ตอนที่ 1373 สหายเก่าแก่
หนิงซือเหยียนนั่งอยู่หน้าประตูใหญ่ของคฤหาสน์จิ้งหู
ข้างกายของเขามีกระบี่เล่มใหญ่วางอยู่ พร้อมด้วยน้ำเต้าสุราขนาดใหญ่ เบื้องหน้าของเขามีโคมไฟสว่างโชติช่วง ส่วนด้านบนมีไก่แขวนอยู่หนึ่งตัว
เบื้องหน้าของเขามีชายหนุ่มนั่งอยู่หนึ่งคนซึ่งสะพายธนูไว้บนหลัง
หนิงซือเหยียนพลิกไก่ไปมา จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นแล้วมองไปยังชายหนุ่มผู้นั้น อยู่ ๆ เขาก็เผยรอยยิ้มออกมาแล้วเอ่ยว่า “เยี่ยนกุยหลาย สิบปีมานี้เจ้ากลับมาพร้อมกับธนูสุริยะพินาศของเป่ยหวังฉวน… เช่นนี้หมายความว่าเจ้าบรรลุเป็นปรมาจารย์แล้วสินะ ? ”
ชายหนุ่มผู้นั้นก็คือเยี่ยนกุยหลาย ศิษย์เพียงหนึ่งเดียวที่ร่ำเรียนวิชามากับเป่ยหวังฉวน
ตอนที่ฟู่เสี่ยวกวนเดินทางมายังคฤหาสน์จิ้งหูในสมัยราชวงศ์อู๋ เยี่ยนกุยหลายเคยเดินทางมาเยือนที่นี่แล้วหนึ่งครา ตอนนั้นหนิงซือเหยียนก็เป็นยามเฝ้าประตูของคฤหาสน์จิ้งหูเช่นกัน การที่เยี่ยนกุยหลายกลับมาครานี้ก็เพื่อมาทำตามสัญญานัดพบที่เคยให้ไว้เมื่อสิบปีที่แล้ว
เขามิได้มาประลองกับหนิงซือเหยียนแต่อย่างใด ทว่าเขามาหาซูซูต่างหาก
เยี่ยนกุยหลายมิได้ตอบคำถามของหนิงซือเหยียน เขาย้ายสายตาจากไก่ย่างไปยังกระบี่เล่มใหญ่ที่วางอยู่ข้างกายของหนิงซือเหยียน จากนั้นก็นิ่งเงียบไปชั่วครู่ แล้วถามย้อนกลับมาว่า “กระบี่ของเจ้ายังคงเดิม หมายความว่าเจ้ายังมิบรรลุระดับปรมาจารย์สินะ”
เป่ยหวังฉวนอาจารย์ของเขาเคยเอ่ยเอาไว้ว่าหนิงฝาเทียนหนักแน่นในความรู้สึก หนักแน่นในกระบี่ ทว่าหนิงซือเหยียนกลับลืมความรู้สึก ทั้งยังละทิ้งกระบี่ !
หากวันใดวันหนึ่งหนิงซือเหยียนไร้ซึ่งกระบี่ หมายความว่าวันนั้นเขาได้บรรลุระดับปรมาจารย์แล้ว
หนิงซือเหยียนเผยอยิ้มมุมปาก จากนั้นก็หยิบไก่ที่กำลังย่างลงมา
เขาหันไปคว้ากระบี่เล่มนั้น แล้วใช้มันหั่นไก่เป็นชิ้น ๆ
“เพียงชั่วพริบตาเดียวเป่ยหวังฉวนก็ได้เดินทางไปยังภูเขาลั่วเหมยเกือบสิบปีแล้ว…เขาสบายดีหรือไม่ ? ”
สีหน้าของเยี่ยนกุยหลายมืดครึ้มลงทันใด “ท่านอาจารย์…ท่านอาจารย์จากไปแล้วล่ะ”
หนิงซือเหยียนผงะตกใจ เขาหยุดมือที่กำลังหั่นไก่ลง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองเยี่ยนกุยหลาย ผ่านไปสักพักใหญ่ถึงได้เอ่ยถามออกมาว่า “ตั้งแต่เมื่อใดกัน ? ”
“ฤดูใบไม้ร่วงเมื่อปีกลาย วันที่สิบห้า เดือนเปด”
“…แล้วโหยวเป่ยโต้วเล่า ? ”
“ท่านโหยวไปเร็วกว่าท่านอาจารย์หนึ่งก้าว”
“……”
หนิงซือเหยียนค่อย ๆ เบนสายตากลับมา จดจ้องไปยังกองไฟกองนั้น เพียงมินานเขาจึงใช้กระบี่หั่นไก่ตัวนั้นอีกครา แต่เห็นได้ชัดว่าจิตใจของเขานั้นยุ่งเหยิง เพราะเนื้อไก่หนาบ้างบางบ้างมิเสมอกัน
สิบปีมาแล้ว !
