นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 207

สรุปบท ตอนที่ 207 ชือไท่ไม่รักษาจารีต: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)

สรุปตอน ตอนที่ 207 ชือไท่ไม่รักษาจารีต – จากเรื่อง นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) โดย Internet

ตอน ตอนที่ 207 ชือไท่ไม่รักษาจารีต ของนิยายทะลุมิติเรื่องดัง นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ตอนที่ 207 ชือไท่ไม่รักษาจารีต

สีฉวินเหมยมองฟู่เสี่ยวกวนที่หันหลังเดินจากไป ลอบคิดว่าในที่สุดก็สามารถพิจารณาคดีอย่างสงบได้เสียที แต่แล้วเขาก็ต้องตกตะลึงอีกครา

ฝูงชนที่ออกันหน้าประตูศาลาว่าการก็ฮึกเหิมขึ้นมาอีกครา !

เสียงกู่ร้องที่ดังกึกก้องราวกับต้อนรับวีรบุรุษที่กลับมาพร้อมกับชัยชนะก็ไม่ปาน แม้แต่เสียงตบไม้ปลุกสติของเขาก็ถูกเสียงเฮลั่นสนั่นกลบ

แม้แต่เจ้าหน้าที่ในศาลที่ยืนอยู่สองฝากของศาลในยามนี้ต่างก็หันหน้ามองออกไปข้างนอกเช่นกัน ก็พบฟู่เสี่ยวกวนที่ยกสองมือขึ้นสูง เดินไปพร้อมกับตะโกนเสียงดังว่า “สวัสดีพ่อแม่พี่น้องทุกท่าน ! ”

“สวัสดีเสี่ยวกวน ! ”

“ลำบากพ่อแม่พี่น้องทุกท่านแล้ว ! ”

“เสี่ยวกวนก็ลำบากเช่นกัน ! ”

“ในที่สุดคนชั่วก็ถูกลงโทษ ! ”

“คนดีย่อมได้รับผลตอบแทนที่ดี ! ”

“…..”

เยี่ยงนี้แล้วจะทำเยี่ยงไรได้ ?

สีฉวินเหมยดำรงตำแหน่งเสนาบดีกรมราชทัณฑ์มา 5 ปีเต็ม พิจารณาคดีมานับครั้งมิถ้วน แต่กลับเพิ่งเคยเจอสถานการณ์เช่นนี้เป็นคราแรก

เขามิได้กรุ่นโกรธ ทั้งยังหัวเราะออกมา และส่ายหน้าเท่านั้น

หากมีคนผู้นี้อยู่ในเมืองหลวง เมืองหลวงจะต้องครึกครื้นมากยิ่งขึ้นเป็นแน่ หากคนผู้นี้ได้เข้าไปยังพระราชวังจินเตี้ยนหลังเปิดราชสำนักในวันพรุ่งนี้ เกรงว่าบนพระราชวังจินเตี้ยนคงจะน่าสนใจมากยิ่งขึ้น

เยี่ยงนี้ มันช่างยอดเยี่ยมเสียจริง !

ในที่สุดฟู่เสี่ยวกวนก็ได้เดินเข้าไปกลางฝูงชน ทันใดนั้นเขาก็ตะโกนขึ้นกลางวงล้อมว่า “หากฟ้ามิกำเนิดฟู่เสี่ยวกวนผู้นี้ โลกใบนี้คงเหมือนกับค่ำคืนที่ยาวนานไปชั่วนิรันดร์ ! ”

ดังนั้นผู้คนในกลุ่มก็ตะโกนตามขึ้นมาเช่นกัน “หากฟ้ามิกำเนิดฟู่เสี่ยวกวนผู้นี้…”

เสียงยังคงดังมิมีที่สิ้นสุดเสียงเหล่านี้ดังกึกก้องไปทั่วเมืองหลวง คาดมิถึงว่าคนเหล่านั้นจะเดินตามฟู่เสี่ยวกวนไปด้วย เดินไปพร้อมกับตะโกนว่า หากฟ้ามิกำเนิดฟู่เสี่ยวกวนผู้นี้…

นี่…ผู้คนในร้านรวงสองข้างทางต่างวิ่งออกมามองดู หน้าต่างบนชั้นสองที่เคยปิดอยู่ก็ได้เปิดออกและมีศีรษะยื่นออกมา หลังจากนั้นทุกคนต่างก็ตกตะลึง จนได้มีการถามไถ่ หลังจากที่ได้ทราบเรื่องราวตื้นลึกหนาบาง ทันใดนั้นเหล่าผู้คนในเมืองหลวงก็ดีใจกันถ้วนหน้า

