ตอนที่ 1381 สาวน้อยเก็บเห็ด
ทุ่งหญ้าเขียวขจีทอดยาวสุดลูกหูลูกตาดังเดิม
ตั้งแต่ที่เปิดประตูหอเทียนจีชั้นที่ 18 เข้ามายังสถานที่แปลกตาแห่งนี้ อู๋เทียนซื่อและหลิวจิ่นก็ได้เดินเท้ามาเป็นเวลาแรมเดือนแล้ว
เสื้อผ้าบนเรือนร่างของพวกเขาขาดวิ่นจนมิน่ามอง ความเหนื่อยล้าบนใบหน้าของพวกเขานับวันยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
จากที่อู๋เทียนซื่อตื่นเต้นฮึกเหิมในตอนแรก บัดนี้กลับรู้สึกสิ้นหวังยิ่งนัก…เขาหยุดฝีเท้าแล้วหันหน้ากลับไปมองเส้นทางที่เดินผ่านมา
มันมิมีถนนด้วยซ้ำไป
ด้านหลังก็เป็นทุ่งหญ้าเขียวขจีเช่นกัน แม้แต่ร่องรอยของพวกเขาก็มิมีให้เห็นมากนัก
เขานั่งลงไปบนพื้นหญ้า แล้วเงยหน้ามองสุริยาที่ลอยเด่นกลางท้องนภา เขาเช็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นมาจนเต็มหน้าผาก แล้วเอ่ยกับหลิวจิ่นอย่างไร้เรี่ยวแรงว่า “ข้าหิวแล้ว… ข้าเกรงว่าข้าจะเดินต่อไปมิไหวแล้ว… คาดว่าพวกเราคงจะกลายเป็นปุ๋ยหล่อเลี้ยงทุ่งหญ้าแห่งนี้เป็นแน่”
“ฝ่าบาท”
“ข้ามิใช่ฝ่าบาทอันใดนั่นแล้ว”
“ข้าคงมิมีวาสนาแล้วล่ะ หลิวจิ่นเอ๋ย ข้าชักจะรู้สึกเสียใจเข้าแล้วสิ”
หลิวจิ่นยังจะเอ่ยอันใดได้อีกกัน ?
เขาเองก็รู้สึกเสียดายที่เลือกทำเช่นนี้ !
หากทราบว่าจะสะบักสะบอมเช่นนี้ สู้ถูกกักขังอยู่ในพระราชวังเมืองฉางอันเสียยังดีกว่า
แม้ว่าจะมิมีนางกำนัลคอยปรนนิบัติ แต่ก็มิต้องกังวลเรื่องกินเรื่องดื่ม
อีกทั้งยังมีโอกาสปีนต้นไม้เพื่อชมทิวทัศน์อันงดงามและความเจริญรุ่งเรืองของเมืองฉางอันในยามราตรีอีกด้วย
เขาคำนึงถึงฟู่เสี่ยวกวนอย่างสุดหัวใจ
คราหนึ่งฟู่เสี่ยวกวนเคยกล่าวกับเขาว่า… ขันทีก็สามารถเป็นขุนนางได้ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นอุดมการณ์ของเขา และครั้งหนึ่งเขาเคยทำงานอย่างหนักเพื่อที่จะทำตามอุดมการณ์นี้
เขาหวนนึกถึงคราแรกที่เดินทางออกท่องมหาสมุทร ฟู่เสี่ยวกวนปฏิบัติต่อตนอย่างดีตอนที่หวนกลับมา
ก่อนที่จักรพรรดิพระเจ้าหลวงจะเดินทางออกจากเมืองฉางอัน พระองค์ได้ฝากฝังให้ตนดูแลจักรพรรดิพระองค์ใหม่ให้ดีที่สุด เมื่อจักรพรรดิพระองค์ใหม่กระทำสิ่งใดมิสมควรก็จงแนะนำอย่างจริงใจ ทว่า…ทว่าสุดท้ายตนกลับตกเป็นเบี้ยล่างของพระราชอำนาจของจักรพรรดิพระองค์ใหม่ เรื่องมิสมควรที่จักรพรรดิพระองค์ใหม่ทรงกระทำ ตนมิได้กล่าวห้าม แต่กลับกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดไปด้วย
เช่นนี้จะกล่าวโทษผู้ใดได้เล่า ?
