นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 195

ฟู่เสี่ยวกวนได้ออกมาจากจวนฟู่ในยามบ่าย และพาซูซูไปทางตอนใต้ของเมือง

แสงแดดอ่อน ๆ ทำให้หิมะบนหลังคาและยอดไม้กำลังละลาย น้ำหิมะรวมตัวกันจนเป็นหยดน้ำใส หลังจากนั้นก็ตกลงมาแผ่วเบา แตกกระจายบนพื้นหินอ่อน น้ำแข็งบนผืนหินอ่อนได้ละลายไปแล้ว และมีโคลนติดอยู่บนพื้นเล็กน้อย

พวกเขามิได้นั่งรถม้า เพียงเดินไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้น

ซูซูยังคงเดินเท้าเปล่า สวมชุดกระโปรงยาวกรอมเท้าสีม่วง ชุดที่นางใส่บางอย่างมาก และช่างแตกต่างกับผู้อื่นอย่างยิ่งเพราะในยามนี้มิมีผู้ใดสวมใส่เสื้อผ้าบาง ๆ แบบนาง เมื่อรวมกับใบหน้าที่ไร้ที่ตินั่น ก็มีสายตามากมายที่มองมาทางพวกเขาอย่างสนใจ

“ข้าว่า ยามออกมาด้านนอกเจ้าจะสวมรองเท้าได้หรือไม่ ? ”

“เหอะ สวมรองเท้ามันมิสบายนี่”

“มิสบายเยี่ยงไร ? ”

“ก็…เดินไปเพียงสองสามก้าวก็มีเหงื่อแล้ว มันเปียก ข้ารู้สึกว่ามันสวมใส่มิสบายเท่าใดนัก”

โอ้ เหงื่อที่เท้า !

ฟู่เสี่ยวกวนไร้หนทาง เขาเองก็มิรู้ว่าจะควบคุมสิ่งนี้อย่างไร “แล้วเจ้ามิหนาวจริง ๆ เยี่ยงนั้นรึ ? ”

ซูซูส่ายหน้า “สบายมาก เยี่ยงนั้นเจ้าอยากลองถอดรองเท้าเดินรึไม่ ? ”

ให้ข้าลองกับผีเจ้าสิ !

เอาเถอะ คอยมองดูไปก็แล้วกัน ขอเพียงคนเหล่านั้นมิคิดว่าตนเป็นคนทารุณนางก็พอ

ทั้งสองเดินผ่านถนนมาสองสามสาย ทันใดนั้นซูซูก็หยุดลง นางรั้งชายเสื้อของฟู่เสี่ยวกวนไว้ และชี้ไปทางด้านหน้า ก่อนจะเอ่ยถามว่า “เหตุใดตรงนั้นคนเยอะจัง ? ”

ฟู่เสี่ยวกวนมองตาม นั่นเป็นร้านค้าเล็กที่ไม่เตะตาผู้คน และคนเหล่านั้นเหมือนกำลังต่อแถวซื้ออะไรบางอย่างอยู่

“เยี่ยงนั้นลองเดินเข้าไปดูดีหรือไม่ ? ”

“ดี !” ซูซูพยักหน้า นางชื่นชอบความครึกครื้นยิ่ง เพราะนางใช้ชีวิตที่สำนักเต๋านานเกินไปแล้ว และสำนักเต๋าก็เงียบเหงาเกินไป

ทั้งสองคนเดินมาถึงด้านหน้าร้านค้า ฟู่เสี่ยวกวนจึงพบว่าที่นี่คือร้านขายขนมปิ้ง

ร้านอู่เว่ยจาย !

ป้ายผ้าประกาศที่มีสามตัวอักษรขนาดใหญ่ได้แขวนติดอยู่บนทับหลังของร้านค้า ด้านหน้าประตูมีโต๊ะต้อนรับ พนักงานในร้านต่างก็เดินถือถาดขนมปิ้งมาให้กับพนักงานทางด้านหน้าดูแล้วช่างเป็นภาพที่วุ่นวายเสียจริง และที่โต๊ะต้อนรับด้านหน้าก็มีชายหญิงคู่หนึ่งยืนอยู่ ดูแล้วเป็นวัยรุ่นอายุอานามยี่สิบปี ทั้งสองต่างกำลังยุ่งกับการนำขนมปิ้งของลูกค้ามาห่อให้ดี รับเงินแล้ว หลังจากนั้นก็กล่าวขอบคุณ

กิจการนี้มิเลว เหมือนว่าร้านอู่เว่ยจายนี้ได้ขายมาเป็นเวลาหลายปีแล้วเช่นกัน

“เจ้าอยากลองชิมหรือไม่ ? ”

“อือ !”

