ตอนที่ 194 จิตใจงดงามแต่วิธีการโหดเหี้ยม
ฟู่เสี่ยวกวนใช้เวลากว่า 1 ก้านธูปจึงได้อ่านข้อมูลของเซวี๋ยติ้งชานจนครบถ้วน
เพียงแค่ข้อมูลที่เขามี คาดว่าเซวี๋ยติ้งชานนี้จะไม่ธรรมดา
ในปีรัชสมัยเซวียนลี่ปีที่ 1 ฮ่องเต้ทรงประทานตำแหน่งจักรพรรดินีให้แก่เซวี๋ยปิงหลาน และทรงให้เซวี๋ยติ้งชานเป็นแม่ทัพของทหารกองทัพตะวันตก ผ่านไป 8 ปี เขาได้จัดระเบียบทหารตะวันตกได้เป็นอย่างดี
อย่างน้อยชายแดนระหว่างราชวงศ์หยูกับแค้วนฝาน ได้สงบสุขตลอดแปดปีมานี้
เขาผู้นี้เดินทางไปขอเข้าศึกษา ณ สำนักศึกษาจี้เซี่ยในรัชสมัยไท่เหอปีที่ 35 ศึกษาวิชาเอกเกี่ยวกับกลยุทธ์ทางทหาร ในปีนั้นเขาอายุ 17 ปี แต่ปัจจุบันเขาอายุ 44 ปีแล้ว
เอกสารฉบับนี้มิได้จารึกเกี่ยวกับเรื่องเขาก่อนอายุ 17 ปี แต่ได้เอ่ยถึงว่าเซวี๋ยติ้งชานได้ใช้ดาบเล่มหนึ่ง มีความยาว 2 เมตรและหนักประมาณ 44 ชั่ง มองดูแล้วเขาจะมีทักษะด้านวรยุทธ มิเช่นนั้นเขาคงมิอาจหยิบดาบเล่มนี้ได้
สาเหตุที่ฟู่เสี่ยวกวนอ่านข้อมูลของเซวี๋ยติ้งชานเหล่านี้ เนื่องจากเขาเป็นลุงขององค์ชายใหญ่และองค์ชายห้า หากฝ่าบาทยังมิทรงแต่งตั้งรัชทายาท เกรงว่าองค์ชายทั้งสองจะต้องขัดแย้งกันไม่จบไม่สิ้นเป็นแน่ และเรื่องที่เขาถูกลักพาตัวเมื่อปีก่อนคล้ายจะเกี่ยวข้องกับองค์ชายสี่
ดังนั้นเขาจึงต้องทำความเข้าใจว่าองค์ชายห้านั้นเป็นคนเยี่ยงไรกัน
แต่บัดนี้เขารู้เพียง 2 ประการ นั่นคือหยี่ฮวาถายและเซวี๋ยติ้งชาน
พระมารดาขององค์ชายห้านามว่าพระสนมอัน ฟู่เสี่ยวกวนมิเคยพบและไม่รู้ว่าเป็นคนเยี่ยงใด แต่เมื่อนางเป็นคนของตระกูลเซวี๋ย ก็คงมิธรรมดา
ฟู่เสี่ยวกวนมิเข้าใจเสียจริง ตนเองเป็นเพียงคนธรรมดาที่ไร้ตำแหน่งใด ๆ เหตุใดองค์ชายจึงต้องตามอาฆาตแค้นเขาด้วย !
หากจะจัดการกับองค์ชายสี่แน่นอนว่ามิใช่เรื่องง่าย อย่างน้อยบัดนี้เขายังมิมีคุณสมบัติพอ
ตอนนี้เขาทำได้เพียงแอบตรวจสอบประวัติขององค์ชาย ส่วนเรื่องโอกาส ว่ากันว่าโอกาสมักมีให้ต่อผู้ที่เตรียมพร้อมเสมอ
ไม่นานต่อมา เย่อู๋ซุ่ยได้วิ่งเข้ามาหาเขาแล้วคุกเข่าลงต่อหน้าฟู่เสี่ยวกวน ร้องไห้น้ำตานองหน้ากล่าวว่า “ข้าน้อยมีตาหามีแววไม่ มิทราบว่าคุณชายคือ…”
ฟู่เสี่ยวกวนขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “ลุกขึ้นเถิด ข้าเพียงอยากถามเจ้าว่า บันทึกของเฟ่ยอันที่ข้าต้องการเล่า ?”
เย่อู๋ซุ่ยได้ยินดังนั้นก็รีบหยิบกระดาษออกมาจากกระเป๋าส่งให้แล้วกล่าวว่า “อยู่ที่นี่ขอรับ ขอเชิญคุณชาย โปรดลองดู”
“ข้าสั่งให้เจ้าลุกขึ้น ! ” ฟู่เสี่ยวกวนตะโกนออกมา ทำให้เย่อู๋ซุ่ยอกสั่นขวัญหายรีบลุกขึ้นยืน ก้มหน้าลงมองพื้น
ฟู่เสี่ยวกวนหยิบกระดาษเหล่านั้นขึ้นมาอ่าน “ค่ำคืนวันที่สามสิบ ผู้ดูแลเขตหนานหลิงพาผู้รับใช้เข้าไปในเรือนหนานหลิง และออกมาในเวลาต่อมา ในค่ำคืนนั้นมิได้มีผู้ใดเข้าออกอีก”
ฟู่เสี่ยวกวนเงยหน้าขึ้น “วันนี้วันที่เท่าไหร่ ?”
