นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 17

ตอนที่ 17 ทำเกินไปแล้ว

ลิ้มรสเทียนฉุน ท่ามกลางลมโกรกและเมฆเบาบาง

ฉินปิ่งจงหลับตา รสชาติของสุราแผ่ซ่านไปทั่วปาก หลังจากสูดลมหายใจอยู่หลายครา เขาก็ลืมตาขึ้น

“สุรานี้ มิใช่เทียนเซียง ! ”

ในที่สุดใจของฟู่เสี่ยวกวนก็ผ่อนคลาย เขามิเคยลิ้มลองเทียนเซียงมาก่อน เพียงแต่เคยได้ยินได้ฟังมาก็เท่านั้น แต่สุรานั้นไม่สามารถพึ่งพาแค่การฟัง ถึงแม้เขาจะมีความมั่นใจในสุราของตน แต่ก็เพิ่งจะรู้สึกโล่งอกได้ก็ในเวลานี้

ต่งชูหลานเองก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ทันใดนั้นก็นึกขึ้นมาได้ว่าตนเองจะกังวลกับเรื่องนี้ไปเพื่ออะไร ใบหน้าเรียวก็แดงระเรื่อ

“เทียนเซียงราคาเท่าไหร่ ? ” ฟู่เสี่ยวกวนเอ่ยถาม

“1 ตำลึง 100 อีแปะ แล้วสุราของเจ้าเล่าราคาเท่าไหร่ ? ”

“1 ตำลึง 300 อีแปะ ! ” ฟู่เสี่ยวกวนยื่นสามนิ้วออกไป ฉินปิ่งจงสะดุ้ง ต่งชูหลานเองก็ประหลาดใจ

“เจ้า… ขายได้ด้วยรึ?” ฉินปิ่งจงเอ่ยถามอย่างสงสัย

“ย่อมได้ สุราเทียนเซียงมีตลาดแต่ไร้มูลค่า เทียนฉุนของข้าความจริงแล้วก็มีไม่มาก นอกจากนี้ก็ยังมีเหตุผลที่ข้ามาหาท่านในครานี้ สุรานี้ยังขาดการเติมแต่งขั้นตอนสุดท้าย จำเป็นต้องเป็นท่าน”

ต่งชูหลานรินชาและส่งไปให้ ฉินปิ่งจงหัวเราะร่วน “เจ้าต้องการให้ข้าช่วยเผยแพร่ให้รับรู้ไปทั่วรึ?”

“การเผยแพร่มิใช่สิ่งที่สำคัญ ข้าเพียงแต่ต้องการอักขระไม่กี่ตัวจากท่านเท่านั้น”

“อักขระอันใด ? ”

“ซีชานเทียนฉุน ซีชานเซียงเฉวียนและสุราหาได้ยากยิ่งในใต้หล้า…เพียงไม่กี่คำนี้”

“ไม่มีสิ่งอื่นแล้วรึ? ความจริงแล้วข้าสามารถช่วยเจ้าเผยแพร่ได้”

“มิมีสิ่งอื่นแล้ว ท่านย่อมสามารถช่วยข้าเผยแพร่ได้อย่างแน่นอน แต่ที่สำคัญที่สุดคืออักขระจากท่าน”

ฉินปิ่งจงลูบเคราที่ยาวเบา ๆ และพยักหน้า เสี่ยวฉีไปห้องอักษร เพื่อนำพู่กันและแท่นหมึกมา

“ตราขนาดเล็ก อือ… ใหญ่ขนาดนี้ก็พอ” ฟู่เสี่ยวกวนร่างลงบนกระดาษ อักขระนั้นเล็กมาก แต่สำหรับฉินปิ่งจงนักปราชญ์แห่งยุคแล้ว นี่มิใช่เรื่องใหญ่อันใด

โดยเร็ว อักขระเหล่านี้ก็ได้อยู่บนกระดาษ ฟู่เสี่ยวกวนถือกระดาษเอาไว้ในมือ และเป่าลมอย่างระมัดระวัง เห็นได้ชัดว่าเป็นการกระทำที่ทะนุถนอมที่สุด

“อักขระเล็ก ๆ พวกนี้ เจ้าคิดจะนำไปทำอันใด?” ฉินปิ่งจงเอ่ยถามอย่างสงสัย

“ข้าต้องการนำอักขระพวกนี้ประทับที่ขวดและแก้วสุรา… อาจารย์ฉิน ต่อจากนี้อักขระของท่าน จะเป็นหนึ่งเดียวกับสุราของข้า”

“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าเด็กนี้วางแผนได้ดี”

สุราของฟู่เสี่ยวกวน เมื่อรวมเข้ากับอักขระที่รับรองจากฉินปิ่งจง นักปราชญ์แห่งยุค ดวงตาของต่งชูหลานก็เป็นประกายขึ้นมา เมื่อได้รวมไว้เช่นนี้และได้รับการเผยแพร่อีกเพียงเล็กน้อย เป็นไปได้ว่าสุราของเขาจะขายได้ 1 ตำลึง 300 อีแปะเป็นแน่

