ตอนที่ 16 เหล้าองุ่นรสเลิศกับแก้วเรืองแสง
ดวงไฟค่อย ๆ สว่างขึ้นอย่างช้า ๆ จุดประกายความสดใสให้แก่เมืองใหญ่แห่งนี้
สำหรับผู้ร่ำรวยในสมัยนี้นั้น นี่เป็นเพียงการเปิดฉากชีวิตยามค่ำคืนที่กำลังจะเริ่มขึ้นได้อย่างสวยงาม
หน้าประตูหออี้หง โคมไฟสีแดงขนาดใหญ่สองอันที่แขวนอยู่บนเสาไม้ไผ่สูงด้านหน้าก็สว่างขึ้นเช่นกัน สายลมโบกพัดมาอ่อน ๆ คล้ายกับกำลังกวักมือเรียกใครสักคน
ห้องเซียนยินที่ชั้นสองของหออี้หง เป็นห้องสำหรับฝานตั่วเอ๋อร์เพียงผู้เดียว
ผ้าม่านถูกเปิดออกครึ่งหนึ่ง นักแสดงกำลังเต้นรำในชุดสีแดงด้วยความรื่นเริง กลิ่นชาหอมตลบอบอวล
ดวงจันทร์แห่งเจียงหนาน ทอแสงนวลมาที่ซีโหลว
……ดอกตันกุยไม่เคยร่วงโรย ฉางเอ๋อร์จากไปอย่างโดดเดี่ยว
ท้องฟ้าช่างเงียบเหงา……”
ฝานตั่วเอ๋อร์ร้องสองประโยคแรกของบทกวีออกมา คิ้วนางขมวดขึ้น ผ่านไปชั่วครู่จึงได้เงยหน้าขึ้น “ตั่วเอ๋อร์ช่วงนี้ช่างโชคดีเสียจริง ก่อนหน้านี้ได้ฟังบทกวี สงบสุข·ตวงโหงวหลินเจียงจากท่านจาง ในวันนี้ได้ฟังกวี ชมเจียงหนานและบทเพลงแห่งเจียงหนานที่งดงาม ต้องขอบคุณคุณชายทุกท่านมาก ที่ทำให้ตั่วเอ๋อร์มีความสุขถึงเพียงนี้……เพียงแต่กวีสองบทนี้ คุณชายท่านใดเป็นผู้แต่งกัน?”
ในใจฝานตั่วเอ๋อร์รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง บทกวีที่งดงามสำคัญยิ่งสำหรับนาง เนื่องด้วยนางเป็นนางโลมที่ขึ้นชื่อในหออี้หงและมีเสียงร้องอันไพเราะ แต่นางก็ต้องการบทกวีที่งดงามคู่กัน
กวีสองบทนี้ไพเราะกว่าบทสงบสุข·ตวงโหงวหลินเจียงที่จางเหวินฮั่นแต่งมากเสียจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทชมเจียงหนานนั้นนางถูกใจยิ่งนัก นางเชื่อว่าหากนำกวีสองบทนี้ไปร้อง ต้องได้ราคาค่าตัวเพิ่มขึ้นเป็นแน่
และบุคคลที่นั่งอยู่ในที่นี้ก็คือผู้มีพรสวรรค์ทั้งสี่แห่งเมืองหลินเจียง
จางเหวินฮั่น หลิวจิ่งหาง ถังซูหยู่และหยูหยุ๋นชิง
หลิวจิ่งหางยกถ้วยชาขึ้นมาดื่ม ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มที่ไม่เต็มใจนัก เอ่ยว่า “แม่นางตั่วเอ๋อร์ กวีสองบทนี้มิใช่พวกข้าแต่งหรอก”
ฝานตั่วเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นมองหลิวจิ่งหาง ในดวงตาแสดงความประหลาดใจ แล้วเอ่ยถามว่า “ในหลินเจียงนี้……ยังมีผู้ใดสามารถแต่งกวีสองบทนี้ได้อีกหรือ?”
“แม่นางรู้จักดี” จางเหวินฮั่นกางพัดออกแล้วลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินไปที่หน้าต่าง ภายนอกหน้าต่างนั้นแม่น้ำหลินเจียงกำลังไหลอย่างช้า ๆ
“เขาผู้นั้นคือฟู่เสี่ยวกวน” จางเหวินฮั่นเอ่ยออกมา “เพล้ง” เสียงถ้วยที่อยู่ในมือของฝานตั่วเอ๋อร์ตกสู่พื้นแล้วแตกกระจาย
“ฟู่เสี่ยวกวน?” ฝานตั่วเอ๋อร์มีสีหน้าประหลาดใจ “คุณชายจางล้อข้าเล่นเป็นแน่ ฟู่เสี่ยวกวนแต่งกวีงั้นหรือ? หึหึ……”
ฝานตั่วเอ๋อร์หัวเราะอย่างเยือกเย็น นางก้มหน้าต้มชาต่อ “หากเอ่ยว่าคุณชายฟู่ใจกว้างนั้น ตั่วเอ๋อร์คงเชื่ออย่างสนิทใจ แต่บอกว่าเขาแต่งกวี ตั่วเอ๋อร์ไม่แม้แต่จะจินตนาการ”
เกี่ยวกับฟู่เสี่ยวกวนนั้น ฝานตั๋วเอ๋อร์รู้ดีกว่าผู้ใด บุคคลนี้เป็นลูกค้าชั้นดีของหออี้หงนี้ เขายอมจ่ายกว่าพันตำลึงเพื่อให้ฝานตั่วเอ๋อร์ยิ้มออกมา อีกอย่างเขานั้นเที่ยวป่าวประกาศไปทั่วว่าจะสู่ขอนางเป็นภรรยา!
