก้ไข ? ”
“ท่านตา…ท่านมิได้ให้โอกาสข้า ท่านทวดยิ่งมิใยดี และด้วยเหตุนี้ข้าจึงมิอยากพบเจอพวกท่านตลอดครึ่งปีที่ผ่านมา แท้ที่จริงแม้แต่ตอนนี้ข้าก็ยังมิอยากยุ่งเกี่ยวกับพวกท่าน เพียงแต่เยี่ยนซีเหวินเจ้าสารเลวนั่นกลับให้ท่านเดินทางมาเป็นเพื่อนข้าที่เมืองกวนหยุน”
“ข้าลองคิดตริตรองดูดี ๆ แล้ว มิทราบเช่นกันว่าเจ้าสารเลวนั่นต้องการจะทำอันใดกันแน่ ? ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)