บัดนี้ฟู่เสี่ยวกวนและซูชูเริ่มเหนื่อยล้าลง
ฟู่เสี่ยวกวนรู้สึกว่าบัดนี้เขาทั้งสองมิอาจต่อสู้กับพวกนี้ได้ และซูซูเองก็เริ่มหมดแรงแล้ว เขาจะปล่อยให้ซูซูเป็นแบบนี้ไม่ได้
เขาถอนหายใจออกมาและสั่งว่า ” ถอย ! ”
เมื่อซูซูได้ยินดังนั้น นางก็จับมือฟู่เสี่ยวกวนแล้ววิ่งหนีไป นางเองก็เข้าใจว่าหากสู้กันต่อไปต่อให้ฆ่าได้อีกสักสิบยี่สิบคนก็ไร้ประโยชน์
นางไม่ชนะแน่ ถ้าเช่นนั้นจะรีรออะไร รีบหนีเป็นการดี
” ตามไป ! ”
เสียงคำส่งดังมาจากด้านหลัง จากนั้นตามด้วยเสียงฝีเท้าของม้า
เมื่อเห็นทหารตามเข้ามาใกล้ ซูซูก็พาฟู่เสี่ยวกวนแทรกตัวเข้าไปในเรือนเรือนหนึ่ง ภายในตื่นตกใจชุลมุน
” ให้ตายสิ พวกแกออกไปสู้สิ ! ”
ซูซูรู้สึกผิด แต่นี่มิใช่เวลามานั่งเอ่ยคำขอโทษ “พวกเราใช้เวลาไม่นาน”
” เห้อ… ”
มีทหารขี่ม้าเข้ามา แต่เนื่องจากสถานที่ค่อนข้างคับแคบจึงเข้ามาเพียง5คน ซูซูกระโดดขึ้นสูง นางและดาบเล่มนั้นเฉียดกันไปนิดหนึ่ง เสื้อผ้าของนางถูกเฉือนขาด หมัดของนางจัดการกับทหารที่เข้ามาได้หนึ่งชีวิต นางรับดาบนั้นมาแล้วกระโดดขึ้นขี่ม้า…แต่ทว่า
นางขี่ม้าไม่เป็น !
นางทำตัวไม่ถูก เมื่อพบว่ามีดาบกำลังพุ่งเข้ามา นางก็กระโดดลอยตัวขึ้น ฉึบ ! ฉับ ! เสียงดาบฟาดฟันต่อสู้ นางกำจัดอีก 4 คนจนตกม้าด้วยท่าทีร้อนรน
” ขี่ม้า ฝ่าออกไป !”
ซูซูตะโกนออกมา ฟู่เสี่ยวกวนขึ้นม้า ซูซูกระโดดขึ้นมาหลังเขา “ย่ะ ! วิ่งไป !…”
แต่ทว่า…ฟู่เสี่ยวกวนก็ขี่ม้าไม่เป็นเช่นกัน เขาขับเครื่องบินเป็น แต่ในสมัยนั้นการขี่ม้าออกรบได้ล้าหลังไปแล้ว
“เป็นอะไรไป ? ”
“ข้าขี่ม้าไม่เป็น”
“แล้วจะทำเยี่ยงไรดี ? ”
“เจ้าด้วยงั้นหรือ ?”
” ที่สำนักเต๋ามีลาตัวหนึ่ง แต่ใช้สำหรับโม่แป้ง ท่านอาจารย์กล่าวว่ามิให้ขี่”
ทั้งสองมองหน้ากันด้วยความลังเล ทันใดนั้นก็มีทหารม้ามุ่งตราเข้ามา ซูซูยกดาบขึ้นสู้ เช้ง ! นางใช้ดาบเปิดทางแล้วตะโกนออกมาว่า ” จับให้แน่น !”
