ตอนที่ 145 เยี่ยนซีเหวินมาเยี่ยมเยียน
แรกเริ่มของฝนในฤดูหนาว หนาวเหน็บอ้างว้างเวทนาและน่าเศร้า
ฟู่เสี่ยวกวนนั่งอยู่ที่โต๊ะอักษรบนชั้นสอง ถือพู่กันและหันไปมองฝนหนาวเหน็บด้านนอกหน้าต่างด้วยจิตใจที่ว้าวุ่น
เขากำลังครุ่นคิดถึงปัญหาตอนจบของความฝันในหอแดง
ต้องแก้เสียหน่อยหรือไม่ ?
หากเป็นไปตามวิธีการเขียนของผู้ประพันธ์ต้นฉบับการให้หลินไต้ยวี่ร้องไห้จนตายจะอนาถาเกินไปหรือไม่ เรื่องการทารุณกรรมทางจิตใจนั้นมิใช่เรื่องที่ดี ลองนึกถึงเหล่าหญิงสาวที่ติดหนังสือเล่มนี้แล้ว พวกนางย่อมใฝ่ฝันให้หลินไต้ยวี่แต่งงานกับเจี๋ยเป่าหยู หลังจากนั้นมาก็ใช้ชีวิตอยู่ในจวนเจี๋ยไปจนผมหงอก
หลังจากครุ่นคิดอยู่เนิ่นนาน ฟู่เสี่ยวกวนก็ตัดสินใจที่จะเคารพผู้ประพันธ์ต้นฉบับ และขอล่วงเกินหญิงสาวเหล่านั้น
ในตอนที่เขียนตอนนี้เสร็จ จางเช่อก็มารายงาน กล่าวว่าเยี่ยนซีเหวินผู้ดูแลคนใหม่ของอำเภอเหยาได้เดินทางมาเยี่ยมเยียน
ฟู่เสี่ยวกวนผงะไปเล็กน้อย ในตอนนี้เขายังมิสามารถวิเคราะห์ได้ว่าตระกูลเยี่ยนนั้นเป็นมิตรหรือศัตรูเลย
คราแรกในตอนที่อยู่เมืองหลวง หญิงสาวนามหลินหงที่ซูม่อพากลับมาและตอนนี้ก็ยังถูกซ่อนไว้ที่เรือนหลัง เขาได้พูดคุยกับหญิงสาวผู้นั้นเพียงไม่กี่ครั้ง ข้อมูลที่ได้รับมานั้นมีไม่มาก จนถึงวันนี้หญิงสาวผู้นั้นก็ยังมิปริปาก แต่ฟู่เสี่ยวกวนมิรีบร้อน เขาได้กุมความลับบางอย่างของหลินหงไว้แล้ว เขาหวังเพียงว่าหลินหงจะปริปากเองมิใช่ปล่อยให้เขาใช้วิธีการทรมาน
เรื่องนี้มีผู้เกี่ยวข้องอยู่มากมาย ฉินปิ่งจงกล่าวว่าหากคิดไปทางความเป็นไปได้ที่เลวร้ายที่สุด หากตระกูลที่มีอำนาจในเมืองหลวงเป็นผู้ลงมือ เบื้องหลังของตระกูลที่มีอำนาจนี้จะมีเงาขององค์ชายใดอยู่หรือไม่ ?