สนามรบนองเลือดเมื่อวาน ฟู่เสี่ยวกวนได้กลายเป็นวีรบุรุษในดวงใจของพวกเขา คาดมิถึงว่าเมื่อวานฮุ่ยชินอ๋องจะกล้ากระทำเรื่องที่ทำให้ทุกคนไม่พอใจ โชคยังดีที่ฟู่เสี่ยวกวนมีโชคจึงยังมีชีวิตต่อไปได้

ภายในศาลาว่าการในวันนี้ฟู่เสี่ยวกวนได้ด่าทอฮุ่ยชินอ๋องจนกระอักออกมาเป็นเลือด นั่นทำให้ทุกคนต่างโล่งใจยิ่ง ฟู่เสี่ยวกวนเป็นตัวแทนของผู้คนนับร้อยนับพันในเมืองหลวง เสียงของเขาคือตัวแทนเสียงของประชาชนจำนวนมาก คำพูดที่เขาด่าทอฮุ่ยชินอ๋อง ก็คือคำที่ประชาชนเหล่านั้นอยากด่าแต่มิกล้าด่าออกมาโดยตรง

ในวันนี้ที่ฟู่เสี่ยวกวนได้ด่าออกมาจนเขากระอักเลือด พวกเขาต่างก็รู้สึกว่าเหมือนกับได้เป็นตัวของตนเอง แน่นอนว่าหากฟ้ามิกำเนิดฟู่เสี่ยวกวนผู้นี้ โลกใบนี้คงเหมือนกับค่ำคืนที่ยาวนานไปชั่วนิรันดร์อย่างแท้จริง !

เสียงฝูงคนจำนวนมากเดินตามฟู่เสี่ยวกวนผ่านถนนและตรอกซอย จนมาถึงตรอกซานเยวี่ย

ฟู่เสี่ยวกวนโบกมือ เสียงจากฝูงชนจึงค่อย ๆ เบาลง

เขาตะโกนออกไปว่า “ทุกท่าน ที่นี่คือจวนฮุ่ยชินอ๋อง ข้าขอสัญญากับทุกท่านภายใต้พระบัญชาของพระชนนี ข้าฟู่เสี่ยวกวน จะระเบิดจวนฮุ่ยชินอ๋องนี้ให้เป็นจุณ คนทำผิดย่อมหนีมิพ้นเงื้อมมือของกฎหมาย แม้ว่าคนผู้นั้นคือชินอ๋อง หากกระทำผิดกฎหมายก็ต้องได้รับโทษเช่นเดียวกับสามัญชน”

“ดังนั้น การปกครองที่ใสสะอาดคือการมีเทพเจ้าคอยสอดส่องดูแล เสี่ยวกวนหวังว่าราษฎรแห่งต้าหยูจะสามารถเป็นคนดี และเผชิญหน้ากับความชั่วได้ และยังสามารถสามัคคีปรับเตือนกันเพื่อรวมเป็นหนึ่งได้ ด้วยวิธีนี้ ต้าหยูจะเต็มไปด้วยความหวัง ด้วยวิธีนี้ ความชั่วร้ายต่าง ๆ จะหมดลง”

“บุคคลผู้ประเสริฐของราชวงศ์หยู เป็นนิรันดร์เหมือนท้องฟ้า ! ผู้แข็งแกร่งของราชวงศ์หยู ไร้เขตแดนเหมือนแว่นแคว้น ! เสี่ยวกวน…เป็นกำลังใจให้กับทุกท่าน ! ”

ราวกับเสียงหวีดหวิวของภูเขาและเสียงคำรามของมหาสมุทรดังก้องอยู่ในตรอกซานเยวี่ย แม้แต่หิมะที่อยู่บนต้นหลิวก็สั่นสะเทือนจนตกลงมาเช่นกัน คนภายในจวนฮุ่ยชินอ๋องกลับสั่นสะท้านท่ามกลางเสียงที่ดังสนั่น

…..