ซูซูเลียริมฝีปาก กลิ่นหอมหวานที่โชยมาจากภายในร้านได้กระตุ้นความอยากของนางนานแล้ว ต่อให้ฟู่เสี่ยวกวนมิพูด นางก็จะหยุดซื้อเพื่อลิ้มรสมันอย่างแน่นอน

รสชาติย่อมไม่แย่ แต่มิรู้ว่าจะอร่อยเทียบกับถังหูลู่ได้หรือไม่

ทั้งสองได้เดินมายังท้ายแถว ฟู่เสี่ยวกวนลองนับคร่าว ๆ ด้านหน้านั้นยังมีอีกยี่สิบลำดับ ดูเหมือนว่าจะต้องรออีกเสียหน่อย

เขาอยากจะไปดูอารามซุ่ยเยว่ แต่มิได้เร่งรีบอันใด เพราะเพียงต้องการไปดูเท่านั้น

ป้าที่ยืนอยู่ด้านหน้าเขาเหลือบมองมาทางเขา หลังจากนั้นสายตาก็ไปตกอยู่ที่ซูซู

ป้าดวงตาวาวโรจน์ “ไอหยา ช่างเป็นคนที่งดงามอะไรเยี่ยงนี้ ! เพ่ย ๆ งดงามเกินไปแล้ว ราวกับน้ำแข็งแกะสลัก… ไอหยา แม่นาง เจ้าสวมชุดบางอะไรเยี่ยงนี้ ! อย่าทำให้ตัวเย็นสิ ไอหยา แม้แต่รองเท้าก็มิได้ใส่ หน้าหนาวที่พื้นเย็นเยี่ยงนี้ เจ้าแอบหนีออกมาเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

ซูซูงงอยู่ชั่วขณะ ป้าท่านนั้นหันมองไปทางฟู่เสี่ยวกวน

แขนซ้ายของนางถือตะกร้าสาน มือขวาชี้ไปทางฟู่เสี่ยวกวน “เจ้าเป็นพี่ชายนางรึ ? พี่ใหญ่ จิตใจกว้างขวางเสียหน่อยเถอะ เจ้าสวมชุดเหมือนมนุษย์มนา แต่สาวน้อยผู้นี้กลับใส่เสื้อผ้าชิ้นบางนางจะถูกแช่แข็งเอา เจ้ารีบพานางกลับบ้านไปเถอะ ข้ามิได้กล่าวถึงเจ้าและผู้ใหญ่ในบ้านของเจ้า แต่เดิมแล้วร่างกายของสตรีนั้นต่างหวาดกลัวความเย็น น้องสาวของเจ้ายังเด็กคงยังมิรู้สึกอะไร แต่ภายภาคหน้าหากแต่งงานมีลูกก็จะทราบกันเอง เมื่อถึงเวลานั้นจะเจ็บปวดไปทั้งร่าง และจะถูกบ้านของสามีรังเกียจ รีบกลับไปเร็ว ๆ เชื่อฟังกันด้วย ! ”

ฟู่เสี่ยวกวนไร้เดียงสาอย่างมาก เขาหันไปมองซูซู มีความหมายว่าพวกเราต้องไปจากที่นี่แล้วใช่หรือไม่ แต่ซูซูกลับส่ายหน้า นางหันไปมองป้าและกล่าวอย่างยิ้มแย้ม “ท่านป้า ข้าได้รับรู้ถึงความกรุณาของท่านแล้ว มันเป็นเยี่ยงนี้ ข้ามิได้ถูกลักพาตัวออกมา…”

นางเหลือบมองฟู่เสี่ยวกวนในขณะที่กล่าว บนใบหน้าก็มีร่องรอยของความขัดเขิน นางก็กล่าวกับคุณป้าผู้นั้นอีกว่า “แท้จริงแล้ว ข้าและเขาหนีตามกันมาเจ้าค่ะ”

ฟู่เสี่ยวกวนตกตะลึง ป้าท่านนั้นจ้องเข้าด้วยอารามตกใจอ้าปากค้าง ที่แท้ก็มิใช่พี่น้องกัน สาวน้อยผู้นี้อายุเท่าใดกันเอง เจ้าหนุ่มนี่ก็ลักพาตัวมาเสียแล้ว มันได้ที่ไหนกัน !

“เจ้าทำเยี่ยงนี้ได้อย่างไร ? สาวน้อยงดงามถึงเพียงนี้ ดูก็รู้แล้วว่าเป็นคุณหนูจากตระกูลใหญ่ เจ้าเองก็ดูมีการศึกษา คาดว่าคงเป็นพวกปัญญาชนที่ยากจนล่ะสิ”

กล่าวดังนั้นป้าก็ลากซูซูออกมา และเอ่ยเสียงแผ่ว “เจ้าอย่าได้เชื่อการแสดงเยี่ยงนั้น มันเป็นคนหลอกลวงทั้งสิ้น ลมปากของปัญญาชน เป็นปีศาจที่หลอกลวง เจ้าอย่าได้ไปเชื่อคำพูดของพวกเขาทั้งหมด มิฉะนั้นเจ้าจะเสียใจไปทั้งชีวิต มา บอกกับป้ามาว่าเจ้าเป็นลูกสาวของบ้านไหน ป้าจะเป็นที่พึ่งให้แก่เจ้า หากเขากล้าพาเจ้าไป ป้าจะไปแจ้งกับทางการเอง ! ”

ซูซูเริงร่าขึ้นมา ฟู่เสี่ยวกวนยากที่จะโต้แย้งออกไป ในยามนี้เหล่าลูกค้าที่กำลังต่อแถวต่างก็หันมองมาทางเขา ทั้งยังมีคนมาล้อมรอบตัวเขาไว้

คนเหล่านี้ชี้มาที่เขา ในสายตาเต็มไปด้วยความดูถูก

“กระทำตนเหมือนสุนัข คาดมิถึงว่าจะหลอกให้สาวน้อยน่ารักผู้นี้หนีตามมา…ช่างน่าขายหน้านักสำหรับผู้มีความรู้ ! ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)