ก่อนที่จะได้ข้อสรุป ฟู่เสี่ยวกวนยังมิได้กำจัดความเป็นไปได้นี้ไป ช่วงเวลาที่ได้ติดต่อกับองค์ชายห้าหยูเวิ่นเต้านั้นมากที่สุด ฉะนั้นเขาสามารถได้รับการถูกยกเว้น
และผู้ที่น่าสงสัยที่สุดก็คือองค์ชายใหญ่และองค์ชายสี่ ท้ายที่สุดแล้วก็เป็นสองพระองค์ที่ต่อสู้เพื่อตำแหน่งองค์รัชทายาท แต่เบาะแสในปัจจุบันนี้ยังมิรู้ว่าใครเป็นผู้แพ้ใครเป็นผู้ชนะ ดังนั้นจึงมีองค์ชายและเสนาบดีจำนวนมากที่ได้รับผลประโยชน์จากการลี้ภัยในครานี้ เพราะเรื่องผู้ลี้ภัยของฟู่เสี่ยวกวนจึงนำพาหายนะสู่บ่อปลา กองตรวจสอบที่ได้รับมอบหมายจากองค์จักรพรรดิย่อมทำให้ขุนนางตกม้าตายเป็นจำนวนมาก
แบบนั้นราวกับได้ตัดขาดรากเหง้าของเหล่าเสนาบดีในราชสำนักไป ปัญหานี้กล่าวไปย่อมใหญ่โตอย่างยิ่ง องค์ชายทั้งสองพระองค์ย่อมยืนหยัดเพื่อกองกำลังของตนเอง สังหารฟู่เสี่ยวกวนเพียงคนเดียวก็สามารถซื้อใจคนได้ เรื่องราวก็จะราบรื่นไปได้โดยปริยาย
แต่ท้ายที่สุดแล้วจะเป็นองค์ชายใหญ่หรือองค์ชายสี่กัน หรือจะมิใช่ทั้งสองพระองค์กัน ?
ในตอนนี้ก็มิอาจทราบได้
ในคราแรกฉินโม่เหวินกล่าวว่าตระกูลเยี่ยนและตระกูลชือสนับสนุนองค์ชายใหญ่ ส่วนตระกููลเฟ่ยและตระกูลสีนั้นสนับสนุนองค์ชายสี่ ความขัดแย้งระหว่างตนเองและตระกูลชือเป็นที่ประจักษ์ และเพราะเหตุจากผลประโยชน์ ตระกูลเยี่ยนและตระกูลชือก็ได้ถูกผูกมัดไว้ด้วยกันอีกครา ดังนั้นสถานการณ์ในตอนนี้จึงคลุมเครือเกินไป และยังไร้หนทางที่จะมองเห็นได้ชัดเจน
ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ฟู่เสี่ยวกวนก็เดินออกมาจากเรือนหลัง และไปต้อนรับเยี่ยนซีเหวินที่ด้านหน้าเรือนด้วยตนเอง
“คำนับพี่ซีเหวิน ข้าเพิ่งกลับมาจากเมืองหลวงได้เพียงไม่กี่วัน แต่เดิมควรเป็นข้าที่ไปอำเภอเหยาและเข้าพบพี่ซีเหวินด้วยตนเอง แต่ในวันนี้กลับทำให้พี่ซีเหวินต้องลำบาก ข้าน้อยผิดไปแล้ว พี่ซีเหวิน… เชิญด้านในเถิด ! ”
เยี่ยนซีเหวินเพียงได้เจอฟู่เสี่ยวกวนก็เริ่มมีน้ำโห เมื่อนึกไปถึงการพนันที่เมืองหลวง จ้องมองฟู่เสี่ยวกวนที่กำลังโค้งคำนับด้วยความเคารพ “กระทำโดยมารยาทแต่มิได้หมายถึงข้าจะชื่นชมเจ้าด้วยใจจริง”
ฟู่เสี่ยวกวนหัวเราะ “มิเป็นไร ๆ ความจริงข้ากลัวท่านจะลืมไปแล้ว”
กล่าวจบฟู่เสี่ยวกวนก็พาเยี่ยนซีเหวินเดินไปยังเรือนหลัง เยี่ยนซีเหวินจ้องมองแผ่นหลังของฟู่เสี่ยวกวนเขม็ง แต่ก็ไร้หนทางกับคนผู้นี้
เฮ้อ เป็นภัยพิบัติของการยั่วยุแห่งความเยาว์วัยทั้งนั้น หากในคืนไหว้พระจันทร์มิได้เดิมพันกับต่งชูหลาน ตนเองก็มิจำเป็นต้องมาถอนหายใจต่อหน้าคนผู้นี้เลย !
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)