ตอนนั้นในคฤหาสน์จิ้งหู เป่ยหวังฉวนกับโหยวเป่ยโต้วได้ทำการโจมตีกงซุน ต้วนหยุนโฉวและคนอื่น ๆ ที่นี่ เพื่อจัดการแผนร้ายของจักรพรรดินีเซียวและปกป้องความปลอดภัยของฟู่เสี่ยวกวน
เวลาสิบปีผ่านไปในชั่วพริบตา สุดยอดปรมาจารย์ทั้งสองของราชวงศ์อู๋ได้นั่งนกกระเรียนไปยังสวรรค์ทางทิศประจิมแล้ว วันเวลามิเคยรอผู้ใดอย่างแท้จริง
“ต้นเหมยที่ภูเขาลั่วเหมย…ยังมีอยู่หรือไม่ ? ”
“แน่นอนว่ายังมีอยู่ ท่านโหยวได้รับศิษย์เข้ามาจำนวนหนึ่ง พวกเขายังคงอยู่บนภูเขาลั่วเหมย ทั้งยังดูแลต้นเหมยเหล่านั้นเป็นอย่างดี”
หนิงซือเหยียนถอนหายใจยาวออกมา แล้วส่งจานไก่ไปให้เยี่ยนกุยหลาย “ในเมื่อเจ้าออกมาจากภูเขาลั่วเหมยแล้ว เช่นนั้นก็หมายความว่าเจ้าบรรลุเป็นปรมาจารย์แล้วสินะ ซูซูเดินทางติดตามเขาออกไปจากต้าเซี่ยตั้งแต่สามปีก่อน หากเจ้าอยากจะประลองกับซูซูล่ะก็…เกรงว่ายากที่จะสำเร็จเสียแล้วสิ”
เยี่ยนกุยหลายยื่นมือออกมารับจานไก่ พร้อมกับส่ายศีรษะเบา ๆ “ข้าบรรลุระดับปรมาจารย์แล้วก็จริง แต่ข้ามิได้มาประลองกับซูซูหรอก”
“แล้วเจ้ามาทำอันใดกัน ? ”
“ท่านอาจารย์ไหว้วานให้ข้าปกป้องความปลอดภัยของเขา หรือจะเป็นยามเฝ้าประตูเยี่ยงเจ้าก็ได้”
หนิงซือเหยียนเลิกคิ้วขึ้น “นี่เป็นความคิดที่ค่อนข้างดีเลยทีเดียว เพียงแต่มิทราบว่าเขาจะกลับมาเมื่อใดนี่สิ”
ทันใดนั้นหนิงซือเหยียนและเยี่ยนกุยหลายก็หันขวับไปที่ประตูพร้อมกัน
มีรถม้าสองคันขับพุ่งเข้ามาทางประตูใหญ่ท่ามกลางความมืดมิดยามราตรีกาล
หนิงซือเหยียนขมวดคิ้วเข้าหากันทันใด เพราะคฤหาสน์จิ้งหูแห่งนี้มิมีผู้ใดมาเยือนหลายปีแล้ว
รถม้าหยุดลงตรงหน้าพวกเขาทั้งสองคน ท่ามกลางสายตาของพวกเขาทั้งสอง ฟู่เสี่ยวกวนเดินลงมาจากรถม้าโดยมีกวนเสี่ยวซี จัวเปี๋ยหลีและจี้หยุนกุยตามลงมา
เขายืนอยู่เบื้องหน้าของหนิงซือเหยียน จากนั้นก็เผยรอยยิ้มออกมาให้เห็น
“เจ้าน่าจะเป็นยามเฝ้าประตูที่ภักดีที่สุดในใต้หล้า”
หนิงซือเหยียนก็เผยรอยยิ้มออกมาเช่นกัน
“ตอนที่เจ้าเดินทางจากไป ข้าคิดจะไปเป็นยามเฝ้าประตูให้แก่เจ้าที่ฉางอัน แต่…ฮั่วหวยจิ่นกล่าวว่านั่นเป็นหน้าที่รับผิดชอบของเขา เขามีทหารอยู่ในมือจำนวนมาก ข้าคงมิอาจเทียบเคียงกับเขาได้ ดังนั้นข้าก็เลยไร้ซึ่งที่ไป คิดว่าอยู่ที่คฤหาสน์จิ้งหูแห่งนี้เสียยังดีกว่า บางทีเจ้าอาจจะกลับมาอยู่ที่นี่ในสักวันหนึ่ง”
“ดี ! เช่นนั้นหลังจากนี้เจ้าเดินทางติดตามข้าไปเป็นยามเฝ้าประตูที่อิงเทียนเถิด”
เมื่อกล่าวจบ จึงหันหน้าไปมองเยี่ยนกุยหลาย
เขามิรู้จักเยี่ยนกุยหลาย แต่เขารู้จักธนูสุริยะพินาศนั่น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)