นางใช้ดาบแทงเบา ๆ ไปที่สะโพกของม้า เมื่อม้าเกิดอาการเจ็บจึงร้องและวิ่งตรงออกไปอย่างไม่คิดชีวิต
ฟู่เสี่ยวกวนแทบหงายหลัง เขาจับอานม้าไว้แน่น แล้วเอนตัวไปข้างหน้า เขาพยายามนึกถึงฉากที่เคยเห็นในหนัง มือกำแน่นแล้วบังคับหัวม้าไปทางขวาเพื่อให้ม้าเปลี่ยนทิศทาง
แต่ภายนอกมีคนกว่าสิบคนถือดาบตรงมาทางเขา เช้ง ! ฉับ ! ฉึบ !…แสงไฟจากดาบกระทบกันเป็นประกาย ” อ๊าก… !” แขนของนางถูกฟันเข้าอีกครั้ง
ฟู่เสี่ยวกวนเตะเข้าที่ท้องม้า เขาปรับทิศทางของมันให้เข้าที่ จากนั้นวิ่งออกไป
“ตามไป !…”
ด้านหลังของเขามีเสียงตะโกนตามมา ทหารกว่าสองร้อยคนตามมาด้วยความดุเดือด
การต่อสู้เหล่านี้ได้สร้างความหวาดกลัวให้กับคนเดินเท้าและพ่อค้าบนถนนสายยาวนี้ การสู้อย่างดุเดือดกลางวันแสก ๆ เช่นนี้ แน่นอนว่าพวกเขาจะต้องหลบซ่อนอย่างรวดเร็ว
ฟู่เสี่ยวกวนไม่รู้ว่าซูซูบาดเจ็บมากน้อยเพียงใด เขารู้เพียงว่าหากครั้งนี้สามารถเอาชีวิตรอดไปได้ เขาจะต้องจัดการกับฮุ่ยชินอ๋องแน่นอน !
ม้าศึกนั้นเสียเลือดมาก ความเร็วของมันช้าลงเรื่อย ๆ เขาได้ยินเสียงกีบม้าดังมาชัดเจนขึ้นทุกที “ เดี๋ยวเราจะหลบเข้าไปในเรือนอีกเรือนหนึ่ง เจ้ายังไหวใช่ไหม ?”
“ไหวสิ เพียงแต่เสียดายขนมเหลือเกิน…”
เหอะ ๆ สำหรับนางแล้วขนมเหล่านั้นดูสำคัญมากเสียจริง ฟู่เสี่ยวกวนมิเข้าใจในความคิดนางจริง ๆ
“เห้อ หากข้านำพิณมาด้วยคงดี ท่านอาจารย์กล่าวว่าข้าเกียจคร้านเกินไป ดูแล้วคงเป็นเช่นนั้น”
“พิณสามารถปลิดชีพคนได้หรือ ? ”
“ถ้ามิเช่นนั้นข้าจะฝึกพิณไปเพื่อเหตุใดกัน ? ”
“……”
เอาเถอะ ฟู่เสี่ยวกวนยังคงมิเข้าใจ
“ระวัง พวกมันตามมาแล้ว ! ”
“อืม พวกเราเห็นทีต้องจัดการให้เรียบร้อยที่นี่เสียแล้ว”
“อืม…พวกเราน่าจะรอดตายแล้วล่ะ”
ฟู่เสี่ยวกวนเงยหน้าขึ้นมอง ที่ถนนนั้นปรากฏคนหนึ่งขึ้น
เป็นสตรีในชุดสีขาว
นางถือเข็มปักผ้าอยู่ในมือยืนอยู่กลางถนน นางก้มหน้าก้มตาปักผ้า เมื่อเข้าใกล้ฟู่เสี่ยวกวนแล้วนางจึงได้เงยหน้าขึ้น ดวงตาเล็กเรียวนั้นมองไปยังพวกเขาแล้วยิ้มขึ้น
ฟู่เสี่ยวกวนเองก็ยิ้มออกมาเช่นกัน
ในที่สุดม้าศึกตัวนั้นก็หมดแรงลงแล้วล้มลงที่พื้น ซูซูคว้าฟู่เสี่ยวกวนไว้แล้ววิ่งตามหลังซูโหรวไป
“ศิษย์พี่สาม พวกเขาแย่งขนมของข้าไป พวกมันสมควรตาย ! ” ซูซูกัดฟันเอ่ยออกมา ซูโหรวพยักหน้ารับรู้
กลุ่มศัตรูใกล้เข้ามาทุกที ซูโหรวยกมือขึ้น
เข็มในมือนางลอยออกไป มีด้ายสีแดงผูกอยู่
“ท่านหัวหน้า ! ”
เมื่อสิ้นเสียงซูโหรว ซูซูก็หยิบดาบขึ้นมาเตรียมพร้อมต่อสู้ที่ข้างหน้าซูโหรว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)