หลิวจิ่นเงยหน้าขึ้นมองท้องนภาแล้วถอนหายใจออกมา หรือนี่จะเป็นดั่งคำกล่าวของจักรพรรดิพระเจ้าหลวง… สิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่เหนือศีรษะสามฉื่อ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
“ฝ่าบาท สถานที่แห่งนี้… กระหม่อมได้สำรวจโดยละเอียดแล้ว มันช่างประหลาดยิ่งนัก เพราะมันมีการหมุนเวียนของสุริยาและจันทรา แต่กลับไร้ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล”
“คาดว่าพวกเราน่าจะเดินเข้ามาได้สี่เดือนแล้ว ทว่าหญ้ายังคงเป็นสีเขียวอยู่ ดอกไม้ยังดูสดใหม่ ราวกับว่าพวกเราเหยียบย่ำอยู่ที่เดิมตลอดเวลา”
“โชคดีที่บนทุ่งหญ้ามีอาหารให้กินมากมาย เช่น…เห็ดหรือกระต่ายป่า และโชคดีที่พวกเรามิเคยพบกับพวกสัตว์ป่าดุร้าย”
“บ่าวกำลังคิดว่า…สามารถปักหลักอยู่ที่นี่ไปได้ชั่วชีวิต”
อู๋เทียนซื่อถอนหายใจยาวแล้วกวาดสายตามองทั่วทั้งสี่ทิศ เขามิได้ตอบกลับหลิวจิ่นแต่กลับสั่งการอย่างอื่นแทน “ข้าหิวแล้ว หาอันใดกินสักหน่อยเถิด”
“น้อมรับพระบัญชา ! ”
หลิวจิ่นลุกขึ้นยืนทันใด ในขณะที่เขากำลังจะก้มลงไปเก็บเห็ด ร่างของเขาพลันแข็งทื่อยู่ครู่หนึ่ง และแล้วความปริ่มใจก็เผยออกมาบนใบหน้า…
“ฝ่าบาท ฝ่าบาท ท่านลองทอดพระเนตรนั่นสิพ่ะย่ะค่ะ ตรงนั้นมีเด็กผู้หญิงอยู่ ! ”
อู๋เทียนซื่อหันศีรษะกลับไป ในระยะที่มิไกลเท่าใดนักเห็นเด็กผู้หญิงในชุดกระโปรงสีแดง
แม่นางน้อยโค้งเอวลงไปหยิบเห็ดในพุ่มไม้ จากนั้นก็ใส่ลงไปในตะกร้าที่นางถือเอาไว้ นางมองพวกอู๋เทียนซื่อด้วยสายตาที่มิสะทกสะท้านแม้แต่น้อย
นางกำลังกระโดดโลดเต้นอยู่บนทุ่งหญ้า เก็บเห็ดไปพลางร้องเพลงไปพลาง…
“แม่สาวน้อยเก็บเห็ด
แบกตะกร้าไผ่สานใบใหญ่
เท้าเปลือยเปล่ายามเช้าสงัด
ล่องไปทั่วภูเขาลำเนาไพร
……”
เสียงเพลงมิได้ไพเราะมากนัก ทั้งยังมีกลิ่นอายแปลก ๆ ด้วยซ้ำไป สำหรับอู๋เทียนซื่อที่มิได้พบเจอผู้ใดเลยนอกจากหลิวจิ่นตั้งแต่เดินเข้ามา เสียงนี้เป็นดั่งเสียงจากสวรรค์ !
เขาลุกขึ้นมาจากพื้น จากนั้นก็คว้าตัวหลิวจิ่นเอาไว้ แล้วออกแรงบีบคอของหลิวจิ่นทันใด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)