ต่งชูหลานและท่านลุงรองนามว่าต่งเสียงฟางนั่งอยู่ศาลาเซียงหมิงซวน ใบหน้าอันผอมเพรียวเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม ในมือถือถ้วยน้ำชาอยู่แต่ก็เย็นชืดเสียแล้ว
ต่งซิวหวย บุตรชายคนรองของเขามองไปยังท่านพ่อ จากนั้นเมื่อคิดว่าเมื่อเช้ามีคนจากที่บ้านท่านอามาบอกว่าพี่ชูหลานจะเดินทางมาหา ท่านพ่อของเขาก็มีสีหน้าเป็นกังวล เกรงว่าจะมีเรื่องใดที่ทำให้กังวลใจ
เมื่อไตร่ตรองดูก็พบว่าคงเป็นเรื่องคู่หมั้นของนางเป็นแน่
ทุกคนล้วนคิดว่าต่งชูหลานจะแต่งงานกับเยี่ยนซีเหวิน แต่คิดมิถึงว่าภายในระยะเวลาสั้น ๆ นี้สถานการณ์จะพลิกผันไป บุตรพ่อค้าที่ดินจากเมืองหลินเจียงมิรู้ว่าใช้วิธีการใดจึงได้เอาชนะเยี่ยนซีเหวิน และบัดนี้ตระกูลเยี่ยนก็มิได้มีท่าทีใด ๆ แม้แต่น้อย !
เรื่องนี้ช่างประหลาดนัก ตระกูลเยี่ยนแห่งเมืองหลวงนี้มั่นคงดุจขุนเขา ในสายตาของตระกูลเยี่ยนนั้น เมืองหลินเจียงเทียบมิได้แม้แต่น้อย เมื่อก่อนเขาเคยร่วมรับประทานอาหารกับเยี่ยนซีเหวิน ต่งซิวหวยรู้ดีว่าเยี่ยนซีเหวินคิดเยี่ยงไรกับพี่สาวของเขา แต่หลังจากเหตุการณ์นั้นเยี่ยนซีเหวินก็เงียบหายไป อีกทั้งเยี่ยนซือเต้าก็ด้วย
ต่งซิวหวยรู้สึกว่าฟู่เสี่ยวกวนผู้นี้มิเลวทีเดียว เขามีชื่อเสียงในด้านการศึกษา แม้แต่เยี่ยนซีเหวินก็ยังสู้มิได้
เขาคือผู้มีพรสวรรค์อย่างแท้จริง แม้ฟู่เสี่ยวกวนจะเป็นบุตรพ่อค้าที่ดิน แต่บัดนี้ฝ่าบาททรงมอบตำแหน่งจิ้นซื่อให้แก่เขา อีกทั้งตำแหน่งราชการให้เขาด้วย ได้ยินมาว่ากั๋วจื่อเจี้ยนกำลังจัดทำหนังสือประวัติศาสตร์ โดยจะนำเหตุการณ์ที่ผ่านมาหลายพันปีรวบรวมและบันทึกลงไป ซึ่งเรื่องนี้ผู้ที่เสนอความคิดเห็นก็คือฟู่เสี่ยวกวนผู้นี้นั่นเอง
เมื่อคืนข้ามปี เขาและท่านพ่อได้พูดคุยกัน เขารู้ดีว่าฟู่เสี่ยวกวนจะเดินทางไปยังราชวงศ์อู่เพื่อเข้าร่วมเทศกาลฤดูหนาว ท่านพ่อเอ่ยว่าทางราชวงศ์อู่ได้เจาะจงรายชื่อเขาเพียงคนเดียว มองดูแล้วชื่อเสียงของฟู่เสี่ยวกวนมิได้โด่งดังเพียงในเมืองหลวงเท่านั้น แม้แต่ราชวงศ์อู่ก็ยังสามารถรับรู้ได้ เช่นนั้นชายหนุ่มที่มากความสามารถเยี่ยงนี้ ท่านพ่อควรจะดีใจและอวยพรพวกเขา มิใช่นั่งกังวลเช่นนี้ ?
