นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 172

สรุปบท ตอนที่ 172 คำสั่งลับทั้งสี่: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)

สรุปตอน ตอนที่ 172 คำสั่งลับทั้งสี่ – จากเรื่อง นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) โดย Internet

ตอน ตอนที่ 172 คำสั่งลับทั้งสี่ ของนิยายทะลุมิติเรื่องดัง นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ฟู่เสี่ยวกวนรับป้ายหยกมาแล้วรีบออกไปทันที ฮ่องเต้เผยรอยยิ้ม แล้วกล่าวว่า “เจ้าดูสิ ข้ารู้เลยว่าเขาใส่ใจมากแค่ไหน”

“ฝ่าบาท หากในกรณีที่ฝั่งตะวันออกยังคงมีสงครามเกิดขึ้นเล่าพ่ะย่ะค่ะ?”

“ก็ต้องสู้ มิใช่ว่ายังมีเสบียงสนับสนุนสงครามในครั้งนี้ตั้งหนึ่งเดือนรึ ยังต้องกลัวอันใด”

ต่งคังผิงครุ่นคิด ความจริงก็คงต้องเป็นเช่นนั้น หากฝั่งตะวันออกมีสงครามเกิดขึ้นจริงๆ นั่นก็หมายความว่าเป็นการฉีกหน้าราชสำนัก ซึ่งฝ่าบาทจะไม่แสดงความเมตตาอีกต่อไป โลหิตคงไหลนองทั่วไปเมืองหลวงอย่างเลี่ยงมิได้ เยี่ยงนั้นเวลาเพียงหนึ่งเดือนก็เพียงพอแล้ว

หากการคาดการณ์ของฟู่เสี่ยวกวนถูกต้อง สงครามฝั่งตะวันออกคงยังมิเกิดขึ้น นี่เป็นเรื่องดีสำหรับทุกคน

ฝ่าบาทจำเป็นต้องเตรียมตัว ส่วนคนที่หลบซ่อนอยู่ก็วางแผนการอย่างช้าๆ พวกเขาต่างก็ได้รับผลประโยชน์จากราชวงศ์หยู ย่อมไม่คาดหวังว่าราชวงศ์หยูจะเกิดความวุ่นวายขึ้น หรือแม้กระทั่งล่มสลาย เกรงว่าแม้แต่องค์ชายที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ก็คงไม่อยากเห็นผลลัพธ์นี้

แน่นอนฟู่เสี่ยวกวนเข้าใจความเกี่ยวพันธ์นี้ดี ดังนั้นเขาจึงมิอยากให้ฝ่าบาทรีบร้อนลงมือกับคนพวกนั้น เพื่อเรียกคืนอำนาจ แล้วเรื่องนี้จะคลี่คลายโดยธรรมชาติ

แม้ว่าต้นไม้ใหญ่ต้นนี้จะเน่าเฟะ แต่ก็ล้มไม่ได้!

ไม้ล้มวานรเตลิด หากมันล้มลงมาจริงๆ บรรดาตระกูลที่ช่วยบริหารแคว้นกันมาอย่างยากลำบากหลายรุ่นก็คงสูญเสียที่พึ่งพิง สิ่งนี้ล้วนแล้วแต่เป็นการทำร้ายทั้งสองฝ่าย หากไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ ก็คงมิมีใครกล้าทำเช่นนั้น

เมื่อออกจากห้องทรงพระอักษรได้ ฟู่เสี่ยวกวนก็มุ่งหน้าไปยังวังหลัง อาศัยป้ายหยกในมือเป็นทางผ่าน

เมื่อมาถึงด้านนอกของวังเตี๋ยอี๋ ขันทีเหนียนก็ออกมาต้อนรับ เมื่อเห็นป้ายหยกที่ห้อยอยู่ข้างเอวของฟู่เสี่ยวกวน ก็พลันตื่นตกใจขึ้นมา

“คารวะคุณชาย”

“องค์หญิงเก้าเล่า?”

