สรุปเนื้อหา ตอนที่ 174 ซูซู (1) – นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) โดย Internet
บท ตอนที่ 174 ซูซู (1) ของ นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) ในหมวดนิยายทะลุมิติ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ตอนที่ 174 ซูซู (1)
รัชสมัยเซวียนลี่ปีที่ 8 เดือนสิบสองวันที่สามสิบ เมืองจินหลิงได้มีหิมะตกลงมาโปรยปราย
เกล็ดหิมะสีขาวผ่องล่องลอยไปในนภา ร่อนลงสู่ภาคพื้น ปกคลุมยอดไม้และเชิงคาขาวโพลน ช่วยให้สีแดงของดอกเหมยดูโดดเด่นเป็นอย่างมาก
หยูเวิ่นหวินยืนอยู่ที่สวนดอกเหมย เกล็ดหิมะตกลงมายังคิ้วของนาง สายตามองไปยังกิ่งก้านของดอกเหมย นางนึกไปถึงดอกเหมยที่ทะเลสาบซวนอู่คงจะเบ่งบานแล้วเช่นกัน
กฎต่าง ๆ ในราชวังเดิมทีก็มากโข แน่นอนว่าพิธีต่าง ๆ ในปีใหม่ต้องมากมายกว่าเดิมหลายเท่านัก เมื่อวานได้มีโอกาสเดินทางไปพบเสด็จย่าและพูดคุยอยู่กับท่านทั้งวัน
ในวันนี้เดิมทีตั้งใจจะออกไปสูดอากาศภายนอกสักหน่อย แต่เสด็จแม่กลับรับสั่งว่ามิให้ออกไปที่ใด ดังนั้น…เขาผู้นั้นอยู่ที่เมืองหลวงแต่เพียงผู้เดียวในวันเช่นนี้ เขาจะข้ามปีเพียงลำพังได้เยี่ยงไร ?
เขาจะโดดเดี่ยวหรือไม่ ?
ชูหลานจะสามารถออกมาอยู่เป็นเพื่อนเขาได้หรือไม่ ?
เห้อ…เสด็จย่ากล่าวว่าให้พาเขาเข้าวังมาพบท่านสักหน่อย เรื่องนี้มิใช่เรื่องดีนัก เนื่องจากนางรู้ดีว่าเสด็จย่าจะถามเขาเกี่ยวกับหนังสือความฝันในหอแดง เหตุใดหลินไต้ยวี่จึงไม่แต่งงานกับเจี๋ยเป่าหยู ?
นั่นสิ เหตุใดกัน ?
หยูเวิ่นหวินได้อ่านหนังสือความฝันในหอแดงเช่นกัน นางเองก็มิเข้าใจว่าหากหลินไต้ยวี่มีร่างกายอ่อนแอ จึงเป็นเหตุผลที่เจี๋ยเป่าหยูไม่แต่งงานกับเธอ แต่หากว่าเขาแต่งงานกับหลินไต้ยวี่ จากนั้นรับเซวี๋ยเป่าชายเป็นอนุภรรยา จะมิสมบูรณ์แบบกว่าหรือ ?
ส่วนเรื่องของนางและฟู่เสี่ยวกวนนั้น เสด็จย่าคล้ายกับมองออก จากคำพูดของเสด็จย่าบางคราคล้ายกับมิชอบฟู่เสี่ยวกวนเท่าใดนัก แต่เสด็จย่ายังมิเคยพบเขาเลยสักครา
หรืออาจเป็นเพราะหนังสือนั่น ?