“คุณชายขอรับ วันนี้วันที่หก”
“เหตุใดเรื่องราวที่เกิดในคืนวันที่สามสิบ จึงเพิ่งนำมาให้ข้าดูวันนี้ ? หากข้ามิเรียกเจ้ามา เกรงว่าเจ้าคงมินำมาให้ข้าดูใช่หรือไม่ ? ”
เย่อู๋ซุ่ยคุกเข่าลงไปอีกครา “มิใช่ขอรับคุณชาย สิ่งนี้หาได้สำคัญไม่ ผู้ดูแลเขตหนานหลิงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเฟ่ยอันมาตลอด ในแต่ละปีเขาจะเดินทางไปเยี่ยมเฟ่ยอัน ข้าน้อยคิดว่า คิดว่า…”
“คิดว่าเยี่ยงไร ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนโมโหสุดขีด “ปึง ! ” เขาตบลงไปที่โต๊ะแล้วลุกขึ้นยืนกัดฟันกรอด เขาอยากจะเตะเจ้านี่ไปไกล ๆ เสียจริง แต่เมื่อคิดดูอีกทีเขาก็มิได้เตะออกไปจริง ๆ แต่กลับถามว่า “คนรับใช้ที่ผู้ดูแลเขตพาไปด้วยคือผู้ใด ? ”
เย่อู๋ซุ่ยจะรู้ได้เยี่ยงไร บัดนี้เขาวิตกกังวลมาก เมื่อคิดถึงกฎการลงโทษของหอซี่หยู่ น้ำตาก็ไหลมาเป็นทาง
ฟู่เสี่ยวกวนประคองเขาขึ้นมาแล้วกล่าวว่า “เอาเถิด หาใช่เรื่องใหญ่ไม่ นับแต่นี้จงตั้งใจจับตามองเฟ่ยอัน อ้อ ข้าขอมอบหน้าที่ให้เจ้าอีกหนึ่งอย่าง หากทำได้ดีก็ถือว่าลบล้างความผิดไป แต่หากไม่…อย่าหาว่าข้าโหดร้าย”
“ข้าน้อยจะทำให้ดีขอรับ เชิญคุณชายรับสั่ง”
ฟู่เสี่ยวกวนหยิบกระดาษ พู่กันและน้ำหมึกออกมาจากนั้นเขียนบางอย่างลงไป
“สิ่งนี้เจ้าจงคัดลอกให้ข้า 1 ฉบับ”
เย่อู๋ซุ่ยลุกขึ้นมาดู เฟ่ยอัน นักโทษอันดับหนึ่ง !
เย่อู๋ซุ่ยตกใจจนหัวใจแทบหลุดออกมา เขาต้องการทำสิ่งใดกัน ?
จากนั้นเขาได้อ่านข้อความด้านล่างด้วยอาการมือไม้สั่นเทา แม้แต่กระดาษที่อยู่ในมือยังแทบจับไว้ไม่อยู่
เนื้อหานั้นเขียนถึงการพ่ายแพ้ของกองทัพตะวันตกในรัชสมัยเซวียนลี่ที่สอง เฟ่ยอันกล่าวหาว่าท่านรองนายพลหลินฆ่าฟันชาวบ้านกว่าแปดร้อยคน จากนั้นตัดหัวส่งไปยังเมืองหลวง ในท้ายบทความกล่าวว่า เฟ่ยอันจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต เขาจะต้องถูกสวรรค์ลงโทษ วิญญาณทั้งแปดร้อยของชาวบ้านยังมิจากไปไหน เนื่องจากรอวันแก้แค้นเขาอยู่
นี่ไม่ต่างไปจากหนังสือสงคราม เนื่องจากเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับท่านแม่ทัพตะวันตก แม้มิได้เอ่ยถึงตระกูลเฟ่ยแม้แต่คำเดียว แต่ตระกูลเฟ่ยจะมิข้องเกี่ยวได้เยี่ยงไร
หากบทความนี้ถูกแพร่ออกไป…เย่อู๋ซุ่ยนึกไม่ออกจริง ๆ ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้น ในราชวังจะวุ่นวายเพียงใด
เดิมทีเขาไม่เข้าใจวัตถุประสงค์ที่ฟู่เสี่ยวกวนให้เขาคัดลอกหนังสือนี้ แต่หลังจากเขาคัดลอกเสร็จแล้วจึงได้รู้ตัวว่าตนเองโง่เขลาเพียงใด
“ดีมาก สิ่งที่ข้าจะให้เจ้าทำก็คือไปหาโรงพิมพ์แล้วจัดพิมพ์บทความนี้หนึ่งหมื่นฉบับ จงจำไว้ว่าอย่างน้อยหนึ่งหมื่นฉบับ ต้องพิมพ์ให้แล้วเสร็จก่อนวันที่สิบห้า จากนั้นในคืนเทศกาลหยวนเซียวจงส่งคนออกแจกจ่ายบทความนี้ในที่ผู้คนคับคั่ง เช่นหลานถิงจี๋”
ฟู่เสี่ยวกวนนำฉบับที่เขาเขียนด้วยตนเองโยนเข้าเตาไฟเผามอด
เย่อู๋ซุ่ยถือกระดาษไว้ในมือ เขามีความรู้สึกอยากตายขึ้นมาทันที
“เหตุใดกัน ? ทำมิได้ ? หรือเจ้ากลัว ? ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)