“เรียนคุณชาย องค์หญิงเก้านั้นเสด็จไปเยี่ยมเยียนพระชนนี จนบัดนี้ก็ยังมิเสด็จกลับมา”

“อ้อ…ตอนนี้ข้ามีสามเรื่องที่อยากจะให้เจ้าทำ”

“คุณชายโปรดกล่าว”

“เรื่องแรก มีเกาะแห่งหนึ่งในทะเลสาบต้งถิง ณ เยว่โจว บนเกาะแห่งนั้นมีภูเขาลูกหนึ่ง นามว่าจวิ้นชาน ตรงตีนเขาจะมีหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆอยู่แห่งหนึ่ง ในหมู่บ้านจะมีหญิงชราแขนด้วนข้างหนึ่ง ซึ่งหญิงชราผู้นี้เลี้ยงดูเด็กสาวคนหนึ่ง เมื่อคำนวณตามปีแล้ว ปีนี้น่าจะอายุหกขวบ ข้าต้องการรู้ว่าหญิงชราแขนด้วนนั่นเป็นใคร นางทำมาหากินเยี่ยงไร ยังมีประวัติความเป็นมาของเด็กสาวผู้นั้นด้วย จำไว้ว่า ข้อมูลจะต้องถูกต้องและละเอียด”

ขันทีเหนียนชะงักเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้า

“เรื่องที่สอง ส่งคนตรวจสอบอารามซุ่ยเยว่ที่ตั้งอยู่ทางใต้ของเมืองหลวงอย่างใกล้ชิด ข้าอยากรู้ว่าแม่ชีผู้นั้นเป็นใคร และคนที่นางติดต่อด้วยคือใคร”

“เรื่องที่สาม ข้าต้องการข้อมูลทั้งหมดของแม่ทัพเซวี๋ยติ้งชานที่ประจำการฝั่งตะวันตก”

“เรื่องที่สี่ ข้าอยากรู้ความเคลื่อนไหวทั้งฝั่งศัตรูและฝั่งเราทางตะวันออก จำไว้ การเคลื่อนไหวที่ว่านั้น! รวมไปถึงกลยุทธ์ที่ทางราชสำนักแคว้นอี๋คิดจะใช้กับราชวงศ์หยู และรวมถึงการจัดวางทหารของกองทัพทางทางตะวันออก!”

“หลังจัดการเรื่องพวกนี้เสร็จสิ้นให้ส่งคนมาที่จวนข้าทันที ขันทีเหนียน จะมีปัญหาอันใดหรือไม่?”

ขันทีเหนียนโค้งกาย “สำหรับหอชิงเฟิงซี่หยู่แล้ว คุณชายมิจำเป็นต้องถามว่ามีปัญหาอันใดหรือไม่ ตราบใดที่ใต้หล้ายังมีเรื่องราว หอชิงเฟิงซี่หยู่ก็สามารถตรวจสอบให้คุณชายได้ทราบอย่างชัดเจน”

สิ่งนี้ทำให้ฟู่เสี่ยวกวนประหลาดใจ ดูเหมือนว่า ตนเองจะประเมินอำนาจของหอชิงเฟิงซี่หยู่ต่ำไป

“เช่นนั้นก็ดี ข้าต้องขอตัวไปก่อน หวังว่าจะได้รับข้อมูลเร็ววัน”

“คุณชายโปรดเดินระวัง ข้าน้อยจะไปจัดการตามที่สั่ง”

ฟู่เสี่ยวกวนหมุนตัวจากไป ขันทีเหนียนยืดกายตรง ดวงตาที่ขุ่นมัวคู่นั้นค่อยๆสว่างขึ้น เขามองแผ่นหลังของฟู่เสี่ยวกวนจนกระทั่งอีกฝ่ายลับสายตาไป จากนั้นก็หมุนตัวเดินเข้าไปในวังเตี๋ยอี๋

ซั่งกุ้ยเฟยอ่านหนังสือ พลางฟังคำรายงานของขันทีเหนียน แล้วพยักหน้า

“กล่าวเยี่ยงนี้…แสดงว่าเรื่องที่เขาทราบก็มีมิน้อย ข้อแรกนั้นยังมิต้องบอกแก่เขาในตอนนี้ มันยังไม่ถึงเวลา จงถ่วงเวลาไว้ ส่วนข้อสองนั้นจัดการตามที่เขาต้องการเถิด ส่วนข้อสาม…ก็ให้เขาเถอะ ส่งข้อมูลเหล่านั้นให้เขาทั้งหมด พระมารดาขององค์ชายสี่อันกุ้ยเฟยก็คือเซวี๋ยปิงชิงน้องสาวของเซวี๋ยติ้งชาน”

