สรุปตอน ตอนที่ 171 เบี้ยน้อย – จากเรื่อง นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) โดย Internet
ตอน ตอนที่ 171 เบี้ยน้อย ของนิยายทะลุมิติเรื่องดัง นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
“คุณชายฟู่ ฝ่าบาททรงมีรับสั่งให้เข้าเฝ้าขอรับ ! ”
ท่าทางเคร่งเครียดของขันทีเจี่ยทำให้ต่งหยวนชื่อและต่งชูหลานตึงเครียดขึ้นมาทันพลัน แต่ฟู่เสี่ยวกวนกลับยิ้มบาง ๆ และกล่าวกับพวกนางว่า “ดูเหมือนว่าจะมิมีเรื่องใหญ่หลวงอันใด พวกท่านมิต้องตึงเครียดไป ท่านป้า หงเซาซือจึโถว่นี้อร่อยมาก หากสะดวก มื้อเย็นโปรดทำอาหารจานนี้อีกคราด้วยขอรับ”
นี่มันช่วงเวลาใดกันแล้ว คาดมิถึงว่าเด็กนี่จะนึกถึงมื้อค่ำขึ้นมา !
ต่งหยวนชื่อจ้องฟู่เสี่ยวกวนเขม็ง “หากมิมีธุระ หงเซาซือจึโถว่นี้ย่อมทำให้เจ้าทานอีกคราได้อยู่แล้ว แต่หากมีธุระ…ก็อย่าแม้แต่จะคิดละเลยหน้าที่เพื่อมากิน ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนหัวเราะร่า “ข้ารับปากว่าจะมิมีธุระแน่นอน เอาเถิด พวกท่านคอยฟังข่าวอย่างสบายใจ ข้าขอตัวไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทก่อน”
ฟู่เสี่ยวกวนออกจากจวนต่งมาพร้อมกับขันทีเจี่ย เมื่อขึ้นรถมาแล้ว สีหน้าของเขาก็มืดครึ้มทันพลัน
จากที่ได้เห็น เกรงว่าการคาดเดาของตนเองจะเป็นจริง เหล่าคนโง่นั้นสมควรตายทั้งสิ้น ! รบกวนเวลากระชับความสัมพันธ์กับแม่ยายของข้า เกือบจะเอาชนะใจแม่ยายได้อยู่แล้วเชียว ในตอนที่วันแห่งความสุขกำลังกวักมือเรียก กลับถูกเหล่าคนโง่นั่นทำลายเสียได้
ท่าทางเข่นเขี้ยวของฟู่เสี่ยวกวนทำขันทีเจี่ยตื่นกลัว ชายผู้นี้…ท่าทางราวกับจะกินคน คิดจะทำอันใดกัน ?
“อ่า ขันทีเจี่ย ดูความจำของข้าสิ…” ฟู่เสี่ยวกวนนำน้ำหอม 2 ขวดจากในแขนเสื้อออกมาและส่งให้กับขันทีเจี่ย “ข้าเพิ่งมาถึงเมืองหลวงเมื่อวาน คิดไว้แล้วว่าจะนำน้ำหอมไปให้ท่านขันทีในตอนที่เข้าวังหลวงในเมื่อวาน แต่คาดมิถึงว่าจะมีธุระมากมายจนเสียเวลาไป ผลก็คือวันนี้ข้าเพิ่งรู้ว่าเป็นวันหยุดแล้ว แต่เดิมนั้นเสียใจอยู่ไม่น้อย แต่วันนี้ก็ประจวบเหมาะกับที่ฝ่าบาทให้ท่านออกมาหาข้า หรือนี่ จะเป็นโชคชะตากัน”
ขันทีเจี่ยดีใจ ของสิ่งนี้ในปัจจุบันได้มีขายที่เมืองหลวงแล้ว ถึงแม้จะเป็นขวดเล็กและมีราคา 12 ตำลึง แต่สำหรับพวกเขาแล้วก็มิถือว่าเป็นปัญหาอะไร