หยูเวิ่นหวินมิเข้าใจเสียจริง นางนึกในใจว่าคงต้องให้ฟู่เสี่ยวกวนเข้าพบเสด็จย่าเสียก่อนสักครา หวังว่าเสด็จย่าจะชื่นชอบเขาหลังได้พบ
……
……
ณ จวนฟู่แห่งทะเลสาบซวนอู่ ต่งชูหลานและฟู่เสี่ยวกวนนั่งอยู่ด้วยกันที่ห้องโถง
ฟู่เสี่ยวกวนกำชับให้ชุนซิ่วเรียกคนในจวนมาพร้อมหน้ากัน เขาวางหีบไม้ไว้หีบหนึ่ง ด้านในเต็มไปด้วยผ้าห่อสีแดง
สิ่งเหล่านี้เขาและชุนซิ่วทำด้วยกัน 2 คน แน่นอนว่าซูโหรวได้เข้ามาช่วยบ้าง นางเพียงแต่สงสัยว่าสิ่งนี้มีไว้เพื่อเหตุใด
ผ้าแดงแต่ละห่อมีเงินอยู่ 10 ตำลึง คุณชายกล่าวว่าใกล้ปีใหม่แล้ว คุณชายจึงมอบของขวัญแก่ทุกคน สิ่งนี้เรียกว่าอั่งเปาซึ่งมีไว้สำหรับเป็นของขวัญปีใหม่นั่นเอง
ต่งชูหลานและหยูเวิ่นหวินได้ดูแลจวนฟู่จวบจนกระทั่งปัจจุบันมีบ่าวรับใช้กว่าหนึ่งร้อยแปดสิบคน อีกทั้งผู้ดูแลจากเรือนซีซานกว่าสามสิบคน พวกเขาเหล่านี้ยืนอยู่พร้อมหน้ากัน และมิรู้ว่าคุณชายเรียกมาในวันนี้นั้นมีเรื่องอันใด
“ในวันนี้เป็นวันที่สามสิบ ช่วงที่ผ่านมานี้พวกเจ้าทุกคนได้ทุ่มเทเพื่อจวนฟู่ ข้ารับรู้มาโดยตลอด คู่หมั้นของข้าหรือนายหญิงของพวกเจ้าในอนาคตเป็นผู้มีจิตใจงดงามยิ่ง นางรู้สึกได้ถึงความลำบากของทุกคน และคิดว่าในปีใหม่นี้พวกเจ้าควรได้รับรางวัล จึงได้เรียกพวกเจ้ามาในวันนี้ นายหญิงของพวกเจ้าจะแจกจ่ายรางวัลด้วยตนเอง และหวังว่าพวกเจ้าจะตั้งใจทำงานให้จวนฟู่ต่อไป”
เรื่องนี้ฟู่เสี่ยวกวนกล่าวกับต่งชูหลานเมื่อคืน นางรู้สึกประหลาดใจว่าเหตุใดจึงต้องมอบเงินเหล่านี้ด้วย ตามปกติแต่ละเดือนพวกเขาก็ได้รับเงินเดือนมิขาดแม้แต่ตำลึงเดียว เหตุใดจึงต้องมอบอั่งเปาอีกกัน ?
แต่เมื่อฟู่เสี่ยวกวนชี้แจงนางก็เข้าใจ นี่คือสินน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ นั่นเอง
อีกอย่างจวนฟู่มิขาดแคลนเงินทอง ดังนั้นนางจึงเห็นด้วยกับเขา
บรรดาผู้คนทั้งหลายต่างพากันฮือฮา เนื่องจากพวกเขาโดยมากล้วนถูกคัดเลือกโดยต่งชูหลาน ค่าตอบแทนที่พวกเขาได้รับนั้นมากกว่าที่อื่นหลายเท่า ตอนนี้นายหญิงของพวกเขายังจะมอบรางวัลแก่พวกเขาอีก ช่างเป็นเรื่องที่ประหลาดใจแต่ก็น่ายินดีนัก
ต่งชูหลานแสดงใบหน้ายิ้มแย้ม ภายในใจนางเปี่ยมไปด้วยความสุข เนื่องจากฟู่เสี่ยวกวนกล่าวว่านางเป็นนายหญิงของจวนนี้ !
นางกล่าวว่า “กฎระเบียบของจวนต่ง ข้าจะเอ่ยปรับปรุงให้ดีขึ้น ขอให้พวกเจ้าตั้งใจอย่างเต็มที่ เรื่องของรางวัลนั้นข้ามิได้หวงแต่อย่างใด แต่หากมีใครคิดก่อกบฏหรือทำลายตระกูลฟู่ ข้าเองก็จะมิเห็นอกเห็นใจแต่อย่างใด พวกเราทุกคนยังจะต้องอยู่ร่วมกันอีกนาน ข้ามิใช่คนใจไม้ไส้ระกำ แต่พวกเจ้าก็ควรทำตามกฎระเบียบ”
“สิ่งนี้เรียกว่าอั่งเปา เนื่องจากปีนี้มิได้ทำการประเมินการทำงาน ดังนั้นพวกเจ้าทุกคนจะได้รับเท่าเทียมกัน ถุงละ 10 ตำลึง !”
ทุกคนพากันโห่ร้องด้วยท่าทางดีใจ เงินตั้งสิบตำลึงเชียว !
แต่ละเดือนค่าตอบแทนของพวกเขาคือ 900 อีแปะ…เช่นนั้นเท่ากับค่าแรงทั้งปีมิใช่เหรอ !
มิมีนายผู้ใดใจดีเช่นนี้อีกแล้ว แม้แต่ตระกูลที่ยิ่งใหญ่ทั้งหกก็เช่นกัน
ดังนั้น…“ข้าน้อยขอบพระคุณนายหญิง ! ”
“ข้าน้อยขอติดตามรับใช้นายหญิงอย่างซื่อสัตย์ตลอดไป ! ”
“โอ้…ข้าน้อย ข้าน้อยทำบุญมาด้วยอะไรกัน ชาตินี้จึงได้มาพานพบกับนายหญิงที่จิตใจงดงามเพียงนี้ !”