……

ฟู่เสี่ยวกวนออกจากพระราชวังก็ตรงไปหาซูม่อที่รออยู่ตรงนั้นแล้วพากันเดินทางกลับจวน

เขานั่งลงในหลีเฉินซวน สั่งให้ชุนซิ่วนำกระดาษหมึกพู่กันมาให้ เนื่องจากเขาจะเขียนจดหมายฉบับยาวขึ้นมา เมื่อเขียนเสร็จก็อ่านทวนอีกรอบหนึ่ง ทั้งเพิ่มเติมข้อความบางอย่างลงไปก่อนจะจดหมายนั้นส่งให้ซูม่อ

“เรื่องนี้สำคัญมาก คงต้องให้เจ้าไปส่งด้วยตนเอง”

“ไปไหน?”

“เมืองหลินเจียง นำมันไปส่งถึงมือบิดาของข้า จำไว้ ต้องถึงมือบิดาของข้าเท่านั้น! และห้ามให้ใครรู้ร่องรอยของเจ้า!”

นับตั้งแต่ที่ซูม่อรู้จักฟู่เสี่ยวกวนมานี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นท่าทางระมัดระวังของฟู่เสี่ยวกวน นี่แสดงว่าเรื่องนี้ต้องสำคัญมากแน่ๆ เขาพยักหน้าอย่างจริงจัง เอ่ยปากถาม “ในเมื่อไปหลินเจียง เจ้าจักให้ข้าแวะไปที่ซีซานรึไม่?”

“ไม่ต้อง หลังจากที่เจ้าไปที่หลินเจียงแล้วก็ไปที่เยว่โจว ทะเลสาบต้งถิงที่เยว่โจวมีภูเขานามจวิ้นชาน ที่ตีนภูเขานั้นมีหมู่บ้านชาวประมงอยู่ ในหมู่บ้านมีหญิงชราแขนด้วนที่เลี้ยงดูเด็กสาวอายุหกขวบ สังหารหญิงชราผู้นั้นซะ แต่มิต้องลงมือกับเด็กสาวคนนั้น คอยแอบดูอยู่มุมมืดเพื่อดูสิว่าใครจะมาติดต่อกับเด็กสาวผู้นั้น ถ้าหากมีคนพาเด็กสาวผู้นั้นไป เจ้าก็สะกดรอยตามเขาไปอย่างเงียบๆ จะต้องรู้ให้แน่ชัดว่าพวกเขาจะไปตั้งหลักกันที่ใด”

“ได้!”

“จากนั้น เจ้าก็กลับมาที่เมืองหลวง ตกดึกก็หาโอกาสจุดไฟเผาอารามซุ่ยเยว่ คอยดูสิว่าแม่ชีที่นั่นจะไปที่ใด”

นี่มันเรื่องอะไรกัน? ซูม่อจ้องมองฟู่เสี่ยวกวนอย่างตกตะลึง ฟู่เสี่ยวกวนลูบจมูกแล้วหัวเราะแห้งๆ “แม่ชีผู้นี้หาใช่สตรีผู้มีคุณธรรม ข้าอยากรู้ว่าภายใต้ภาพลักษณ์เยือกเย็นประดุจหยกสะอาดนั้นจะซุกซ่อนความดำมืดอะไรไว้”

“พูดภาษาคนสิ!”

“เอ่อ…ก็ได้ แม่ชีผู้นี้อาจจะรู้ว่าใครกันที่ต้องการจะสังหารข้า”

“จริงรึ?”

“ข้าหลอกเจ้าแล้วได้อะไรเล่า?”

“งั้นก็ให้ข้าไปจุดไฟเผาอารามคืนนี้มิดีกว่ารึ?”

“โง่จริงเชียว เจ้ายังต้องสะกดรอยตามนางอีก เจ้าจะมีเวลาพอรึ? ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือกลับไปที่หลินเจียงก่อน”

ซูม่อครุ่นคิด จากนั้นก็เก็บจดหมายเข้าไปในอกเสื้อ “ศิษย์พี่หญิงจะคุ้มครองเจ้า”

ต่งชูหลานกลอกตาใส่เขา แต่ในใจกลับเปรมปรีดิ์

มีสาวน้อยอายุสิบห้าคนไหนบ้างที่ไม่หวังว่าจะได้ยินคำชมจากคนรัก? ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นคนที่บ้าคลั่งดังสัตว์ร้าย!