ของสิ่งนี้ดียิ่ง ครั้งที่แล้วที่ฟู่เสี่ยวกวนได้ให้เขามา 1 ขวดก็ยังมิหมด ในวันนี้ฟู่เสี่ยวกวนก็ได้ให้เขามาอีก 2 ขวด ถึงแม้จะมิใช่ของล้ำค่า แต่ที่ล้ำค่าก็คือความคิดที่วิจิตรของชายผู้นี้
“เยี่ยงนั้นข้าขอมิเกรงใจคุณชายฟู่แล้ว…” ขันทีเจี่ยนำน้ำหอมเก็บไว้ในชายเสื้อ แล้วกล่าวอีกว่า “เดิมทีในวันนี้ฝ่าบาทตั้งใจจะไปพระตำหนักฉือหนิงกงเพราะเป็นห่วงพระชนนี คาดมิถึงว่าเสนาบดีต่งจะปรี่เข้ามาหา หลังจากนั้นก็ได้พูดขึ้นมาหนึ่งเรื่อง…เสนาบดีต่งกล่าวว่าเป็นความคิดของท่าน คุณชายฟู่เป็นผู้มีพรสวรรค์อย่างแท้จริง ถึงแม้ฝ่าบาทจะมิเคยชมเชย แต่จากที่ข้าได้มอง ฝ่าบาทให้ความสำคัญกับความคิดเห็นของคุณชายอย่างมาก มิฉะนั้นคงมิรีบให้ข้าออกมาเชิญท่านเข้าวังเยี่ยงนี้”
ฟู่เสี่ยวกวนหัวเราะน้อย ๆ “ท่านขันทีชมกันเกินไปแล้ว… ขอบังอาจถามท่านขันที ที่ห้องทรงพระอักษรนอกจากฝ่าบาทและเสนาบดีต่งแล้ว ยังมีขุนนางท่านอื่นอีกหรือไม่ ? ”
“ในขณะนี้ยังมิมี แต่หลังจากที่ข้าส่งท่านเข้าวังแล้วก็ยังต้องไปที่จวนเยี่ยนและตระกูลเฟ่ย”
“โอ้… ลำบากท่านขันทีแล้ว”
เรื่องสำคัญเยี่ยงนี้ ฝ่าบาทย่อมปรึกษาหารือกับเยี่ยนเป่ยซีและเยี่ยนซือเต้า ส่วนตระกูลเฟ่ย… เฟ่ยปังที่ควบคุมกรมกลาโหม ก็ควรมีส่วนร่วม
ฟู่เสี่ยวกวนนิ่งเงียบครุ่นคิดและมีความคิดขึ้นมาหนึ่งอย่าง หลังจากที่เข้าเฝ้าฝ่าบาท ก็ควรจะไปหาขันทีเหนียนเสียหน่อย เรื่องนี้ค่อนข้างยุ่งยาก วังหลังมิใช่ที่ที่เขาจะเข้าไปได้ตามใจชอบ มิมีเทียบเชิญของพระสนมเอกซั่งกุ้ยเฟยหรือมิมีหยูเวิ่นหวินคอยนำ เขาก็ไร้หนทางที่จะเข้าไป
ทันทีที่มาถึงห้องทรงพระอักษรวังหลวง ขันทีเจี่ยก็เอ่ยลาขอตัว ฟู่เสี่ยวกวนจึงก้าวเข้าไปข้างใน
ด้านในเงียบสงบไร้เสียง
ฝ่าบาทกำลังยืนอยู่ข้างกำแพง ที่มีแผนที่ขนาดใหญ่ประดับเอาไว้อยู่
ต่งคังผิงนั่งอยู่ด้านข้างโต๊ะน้ำชา และกำลังพลิกเปิดสมุดบัญชีเล่มหนาในมือ
มิมีผู้ใดสนใจฟู่เสี่ยวกวน นี่มันค่อนข้างอึดอัด เขาหันมองซ้ายมองขวา แล้วกล่าวว่า “กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท ! ”
ฮ่องเต้มิได้สนใจเขา ยังคงมองแผนที่ดังเก่า ต่งคังผิงเองก็มิได้เงยหน้ามามองเขา ยังคงมองสมุดบัญชีเล่มนั้นด้วยใบหน้านิ่วคิ้วขมวด
เอาเถอะ ฟู่เสี่ยวกวนเม้มปาก และนั่งลงข้ามโต๊ะน้ำชาตามสบาย และเทน้ำชาให้กับต่งคังผิงและตนเองคนละจอก
ต่งคังผิงเหลือบมองเขา เด็กนี่ใจกล้ายิ่งนัก !