“ท้ายที่สุดแล้วเขาต้องการทำอะไรกันแน่ ? ”

เป็นเยี่ยนซือเต้าที่เอ่ยถาม แต่ในความเป็นจริงในยามนี้ก็มีคนอีกมากมายที่สงสัยเช่นเดียวกัน

อย่างเช่นชือเฉาหยวนตระกูลชือ เฟ่ยปังและเฟ่ยอู่ของตระกูลเฟ่ย ฉินฮุ่ยจือตระกูลฉิน เซวี๋ยเจ๋อจากตระกูลเซวี๋ย แน่นอนว่ายังมีองค์ชายห้าหยูเวิ่นเต้า และรวมไปถึงองค์ชายใหญ่หยูเวิ่นเทียนและองค์ชายสี่หยูเวิ่นชูและคนอื่น ๆ

เยี่ยนเป่ยซีตอบกับเยี่ยนซือเต้าว่า “ใช้โอกาสจากสถานการณ์ ! ”

“การลงมือในครานี้มีความหมายว่าเยี่ยงไร ? ”

“เผยแพร่พระนามของพระชนนี…. คนผู้นี้จงใจสร้างชื่อเสียง โดยเฉพาะของพระชนนี คนผู้นี้สามารถรุกฆาตหมากกระดานนี้ได้แล้ว ต่อให้ฮุ่ยชินอ๋องมิตาย ก็ต้องถูกถลกหนังออกมา ! ”

มีอีกหลายคำตอบที่คล้ายคลึงกัน มีเพียงองค์ชายสี่หยูเวิ่นชูเพียงผู้เดียวที่ยิ้มบาง ๆ “หากฟ้ามิกำเนิดฟู่เสี่ยวกวนผู้นี้ โลกใบนี้คงเหมือนกับค่ำคืนที่ยาวนานไปชั่วนิรันดร์ คนผู้นี้ยิ่งอยู่ยิ่งน่าสนใจ ข้าอยากจะพบเขาสักครา”

ด้านหลังองค์ชายสี่มีสตรีสวมชุดขาวและหน้ากากยืนอยู่ น้ำเสียงของนางเย็นชาราวกับน้ำแข็ง “พระองค์เตรียมพร้อมจะพบเขาเมื่อไหร่เพคะ ? ”

“หลังจากวันที่สองเดือนสองเถิด… หากเขายังมิตาย เยี่ยงนั้นก็จะได้พบกัน”

ฟู่เสี่ยวกวนชักชวนให้ทุกคนแยกย้าย และพาซูซูกับเยี่ยนเสี่ยวโหลวลุยหิมะออกไป

เขาเองก็ได้แนะนำเยี่ยนเสี่ยวโหลวไปแล้ว แต่แม่นางทำราวกับไม่ได้ยินคำแนะนำนั้น ในเมื่อไม่สามารถไล่ให้ไปได้ ก็ทำได้เพียงพาไปด้วยเท่านั้น

เขาต้องการไปอารามซุ่ยเยว่ !

ต้องการจะไปตั้งแต่เมื่อวาน แต่ไม่คิดว่าจะล่าช้าไปเพราะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น

เมื่อวานหอซี่หยู่ได้ส่งข่าวมาว่า มีผู้ชายคนหนึ่งได้เข้าไปในอารามซุ่ยเยว่และมิออกมา จนถึงในตอนนี้ก็ยังมิมีข่าวคราวอันใดจากหอซี่หยู่ เยี่ยงนั้นก็หมายความว่ายังมิออกมา…นั่นทำให้ฟู่เสี่ยวกวนอดที่จะคิดมากไม่ได้ แต่ชือไท่ผู้นั้นก็อายุมากแล้ว ดูแล้วมิน่ามีทางเป็นไปได้

เยี่ยงนั้นพวกเขาทำอะไรอยู่กันแน่ ?

“เป็นอาตมาเอง”

“กลิ่นธูปในอารามดูแล้วมิมีชีวิตชีวาเลยขอรับ”

“มิเป็นไร คนทั่วไปตาไร้แวว มิรู้ถึงพลังขององค์เทพหนี่วา ภายภาคหน้า…พระแม่สำแดงเดชเมื่อใด ธูปจะงอกงามขึ้นมาเอง”

ฟู่เสี่ยวกวนพยักหน้าอย่างครุ่นคิด ทันใดนั้นก็เอ่ยถามขึ้นมา “ท่านยังมิยอมแพ้หรือขอรับ ?”

