ตอนที่ 1372 ความกังวลสับสน
รถไฟขบวนหนึ่งเดินทางออกมาจากท่าเรือเจียงเฉิง
ซึ่งเป็นขบวนเฉพาะการ บนรถไฟคันนั้นนอกฟู่เสี่ยวกวนและทหารแล้วก็มิมีผู้โดยสารคนอื่น ๆ อีกเลย
นี่เป็นคราแรกที่สมเด็จพระราชินีมารีอาที่สองเห็นรถไฟ นางรู้สึกประหลาดใจมากยิ่งนัก เดิมทีนางมีคำถามมากมายอยากจะเอ่ยถามฟู่เสี่ยวกวน แต่นางกลับต้องเก็บงำความสงสัยเอาไว้
เมื่อครู่ตอนที่อยู่ท่าเรือ นางมิได้ยินสิ่งที่ขุนนางรายงานต่อฟู่เสี่ยวกวน ทว่านางเห็นสีหน้าของฟู่เสี่ยวกวนเปลี่ยนแปลงไป
นางยังมิเคยเห็นเขาโมโหถึงเพียงนี้ มิว่าจะที่ฝูหล่างจีหรือระหว่างเดินทางมายังต้าเซี่ย เพราะฟู่เสี่ยวกวนมักจะมีท่าทีสงบนิ่งอยู่เสมอ
แม้แต่ตอนที่เขาเห็นหนังสือศิลปะการทำนายเล่มนั้น เขาเพียงแค่แสดงสีหน้าตกใจออกมาให้เห็นเท่านั้น มิได้เคร่งขรึมเหมือนกับตอนนี้
บางทีอาจจะเกิดเรื่องหนักหนาขึ้นกับต้าเซี่ยก็เป็นได้
สมเด็จพระราชินีมารีอาที่สองเงยหน้าขึ้นมองดูฟู่เสี่ยวกวน เขากำลังเอ่ยอันใดบางอย่างกับขุนนางผู้นั้น สีหน้าดีกว่าตอนที่อยู่ท่าเรือเล็กน้อย สายตาคู่นั่นราวกับเผยความรู้สึกผิดหวังออกมาให้เห็น
“พวกอัครมหาเสนาบดีเยี่ยนนั้นมิผิด”
“ข้าเป็นกังวลจนลืมเอ่ยถามชื่อแซ่ของเจ้า…เจ้าน่าจะเข้ามารับตำแหน่งหลังจากที่ข้าเดินทางจากต้าเซี่ยไปสินะ ? ”
“ทูลจักรพรรดิพระเจ้าหลวง กระหม่อมมีนามว่าชิวจี้เย่ เดิมทีเป็นนายอำเภออยู่ที่อำเภอหลี่แห่งหยวนตงเต้า หลังจากนั้นกรมขุนนางก็ได้แต่งตั้งกระหม่อมเป็นจือโจวหลังจากที่ได้รับคะแนนดีเยี่ยมมาตลอดหลายปี”
“อ่า…วันนี้ข้าได้เห็นท่าเรือเจียงเฉิงรุ่งเรืองเพียงนี้ คาดว่าใต้เท้าชิวคงตั้งใจทำงานอย่างแท้จริง”
ชิวจี้เย่รีบโค้งกายคารวะแล้วเอ่ยด้วยความหวาดหวั่น “นี่เป็นหน้าที่ของกระหม่อม กระหม่อมยังคงจำคำสอนของพระองค์ได้ขึ้นใจ”
“เจ้านั่งลงเถิด มิต้องพิธีรีตองมากนักหรอก” ฟู่เสี่ยวกวนวางถ้วยชาลงแล้วมองไปทางชิวจี้เย่ จากนั้นก็เอ่ยถามขึ้นมาอีกว่า “เมื่อครู่เจ้าเอ่ยว่าเทียนซื่อทำพิธีสักการะที่วัดไท่เมี่ยวเมื่อวันที่สองเดือนสองใช่หรือไม่ ? ”
“ใช่พ่ะย่ะค่ะ… จักรพรรดิพระเจ้าหลวง กระหม่อมคิดว่า คิดว่าองค์ชายใหญ่ทรงมีความตั้งพระทัยที่แน่วแน่ เพราะเยี่ยงไรเสียพิธีสักการะจะต้องจัดขึ้นในทุกปี พระองค์ทรงเสด็จเดินทางไกลเพื่อต้าเซี่ย ทั้งยังพาองค์ชายทั้งหลายติดตามไปด้วย แม้ว่าองค์ชายใหญ่จะถูกจองจำ แต่พระองค์ก็เป็นองค์ชายเพียงพระองค์เดียวที่ยังคงพำนักอยู่ในต้าเซี่ยทุกวันนี้ นี่เป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ว่าองค์ชายใหญ่ทรงเจริญพระชนมพรรษาเป็นผู้ใหญ่แล้ว หรือบางที…”