นางบอกไม่ได้ว่าเกลียดเขาเพียงใด และแน่นอนว่านางไม่ชอบ
สำหรับฝานตั่วเอ๋อร์นั้น อนาคตของนางเองยังไม่ชัดเจน แต่นางตั้งใจว่าจะไถ่ตนในอนาคตแล้วแต่งงานกับคนใดคนหนึ่งในสี่คนนี้ เขาจะแต่งกวีให้นางในยามอาทิตย์ตก ส่วนนางก็รินเหล้าและบรรเลงร้องเพลงแก่เขา นี่เป็นภาพที่นางอยากเห็น
ฟู่เสี่ยวกวน……ชายผู้นั้นไม่ได้เดินทางมาที่นี่เป็นเวลาสองเดือนแล้ว ก่อนหน้านี้ที่เขาได้ก่อเรื่องกับต่งชูหลานไว้ ฝานตั่วเอ๋อร์เองก็รับรู้เช่นกัน เพียงคิดว่าเขารักษาตัวอยู่ที่บ้าน จึงไม่ได้ใส่ใจนัก
แต่ในวันนี้นางได้ยินจากผู้มีพรสวรรค์ทั้งสี่ว่าบทกวีสองบทนี้ ฟู่เสี่ยวกวนเป็นผู้แต่ง……นี่มันไร้สาระสิ้นดี
จางเหวินฮั่นปิดพัดลงแล้วเดินกลับมา “แม่นางตั่วเอ๋อร์คงไม่เชื่อ แต่พวกข้านั้นไม่มีความจำเป็นต้องหลอกแม่นาง กวีสองบทนี้ฟู่เสี่ยวกวนเป็นผู้แต่งโดยแท้จริง ครั้งนี้ข้าต้องเดินทางไปเมืองหลวง แต่นักกวีของเจียงหลินทั้งสี่จะขาดข้าไปและเหลือเพียง 3 คน ให้เป็นเช่นนี้มิได้ ดังนั้นต่อจากนี้ผู้มีพรสวรรค์ทั้งสี่แห่งเจียงหลิน จะมีฟู่เสี่ยวกวนรวมอยู่ด้วย”
“เขา……แต่งกวีนี้เองจริงอย่างนั้นหรือ?” ฝานตั่วเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นถามอีกครั้ง
จางเหวินฮั่นพยักหน้า แล้วพูดอย่างยิ้ม ๆ ว่า “แม่นางตั๋วเอ๋อร้องเพลงให้พวกเราฟังสักบทสองบทเป็นไร?”
“ขอเชิญคุณชายทั้งสี่ ชุ่ยฮวา รินเหล้า!”
……
……
ประตูจวนตระกูลฟู่เปิดออก รถม้าคันหนึ่งถูกขับออกมา
ไป๋ยู่เหลียนมือหนึ่งกำแส้ขี่ม้าเอาไว้ อีกมือหนึ่งถือไหเหล้า เขายกเหล้าดื่มขึ้นเป็นระยะ ๆ แต่แส้นั้นมิเคยที่จะหล่นจากมือ
ฟู่เสี่ยวกวนนั่งอยู่ในรถม้า ในมือถือขวดอันประณีตไว้ ด้านข้างยังมีกล่องเล็กสวยงามอีกใบหนึ่ง ภายในกล่องนั้นคือแก้วที่ทำมาจากกระจกแก้ว ฟู่เสี่ยวกวนตั้งชื่อว่าแก้วคริสทัล
เขาเดินทางไปยังสำนักศึกษาหลินเจียง เพื่อมอบเหล้านี้ และขอให้อาจารย์ฉินช่วยเขียนตัวอักษรสักตัวสองตัว
ผ้าม่านในรถม้าถูกเปิดออก บนถนนค่อย ๆ เกิดเสียงครึกครื้นแว่วมา มีเสียงขับร้อง เสียงหัวเราะ เสียงโหวกเหวกโวยวาย……ฟู่เสี่ยวกวนนั่งมองอยู่นิ่ง ๆ ใบหน้าเริ่มปรากฏรอยยิ้ม
เขาชอบภาพเหล่านี้มาก นี่เป็นความรู้สึกที่ชาติที่แล้วไม่สามารถสัมผัสได้
เขาวางแผนว่าหากนำเหล้าไปส่งมอบเรียบร้อยแล้ว ตอนกลางคืนเขาจะออกมาเดินเล่นในตลาดนี้ สั่งกับแกล้มสักสองสามอย่างแกล้มกับเบียร์สักหน่อย……กับเหล้าอีกสักสองตำลึง ช่างน่ามีความสุขนัก
รถม้าค่อย ๆ ห่างออกมา เสียงเหล่านั้นค่อย ๆ จางหายไป กระทั่งมาถึงเจียงเปียน
สายลมพัดมากำลังดี ในสายลมนั้นมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ โชยมา ด้านหน้าเป็นหอที่ประดับด้วยแสงไฟสว่างไสว ได้ยินเสียงของไม้ไผ่ลอยมาเข้าหู
เสียงขาด ๆ หาย ๆ เป็นระยะ ๆ เหมือนอยู่ในสวรรค์และไม่นานสถานที่ก็ปรากฏขึ้นต่อหน้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)