ทั้งสองคนลงจากรถ ยืนตากลมหนาวด้านหน้าจวนฉินปิ่งจงอยู่ครึ่งชั่วธูป ความอบอุ่นในใจก็พลันจางหายไป ทั้งสองพากันเดินเข้าไปในจวน

หลังจากทราบข่าวจากบ่าวใช้ ฉินปิ่งจงก็เดินออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง

“พี่ฉิน!”

“น้องฟู่!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า….!”

หนึ่งชราหนึ่งหนุ่มต่างหัวเราะออกมาอย่างปลอดโปร่ง จากนั้นต่งชูหลานก็ถามสารทุกข์สุกดิบของอาจารย์ฉิน ก่อนที่อาจารย์ฉินจะนำพวกเขาเข้าไปในหว่านชิงฉวน

ฉินรั่วเสวียก็อยู่ที่นั่นด้วย นางกำลังอ่านหนังสือ อ่านไปพลางร้องไห้ไปพลาง ฟู่เสี่ยวกวนมิใช่คน!

เขามันไม่ใช่คน!

ก็เห็นอยู่ว่าคนที่เจี๋ยเป่าหยูชอบคือหลินไต้ยวี่ ก็เห็นอยู่ว่าคนที่หลินไต้ยวี่ชอบคือเจี๋ยเป่าหยู แต่ฟู่เสี่ยวกวนที่ไม่ใช่คนผู้นั้นกลับดำเนินเรื่องราวให้จบลงโดยโศกนาฏกรรม!

เพียงเพราะน้องสาวหลินอ่อนแอและป่วยง่าย?

เพียงเพราะฮูหยินหวางชอบเซวี๋ยเป่าชาย?

แต่บรรพชนชอบน้องสาวหลิน!

เป่าหยูผู้น่าสงสาร จนกระทั่งถึงวันแต่งงานจึงได้ทราบว่าผู้ที่แต่งด้วยนั้นมิใช่น้องสาวหลิน

น้องสาวหลินผู้น่าสงสาร ในวันแต่งงานของเป่าหยูก็เจ็บปวดจนทานทนมิได้จึงกระอักเลือดตาย…

ฉินรั่วเสวียร้องไห้จนตาบวม อ่านไปร้องไห้ไปและด่าฟู่เสี่ยวกวนไป ดังนั้น…ตอนที่ฟู่เสี่ยวกวนเดินมาถึงหน้าประตูจึงแสดงท่าทางละอายใจ ฉินปิ่งจงก็รู้สึกเก้อเขินขึ้นมา ฉินรั่วเสวียยังคงร้องไห้ไปด่าไป!

“ฟู่เสี่ยวกวน ท่านมันคนจิตใจโหดเหี้ยม! ท่านเริ่มความวุ่นวายขึ้นมาสุดท้ายก็โยนมันทิ้งไป! ท่าน…ฮือออ…ท่าน…ท่านทำเช่นนี้กับน้องสาวหลินได้เยี่ยงไร!”

“อ่า มิเช่นนั้น พวกเราเปลี่ยนที่ดีหรือไม่?” ฟู่เสี่ยวกวนกระซิบถาม

“โอ้ ได้ ได้!”

ฉินปิ่งจงจะจัดการหลานสาวผู้นี้ได้รึ?

สำหรับเรื่องนี้ ตัวเขาเองก็เคยเตือนฉินรั่วเสวียอยู่หลายครั้ง ว่านั่นก็เป็นเพียงแค่วรรณกรรมเท่านั้น วรรณกรรมมิใช่เรื่องจริง ฟู่เสี่ยวกวนเพียงแค่ยืมหนังสือเรื่องนี้บอกกล่าวหลักการบางอย่าง

แต่จิตใจของสาวน้อยก็อดกลั้นมิได้ ว่ากันว่าตอนที่หนังสือความฝันในหอแดงจบลง สาวน้อยทั่วทั้งเมืองหลวงก็พากันก่นด่าฟู่เสี่ยวกวนกันระนาว….เฮ้อ เจ้าหนุ่มผู้นี้ ช่างทำบาปโดยแท้!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)