“เป็นเยี่ยงไรบ้างขอรับ ? ” ฟู่เสี่ยวกวนโน้มตัวลงไปเอ่ยถามเสียงแผ่ว
“มิดี”
“โอ้… ขอข้าดูหน่อย ! ”
ต่งคังผิงเหลือบสายตาขึ้นมามอง ลอบคิดในใจว่าของที่ซับซ้อนเยี่ยงนี้เจ้าจะสามารถอ่านให้เข้าใจได้รึ ?
แต่เขาก็ส่งสมุดบัญชีเล่มหนึ่งให้กับฟู่เสี่ยวกวน “นี่คือบัญชีเสบียงของซานหนานตงเต้าในปีนี้”
ฟู่เสี่ยวกวนรับมาและอ่านสิบบรรทัดในหนึ่งคราอย่างว่องไว เสียงพลิกหน้ากระดาษดังฟึบฟับ มีเพียงบางคราที่หยุดหายใจ หลังจากนั้นก็พลิกอ่านต่อ ใช้เวลาไปไม่เท่าไหร่ เขาก็ได้อ่านสมุดบัญชีเล่มหนานั้นจนจบ
ต่งคังผิงเหลือบสายตามองเขาอีกครา ลอบคิดในใจว่าคนผู้นี้ประพันธ์บทกวีได้ดี แต่เรื่องบัญชีก็เป็นเพียงคนนอก
“ตามการจดบันทึกของสมุดบัญชี เม็ดเงินที่ใหญ่ที่สุดแบ่งได้เป็น 2 รอบซึ่งมาจากเดือนห้าและเดือนเจ็ด เดือนห้าเสบียงของซานหนานตงเต้ารวมทั้งหมดเป็น 186,999 ถัง ส่งไปที่ซินโจว ให้เหตุผลว่าเพื่อเตรียมสงครามทางเหนือ ปลายเดือนเจ็ดเสบียงทั้งหมดของซานหนานตงเต้ารวบรวมได้ 230,000 ถัง ส่งไปทางเหนือและใต้ของเหอหนาน ให้เหตุผลว่าเป็นการบรรเทาสาธารณภัยของราชสำนัก ในปีนี้ธัญพืชแบบหยาบและแบบละเอียดของซานหนานตงเต้ารวบรวมได้ทั้งหมด527,000 ถัง เมื่อหักลบไป 316,000 ถัง ก็จะเหลือ 211,000 ถัง… เสบียงของซานหนานตงเต้ามิสามารถเคลื่อนไหวได้แล้ว เมื่อลองคิดดู เจี้ยนหนานตงเต้าก็เกือบจะเป็นเยี่ยงนั้นเช่นกัน”
ต่งคังผิงเงยศีรษะขึ้นมา และมองไปทางฟู่เสี่ยวกวน รู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง เพราะตัวเลขนั้นถูกทั้งหมด !