ต่งซิวฟางยกชาขึ้นมาดื่ม จากนั้นวางถ้วยลงกล่าวว่า “เจ้าจงไปยังห้องโถงด้านหน้า เรียกพวกเขาเข้ามา”
ต่งซิวหวยเดินออกจากศาลาเซียงหมิงซวน ต่งเสียงฟางจึงได้ถอนหายใจออกมาแล้วเงยหน้ามองดูดอกเหมย
หิมะที่ปกคลุมบนกิ่งก้านของต้นเหมยกำลังละลาย สีแดงและสีขาวตัดกันช่างงดงามยิ่ง
ผ่านไปไม่นาน ด้านนอกก็มีเสียงหัวเราะของต่งซิวหวยและต่งชูหลานดังเข้ามา จากนั้นทั้งสองก็เดินเข้าไปในศาลาเซียงหมิงซวน ต่งเสียงฟางมองไปยังต่งซิวหวยและต่งชูหลาน จากนั้นมองไปยังใบหน้าของชายหนุ่มผู้นั้น
เป็นเขานั่นเอง เขาที่อยู่ในพระราชวังจินเตี้ยนและทำให้เสนาบดีกรมพิธีการต้องขายหน้าในวันนั้น
เรื่องในตอนนั้นต่งเสียงฟางมิได้รับรู้ เนื่องจากหากฮ่องเต้มิได้มีรับสั่งให้เข้าเฝ้า โดยนิสัยแล้วเขาจะมิเข้าร่วมประชุม เรื่องที่เกิดขึ้นวันนั้นตัวเขาได้ยินมาจากผู้อื่น เขาเพียงรู้สึกว่าน่าเสียดายจริง ชายหนุ่มผู้นี้มีความสามารถ แต่กลับสร้างเรื่องขัดใจตระกูลชือซึ่งเป็นหนึ่งในหกตระกูลใหญ่ได้ เกรงว่าต่อไปคงจะอยู่ในเมืองหลวงลำบากเสียแล้ว
เขามิได้ใส่ใจเรื่องของฟู่เสี่ยวกวนเท่าไรนัก ที่เขารู้นั้นมิต่างอันใดกับที่ชาวบ้านในเมืองหลวงรับรู้ นั่นคือเขาเป็นผู้เขียนหนังสือความฝันในหอแดงและประพันธ์กวีแห่งสายน้ำ กระทั่งปลายปีที่ผ่านมา ราชวงศ์อู่ส่งหนังสือมายังองค์จักรพรรดิและส่งต่อไปยังหงหลู่ซื่อ เขาจึงได้ทำความรู้จักฟู่เสี่ยวกวนมากขึ้น
จึงได้รู้ว่าชายหนุ่มผู้นี้เป็นบุตรชายของพ่อค้าที่ดินแห่งเมืองหลินเจียง อีกทั้งเขาเป็นผู้เขียนนโยบายบรรเทาสาธารณภัย อืม ชายหนุ่มผู้นี้เป็นผู้มีความสามารถ เพียงแต่หงหลู่ซื่ออยู่ในความดูแลของกรมพิธีการ ชือหยวนหมิงเป็นเสนาบดีกรมพิธีการ ดังนั้นเขาจึงมิได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับฟู่เสี่ยวกวน แต่กลับรู้สึกชื่นชมเขาเท่านั้น
ต่อมาเมื่อได้ยินว่าบุตรสาวของน้องสามนามว่าต่งชิวหลานและฟู่เสี่ยวกวนคล้ายกับมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เขาจึงได้รู้สึกว่าเรื่องนี้มิดีนัก เนื่องจากเยี่ยนซีเหวินและต่งชูหลานกำลังไปได้ราบรื่น หากมีเรื่องเหล่านี้แพร่ออกไป เกรงว่าชื่อเสียงของต่งชูหลานจะเสียหาย อีกทั้งตระกูลเยี่ยนให้ความสำคัญกับชื่อเสียงของพวกเขามาก อาจทำให้เกิดปัญหาตามมาได้
เขาเคยเดินทางไปสนทนากับต่งคังผิงมาหลายครา แต่ดูเหมือนน้องสามของเขาจะมิได้ใส่ใจในเรื่องนี้นัก
เดิมทีเขาต้องการจะไปเจรจากับฟู่เสี่ยวกวน ตักเตือนเขาให้รู้จักที่ต่ำที่สูงและถอนตัวออกไปด้วยตนเอง แต่คาดมิถึงว่าฟู่เสี่ยวกวนจะเดินทางกลับไปยังหลินเจียงแล้ว
การที่เขาเดินทางมาเมืองหลวงครานี้ คาดว่าคงจะมาเพื่อสู่ขอต่งชูหลาน !
อีกทั้งจากต้นจนปัจจุบัน ตระกูลเยี่ยนหาได้มีท่าทีใด ๆ ไม่
ดังนั้น หากฟู่เสี่ยวกวนมิได้เดินทางไปยังราชวงศ์อู่ในฐานะราชทูต เขาคงจะขัดขวางเรื่องระหว่างทั้งสองอย่างแน่นอน
แต่บัดนี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไป ต่งเสียงฟางรู้ดีว่าหากฟู่เสี่ยวกวนเดินทางกลับมาจากราชวงศ์อู่ ฝ่าบาทจะทรงประทานรางวัลอย่างงามแน่นอน
ดังนั้นบัดนี้เขาจึงมิจำเป็นต้องทำให้ฟู่เสี่ยวกวนลำบากใจ
นี่คือเหตุผลที่เขารู้สึกเป็นกังวล
ฟู่เสี่ยวกวนเดินตามพวกเขาเข้ามาอยู่ด้านหลังสุดด้วยรอยยิ้ม ท่าทีมิได้กังวลสักเล็กน้อย ชายผู้นี้…ในสายตาของต่งเสียงฟาง เขาช่างหนักแน่นเสียจริง
ต่งชูหลานพาฟู่เสี่ยวกวนมาทำความเคารพต่อหน้าต่งเสียงฟาง จากนั้นแนะนำเขาให้แก่ต่งเสียงฟาง ฟู่เสี่ยวกวนคำนับเขาอีกครั้ง แล้วเดินกลับไปยังที่นั่งของตน
ต่งเสียงฟางมิได้เอ่ยถามคำถามที่ฟู่เสี่ยวกวนคาดเดาไว้ เขาพูดคุยกับต่งชูหลานและหันมาคุยกับฟู่เสี่ยวกวนบ้างบางครา แต่มิได้เอ่ยถึงเรื่องราวในราชวัง เป็นเพียงหัวข้อสนทนาทั่วไปในครอบครัว กล่าวว่าต่งชูหลานเป็นเหมือนไข่มุกแห่งจวนต่ง จะทำให้นางเสียใจมิได้เป็นอันขาด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)