ถามปัญญาชนทั่วโลกว่ากังวลกันมากถึงเพียงไหน หากมิได้ดื่มสุรา 2 ตำลึงบนหอนางโลม… ภายภาคหน้าหากปัญญาชนแห่งหลินเจียงมารวมตัวกัน ก็จะได้เห็นว่านอกจากสุราของเขาแล้ว ก็จะมิมีสิ่งใดได้ขึ้นโต๊ะอีก

มิน่าแปลกใจที่จะกล้าขายในราคา 1 ตำลึง 300 อีแปะ สิ่งนี้ทำให้ปัญญาชนที่ไม่รู้ ตกหลุมตายไปเสียไม่น้อย

“นี่จะเป็นการเอาเปรียบท่านอาจารย์ฉินเป็นแน่ เยี่ยงนั้นทุกเดือนต่อจากนี้ หยู๋ฝูจี้จะมอบเซียงเฉวียน 3 ชั่ง เทียนฉุน 2 ชั่งให้ท่านอาจารย์ฉิน โดยที่ท่านไม่ต้องจ่ายเงิน… อาจารย์ฉิน ท่านอย่าได้ปฏิเสธเลย นี่คือความตั้งใจของข้า”

“ข้ามิได้ขัดสนเรื่องเงิน”

“ปัญหามิใช่เรื่องเงินทอง สุภาพบุรุษรักโชคลาภที่ได้มาด้วยวิธีที่เหมาะสม อาจารย์ฉิน ท่านได้ช่วยข้าสะสางธุระอันใหญ่หลวง ท่านไม่ได้ขาดแคลนเสบียง ในตอนนี้ที่ข้าหามาได้ก็มีแต่สุรา แต่เยี่ยงไรต่อจากนี้ข้าจะส่งไปให้ท่าน ส่วนท่านจะจัดการเยี่ยงไร นั่นก็เป็นเรื่องของอาจารย์ฉินแล้ว”

ฉินปิ่งจงส่ายศีรษะยิ้ม ๆ เช่นนั้นก็ยอมรับไปเสีย

เด็กคนนี้เข้าใจโลกอย่างถ่องแท้ การคิดอ่านในหัวก็ยอดเยี่ยม เหตุใดในอดีตถึงได้เป็นเยี่ยงนั้นกันนะ?

ฉินปิ่งจงไม่สามารถมองฟู่เสี่ยวกวนตรงหน้า ซ้อนทับกับฟู่เสี่ยวกวนที่เคยได้ยินมาในอดีต หากต้องการหาเหตุผล เยี่ยงนั้นก็คงได้แต่ยึดตามที่ต่งชูหลานได้กล่าวไว้เมื่อวันก่อน วันหนึ่งที่บรรลุ จึงจะเปลี่ยนแปลง

เยี่ยงนั้นแล้ว การนำเขาเข้าสู่หนทางที่ถูกต้องจึงเป็นเรื่องที่ถูก

ดังนั้นฉินปิ่งจงจึงเอ่ยอย่างช้า ๆ “เสี่ยวกวน เจ้าคิดว่าเหตุใดคนในใต้หล้าถึงได้เคารพการศึกษา ? ”

ฟู่เสี่ยวกวนที่กำลังจะดื่มชา ก็แทบจะสำลักออกมาทันทีที่ได้ยินเยี่ยงนั้น

“นั่น…”

หากให้ตอบตามความคิดของฟู่เสี่ยวกวน เขาจะตอบว่าศึกษาตำราเพื่อไปเป็นขุนนาง เมื่อเป็นขุนนางก็จะหาเงินได้อย่างสะดวก เพียงแต่ตอนนี้มีทรัพย์สมบัติมากโขแล้ว จึงมิต้องไปเป็นขุนนาง หากไม่ได้เป็นขุนนางก็มิต้องศึกษาตำรา

แต่เขามิได้พูดออกไปเยี่ยงนั้น เพราะผู้ที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขาคือนักปราชญ์แห่งยุค ผู้นำของเหล่าปัญญาชน หากกล่าวออกไปเช่นนั้น เกรงว่าจะถูกฉินปิ่งจงใช้กระบองฟาดออกไป

ดังนั้นเขาจึงคิดประโยคหนึ่งขึ้นมาได้ จึงเอ่ยอย่างระมัดระวังว่า

“ผู้น้อยคิดว่า… เพื่อปณิธาณแห่งฟ้าดินได้ยืนหยัด เพื่อชะตามวลประชาที่มั่นคง เพื่อสืบทอดความรู้ที่ศักดิ์สิทธิ์ เพื่อสันติสุขในทุกสมัย”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)