ฟู่เสี่ยวกวนกล่าวด้วยคิ้วขมวด “เยี่ยงนั้นก็ต้องโยกย้ายเสบียงจากเจียงหนานและเจียงเป่ย…” เขาลุกขึ้นยืน และเดินไปยังด้านข้างของฮ่องเต้ และกล่าวว่า “ฝ่าบาททรงถอยด้วยพ่ะย่ะค่ะ ! ”
ต่งคังผิงตาโตฉับพลัน ฮ่องเต้ยกฝ่ามือจนเกือบจะตีเข้าที่หัวของฟู่เสี่ยวกวน
ฟู่เสี่ยวกวนกลับไม่ได้มองไปทางเขา กลับยื่นมือไปบนแผนที่
ต่งคังผิงตกใจอีกครา เรื่องสังหารเป็ดขาวเคยเกิดขึ้นในรัชสมัยเซวียนลี่ปีที่ 3 การตัดสินโทษประหารผู้ร้ายทั้งหกสิบสองคน และในนั้นมีเป็ดขาวอยู่ทั้งสิ้น 52 ตัว หรือก็คือแพะรับบาป ฝ่าบาททรงพิโรธกับเรื่องนี้จึงได้สั่งสอบสวนกรมขุนนาง จนทำให้ชื่อหลางในกรมขุนนางถูกถอดไป 19 คน คาดมิถึงว่าเจ้าหนุ่มนี่จะกล้าแนะนำให้ฝ่าบาทใช้เป็ดขาวแทนที่ผู้ร้ายเหล่านั้น!
“เสี่ยวกวน อย่าได้พูดไร้สาระเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฝ่าบาททรงมีพระประสงค์ของพระองค์เอง” ต่งคังผิงเอ่ยอย่างร้อนรน
หยูยิ่นกลับโบกมือ “ระดมขนย้ายเสบียงจากเจียงหนานเจียงเป่ยเถอะ แต่จงใจไว้ว่าต้องจัดการเรื่องนี้อย่างเงียบ ๆ ทางที่ดีที่สุดอย่าได้ดึงความสนใจของพวกเขา”
นี่มันยากอย่างมาก อย่างไรแล้วการระดมขนย้ายเสบียงของราชสำนักก็เป็นเรื่องใหญ่ มิสามารถปกปิดจากขุนนางในราชสำนักได้
ฟู่เสี่ยวกวนถอนหายใจ เรื่องยุ่งยากนี้ควรทำด้วยตนเอง ถือเสียว่าช่วยท่านพ่อตาแล้วกัน
“เรื่องนี้ ท่านขุนนางต่งมอบให้ข้าเถิด”
“เจ้าทำได้รึ ? ”
“บุรุษต้องทำได้ พวกท่านเตรียมไว้เพียงเงินตำลึง แต่เงินตำลึงนี้จะต้องมิผ่านกรมคลัง ส่วนเรื่องอื่น ๆ ข้าจะจัดเตรียมเอง”
เดิมทีตระกูลฟู่เป็นเศรษฐีที่ดินแห่งหลินเจียงอยู่แล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างฟู่ต้ากวนและตระกูลค้าธัญพืชก็เป็นไปได้ด้วยดี และนอกจากนี้ ตระกูลแม่สี่ของตนในตอนนี้เป็นผู้ส่งสินค้าทางเรือ ทางตนเองยังมีขนส่งซีซาน การเคลื่อนไหวแบบส่วนตัวโดยมิผ่านราชสำนักนั้นจะมีขนาดเล็กลงไปมากโข
“ได้ หากเจ้าจัดการเรื่องนี้ได้ดี ข้าจะเลื่อนขั้นให้เจ้า”
“มิได้พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท กระหม่อมเป็นเบี้ยน้อยในพระหัตถ์ของพระองค์ที่ยังมิเคยข้ามแม่น้ำ และในตอนนี้ก็เป็นเพียงความพยายามเล็กน้อยเพื่อจะแบ่งเบาความกังวลของฝ่าบาท นอกจากนี้กระหม่อมก็มีหนึ่งคำขอเล็กน้อยพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้ากล่าวมา ! ”
“เรื่องในวันนี้ โปรดให้มีเพียงเราสามคนที่อยู่ ณ ที่นี้เท่านั้นที่ทราบ”
“ได้ ! ”
“นอกจากนี้… กระหม่อมยังมีอีกหนึ่งเรื่องที่จะร้องขอ”
“…..”
“กระหม่อมอยากจะไปวังหลัง แต่ค่อนข้างลำบากนักเพราะมิมีป้ายแขวนเอว เรื่องนี้…”
ฮ่องเต้เบิกตาโพลง ก่อนจะโยนป้ายหยกไปให้แก่ฟู่เสี่ยวกวน “ออกไป ! ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)