เป็นคำถามที่แปลกประหลาด แต่แม่ชีกลับตกใจ ลูกประคำในมือเริ่มหมุน “อาตมามิทราบว่าคุณชายกำลังหมายถึงสิ่งใด”

“โอ้ มิมีความหมายอันใด เพียงแค่ไถ่ถามเท่านั้น”

เขาเดินไปข้างหน้า เมื่อมาถึงด้านหน้าประตูทางด้านข้าง เอื้อมศีรษะมองเข้าไปทางด้านใน ภายในนั้นมิมีแสงไฟ มืดสนิท ดูแล้วหน้าต่างก็คงจะถูกปิดเช่นกัน

“ซือไท่ขอรับ คือว่าข้าพเจ้า อ่าไม่ แมวของข้าหายไปหนึ่งตัว คนด้านล่างกล่าวว่าแมวตัวนั้นได้เข้ามาในอารามซุ่ยเยว่ ดังนั้นข้าจึงมาที่นี่เพื่อมาหาแมวของข้า เป็นแมวสีดำ ไม่ทราบว่าซือไท่เห็นบ้างหรือไม่ ? ”

ปู้เนี่ยนซือไท่คิ้วขมวดขึ้นมาเล็กน้อย “อาตมามิเคยเห็นแมวของคุณชายมาก่อน”

“โอ้…แมวของข้ามีมูลค่าหลายพันตำลึง ติดตามข้ามานานหลายปี มิสามารถปล่อยมันหายได้ ดังนั้นซือไท่ขอรับ ข้าขอหาโดยรอบนี้ได้หรือไม่ ?”

ซูซูที่เลียขนมน้ำตาลจ้องมองแผ่นหลังของฟู่เสี่ยวกวน คนผู้นี้ต้องการทำอันใดกันแน่ ? เขามีแมวผีแบบนั้นที่ไหนกัน ?

เยี่ยนเสี่ยวโหลวเองก็มิทราบอันใดทั้งสิ้น หรือว่าฟู่เสี่ยวกวนจะมีข้อสงสัยกับสถานที่แห่งนี้กัน ?

เขาย่อมมิทำอะไรอย่างไร้เป้าหมาย ในความคิดของเยี่ยนเสี่ยวโหลว เรื่องราวที่ฟู่เสี่ยวกวนเล่ามานั้นย่อมมีความนัย แต่มิใช่สิ่งที่คนหนุ่มสาวในเมืองหลวงจะสามารถเทียบได้

แต่จิตใจของปู้เนี่ยนซือไท่กลับตื่นตระหนก เพราะที่แห่งนี้เป็นสถานที่เปิด นางทำได้เพียงตกปากรับคำ หากเขาพบเจอสถานที่ลับนั้นเข้าจริง ๆ เยี่ยงนั้นคงจะแย่อย่างมาก

นางคาดมิถึงว่าฟู่เสี่ยวกวนจะมายังที่นี่ และในตอนนี้ควรทำเช่นไรดี ?

“ซือไท่ขอรับ ท่านลองเดาได้ไหมขอรับว่าแมวตัวนั้นของข้าไปหลบซ่อนอยู่ที่ใด ?”

ลูกประคำที่อยู่ในมือของปู้เนี่ยนซือไท่หมุนเร็วขึ้น สายตาของฟู่เสี่ยวกวนจ้องมองที่ลูกประคำวงนั้น เขารู้แล้วว่าเขานั้นได้มาถูกที่ ที่นี่ ย่อมมีความลับอยู่ !

“เยี่ยงนั้น เชิญคุณชายทำตามสบายเลย” ปู้เนี่ยนซือไท่คิดว่าสถานที่แห่งนี้มีความลับซ่อนอยู่ และก็คิดว่าเขามิมีทางรู้เป็นแน่

“ขอบพระคุณซือไท่ ! ”

ฟู่เสี่ยวกวนและซูซูเดินเข้าไปในห้องด้านข้าง เยี่ยนเสี่ยวโหลวครุ่นคิด หยิบตะเกียงน้ำมันมาหนึ่งเตาและเดินตามเข้าไป ปู้เนี่ยนชือไท่คุกเข่าลงเบื้องหน้ารูปปั้นพระแม่หนี่วา ท่องพระคัมภีร์อยู่ในใจเงียบ ๆ แต่กลับหวังให้ฟู่เสี่ยวกวนรีบออกมาโดยเร็ว

เพียงไม่นาน ฟู่เสี่ยวกวนก็เดินออกมาจากห้องด้านข้าง ในมือถึงไม้หนึ่งด้าม บนไม้ด้านนั้นมีกางเกงที่สวยงามตัวหนึ่งแขวนอยู่

“ซือไท่เอ๋ย ท่านดูจะมิรักษาจารีตเอาเสียเลย ! ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)