ชิวจี้เย่ชะงักอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยด้วยความระมัดระวังว่า “หรือบางทีหลังจากที่องค์ชายใหญ่ทบทวนตนเองราวครึ่งปี พระองค์อาจจะทรงตระหนักรู้ถึงความสำคัญของประเทศแล้ว ถ้าหาก...ถ้าหากว่าเป็นเช่นนี้ กระหม่อมคิดว่าประเทศนั้นมิอาจขาดองค์จักรพรรดิได้แม้แต่วันเดียว ขอจักรพรรดิพระเจ้าหลวงทรงเมตตาองค์ชายใหญ่ด้วยเถิด เพราะเยี่ยงไรเสียพระองค์ก็ยังเยาว์วัยนัก”
ชิวจี้เย่มิทราบเบื้องลึกเบื้องหลังของเหตุการณ์นี้ ดังนั้นการที่เขาเอ่ยเช่นนี้ก็มิได้ผิดอันใด
เดิมทีเขาเป็นกังวลว่าเมื่อจักรพรรดิพระเจ้าหลวงทรงทราบเรื่องที่พวกอัครมหาเสนาบดีเยี่ยนปลดอู๋เทียนซื่อลงจากบัลลังก์แล้วจะทรงพิโรธ แต่มิคาดคิดเลยว่าเมื่อจักรพรรดิพระเจ้าหลวงทรงได้ยินคำบอกเล่าของตนแล้ว กลับผ่อนคลายยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
พระองค์มิได้กล่าวโทษพวกอัครมหาเสนาบดีเยี่ยน แต่กลับชื่นชมอีกต่างหาก
นี่คือความเมตตาของจักรพรรดิพระเจ้าหลวง
ดังนั้นแล้วความผิดทุกประการที่องค์ชายใหญ่ทรงกระทำ ถ้าหากว่าเขาแก้ไขและปรับปรุงตนเอง คาดว่าจักรพรรดิพระเจ้าหลวงคงมิถือโทษโกรธเขาอีกต่อไปเช่นกัน
แต่ฟู่เสี่ยวกวนกลับมิได้คิดเหมือนที่ชิวจี้เย่คิด
สักการะวัดไท่เมี่ยวเยี่ยงนั้นหรือ ?
เดิมทีนี่ควรจะเป็นเรื่องที่น่ายินดี ทว่าเยี่ยนซีเหวินเป็นคนที่หนักแน่นมาโดยตลอด หากมิเกิดเรื่องใหญ่เทียมฟ้าอย่างแท้จริง เขาคงมิออกคำสั่งลับนี้ให้ชิวจี้เย่คอยเฝ้าติดตามการมาเยือนของตนอย่างใกล้ชิดเป็นแน่
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์หิมะถล่มในปีนั้น หัวใจของเขาพลันกระตุกทันใด จากนั้นก็ตามมาด้วยความสงสัย หลังจากเหตุการณ์หิมะถล่มในครานั้น วัดไท่เมี่ยวก็ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ พิธีสักการะถูกจัดขึ้นที่วัดไท่เมี่ยวแห่งใหม่ วัดไทเมี่ยวที่ตั้งอยู่บนภูเขาหิมะถูกทิ้งร้างไปเนิ่นนานแล้ว เพื่อป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์หิมะถล่มทับอีกครา
มีเหตุอันใดที่ทำให้เยี่ยนซีเหวินละทิ้งงานบ้านงานเมืองแล้วมาประจำการอยู่ที่เมืองกวนหยุนกัน ?
จริงสิ ! ตราประทับหยก หอเทียนจีชั้นที่สิบแปด !
อยู่ ๆ ฟู่เสี่ยวกวนก็นึกถึงสถานที่แห่งนั้นขึ้นมาได้ ซึ่งเขาเกือบจะลืมไปจนสิ้นแล้ว ทันใดนั้นก็เกิดลางสังหรณ์มิดีขึ้นมา จึงทำให้เขารู้สึกประหม่าอีกครา
เขาหันหน้าไปมองนอกหน้าต่าง
บัดนี้ท้องนภาเริ่มมืดลงแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)