“……”
“นั่นเพราะเจ้ายังไม่พบเจอกับผู้ที่ถูกใจ เอาล่ะ พวกข้าจะต้องไปแล้ว”
ฟู่เสี่ยวกวนและต่งชูหลานเดินทางออกไปจากจวนฟู่ ชุนซิ่วตกตะลึงอยู่เนิ่นนาน เมื่อได้สติกลับคืนมา นางก็เข้าไปยังห้องใหญ่เพื่อทำความสะอาดให้เรียบร้อย นี่คงเป็นห้องพักของนายทั้งสองในอนาคต เมื่อนึกถึงคุณชายเมื่อก่อนและบัดนี้ช่างต่างกันมากเหลือเกิน ชุนซิ่วก็อดมิได้ที่จะหลั่งน้ำตา
คุณชายเติบใหญ่แล้วจริง ๆ คุณชายได้เดินทางมาแสนไกลและตั้งหลักปักฐานอยู่ ณ เมืองหลวงนี้ มีคู่หมั้นรูปงามถึง 2 คน เพียงแต่คุณหนูต่งได้ตำแหน่งนายหญิง อีกท่านหนึ่งคือองค์หญิงเก้าเชียว จะให้องค์หญิงเป็นอนุภรรยางั้นหรือ ?
ซูโหรวนำผ้าที่เพิ่งปักเสร็จขึ้นมาดู จากนั้นวางไว้บนโต๊ะกล่าวว่า “พวกเขารักกันหวานชื่น ข้านั้นต้องติดตามไปปกป้องดูแลความปลอดภัย…ศิษย์พี่ เจ้าว่านี่คือเรื่องอันใดกัน ? ข้ารู้สึกว่ากำลังถูกเจ้าศิษย์น้องนั่นหลอกเอาเสียแล้ว ? ”
ซูเจวี๋ยเงยหน้าขึ้นมองด้วยท่าทีจริงจัง “เจ้าอย่าได้โกรธแค้นผู้ใดไป นี่มิใช่เพียงความต้องการของศิษย์น้อง แต่เป็นความตั้งใจของท่านอาจารย์ด้วยเช่นกัน…อีกทั้ง ท่านอาจารย์เขียนจดหมายมากล่าวว่า ศิษย์น้องหกซูซูได้ออกเดินทางจากสำนักตั้งแต่เดือนสิบสองวันที่ยี่สิบ คาดว่าน่าจะรีบมาเพื่อพบพวกเรา
ซูโหรวตกตะลึงเล็กน้อย “นางอยู่ต่อมิไหวแล้วงั้นหรือ ? ”
“หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ ท่านอาจารย์กล่าวว่า……ที่แห่งนั้นแม้แต่นกก็หาได้ยากนัก”
ซูโหรวหัวเราะออกมา “ซูซูเดินทางจากมาก็ดี ศิษย์พี่รองคงจะได้อ้วนท้วนขึ้นบ้าง”
“ที่ข้ากังวลคือ หากซูซูเดินทางมาที่นี่จริง ๆ จักทำเยี่ยงไรเล่า ?”
ซูโหรวครุ่นคิดชั่วครู่ อืม นี่เป็นอีกปัญหาหนึ่ง หากนางดีดพิณนั่นแล้วเรียกฝูงนกในเมืองหลวงมามากมาย จะไม่เป็นจุดสนใจเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“หรือว่า…ข้าจะไปขับไล่นางเอง ? ”
ร่างอรชรขาวผ่อง สะพายกล่องดำไว้ที่หลังเดินตรงเข้ามาด้านใน
กล่องนั้นคือกล่องใส่พิณ ขนาดกว้างกว่าตัวนางเล็กน้อยด้านบนสูงกว่าศีรษะนางเกินครึ่ง มองไปคล้ายสัตว์ประหลาด แต่นางดูจะเคยชินแล้ว
นางถักผมเปียสองข้าง สวมใส่ชุดผ้าป่านเบาบาง เท้าเปล่าอันขาวผ่องของนางเหยียบย่ำอยู่บนหิมะ ในมือถือรองเท้าไว้คู่หนึ่ง อีกข้างหนึ่งถือปิงถังหูลู่ นางเดินมาพลางกินขนมนั้นอย่างสบายอารมณ์ไม่รู้สึกถึงความหนาวเหน็บ และไม่ใส่ใจในรูปลักษณ์ของตนแม้แต่น้อย
นางมิต้องกังวลเรื่องรูปลักษณ์แต่อย่างใด ไม่ว่านางจะทำอิริยาบถใด ๆ ก็คือสตรีที่งามที่สุดในจักรวาล !
“ศิษย์พี่สาม จะขับไล่ผู้ใดอย่างนั้นหรือ ? ”
ซูซูเดินกินปิงถังหูลู่มายังห้องโถงใหญ่ ซูเจวี๋ยตกตะลึงพร้อมกับเบิกตากว้าง เอ่ยถามว่า “เจ้าเข้ามาด้านในได้เยี่ยงไร ?”
“อ้อ ข้าเพียงทำให้พวกเขาหลับไปน่ะ จากนั้นก็เดินเข้ามาอย่างที่ศิษย์พี่เห็น ! ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)