ตอนที่ 207 ชือไท่ไม่รักษาจารีต
สีฉวินเหมยมองฟู่เสี่ยวกวนที่หันหลังเดินจากไป ลอบคิดว่าในที่สุดก็สามารถพิจารณาคดีอย่างสงบได้เสียที แต่แล้วเขาก็ต้องตกตะลึงอีกครา
ฝูงชนที่ออกันหน้าประตูศาลาว่าการก็ฮึกเหิมขึ้นมาอีกครา !
เสียงกู่ร้องที่ดังกึกก้องราวกับต้อนรับวีรบุรุษที่กลับมาพร้อมกับชัยชนะก็ไม่ปาน แม้แต่เสียงตบไม้ปลุกสติของเขาก็ถูกเสียงเฮลั่นสนั่นกลบ
แม้แต่เจ้าหน้าที่ในศาลที่ยืนอยู่สองฝากของศาลในยามนี้ต่างก็หันหน้ามองออกไปข้างนอกเช่นกัน ก็พบฟู่เสี่ยวกวนที่ยกสองมือขึ้นสูง เดินไปพร้อมกับตะโกนเสียงดังว่า “สวัสดีพ่อแม่พี่น้องทุกท่าน ! ”
“สวัสดีเสี่ยวกวน ! ”
“ลำบากพ่อแม่พี่น้องทุกท่านแล้ว ! ”
“เสี่ยวกวนก็ลำบากเช่นกัน ! ”
“ในที่สุดคนชั่วก็ถูกลงโทษ ! ”
“คนดีย่อมได้รับผลตอบแทนที่ดี ! ”
“…..”
เยี่ยงนี้แล้วจะทำเยี่ยงไรได้ ?
สีฉวินเหมยดำรงตำแหน่งเสนาบดีกรมราชทัณฑ์มา 5 ปีเต็ม พิจารณาคดีมานับครั้งมิถ้วน แต่กลับเพิ่งเคยเจอสถานการณ์เช่นนี้เป็นคราแรก
เขามิได้กรุ่นโกรธ ทั้งยังหัวเราะออกมา และส่ายหน้าเท่านั้น
หากมีคนผู้นี้อยู่ในเมืองหลวง เมืองหลวงจะต้องครึกครื้นมากยิ่งขึ้นเป็นแน่ หากคนผู้นี้ได้เข้าไปยังพระราชวังจินเตี้ยนหลังเปิดราชสำนักในวันพรุ่งนี้ เกรงว่าบนพระราชวังจินเตี้ยนคงจะน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
เยี่ยงนี้ มันช่างยอดเยี่ยมเสียจริง !
ในที่สุดฟู่เสี่ยวกวนก็ได้เดินเข้าไปกลางฝูงชน ทันใดนั้นเขาก็ตะโกนขึ้นกลางวงล้อมว่า “หากฟ้ามิกำเนิดฟู่เสี่ยวกวนผู้นี้ โลกใบนี้คงเหมือนกับค่ำคืนที่ยาวนานไปชั่วนิรันดร์ ! ”
ดังนั้นผู้คนในกลุ่มก็ตะโกนตามขึ้นมาเช่นกัน “หากฟ้ามิกำเนิดฟู่เสี่ยวกวนผู้นี้…”
เสียงยังคงดังมิมีที่สิ้นสุดเสียงเหล่านี้ดังกึกก้องไปทั่วเมืองหลวง คาดมิถึงว่าคนเหล่านั้นจะเดินตามฟู่เสี่ยวกวนไปด้วย เดินไปพร้อมกับตะโกนว่า หากฟ้ามิกำเนิดฟู่เสี่ยวกวนผู้นี้…
นี่…ผู้คนในร้านรวงสองข้างทางต่างวิ่งออกมามองดู หน้าต่างบนชั้นสองที่เคยปิดอยู่ก็ได้เปิดออกและมีศีรษะยื่นออกมา หลังจากนั้นทุกคนต่างก็ตกตะลึง จนได้มีการถามไถ่ หลังจากที่ได้ทราบเรื่องราวตื้นลึกหนาบาง ทันใดนั้นเหล่าผู้คนในเมืองหลวงก็ดีใจกันถ้วนหน้า
สนามรบนองเลือดเมื่อวาน ฟู่เสี่ยวกวนได้กลายเป็นวีรบุรุษในดวงใจของพวกเขา คาดมิถึงว่าเมื่อวานฮุ่ยชินอ๋องจะกล้ากระทำเรื่องที่ทำให้ทุกคนไม่พอใจ โชคยังดีที่ฟู่เสี่ยวกวนมีโชคจึงยังมีชีวิตต่อไปได้
ภายในศาลาว่าการในวันนี้ฟู่เสี่ยวกวนได้ด่าทอฮุ่ยชินอ๋องจนกระอักออกมาเป็นเลือด นั่นทำให้ทุกคนต่างโล่งใจยิ่ง ฟู่เสี่ยวกวนเป็นตัวแทนของผู้คนนับร้อยนับพันในเมืองหลวง เสียงของเขาคือตัวแทนเสียงของประชาชนจำนวนมาก คำพูดที่เขาด่าทอฮุ่ยชินอ๋อง ก็คือคำที่ประชาชนเหล่านั้นอยากด่าแต่มิกล้าด่าออกมาโดยตรง
ในวันนี้ที่ฟู่เสี่ยวกวนได้ด่าออกมาจนเขากระอักเลือด พวกเขาต่างก็รู้สึกว่าเหมือนกับได้เป็นตัวของตนเอง แน่นอนว่าหากฟ้ามิกำเนิดฟู่เสี่ยวกวนผู้นี้ โลกใบนี้คงเหมือนกับค่ำคืนที่ยาวนานไปชั่วนิรันดร์อย่างแท้จริง !
เสียงฝูงคนจำนวนมากเดินตามฟู่เสี่ยวกวนผ่านถนนและตรอกซอย จนมาถึงตรอกซานเยวี่ย
ฟู่เสี่ยวกวนโบกมือ เสียงจากฝูงชนจึงค่อย ๆ เบาลง
เขาตะโกนออกไปว่า “ทุกท่าน ที่นี่คือจวนฮุ่ยชินอ๋อง ข้าขอสัญญากับทุกท่านภายใต้พระบัญชาของพระชนนี ข้าฟู่เสี่ยวกวน จะระเบิดจวนฮุ่ยชินอ๋องนี้ให้เป็นจุณ คนทำผิดย่อมหนีมิพ้นเงื้อมมือของกฎหมาย แม้ว่าคนผู้นั้นคือชินอ๋อง หากกระทำผิดกฎหมายก็ต้องได้รับโทษเช่นเดียวกับสามัญชน”
“ดังนั้น การปกครองที่ใสสะอาดคือการมีเทพเจ้าคอยสอดส่องดูแล เสี่ยวกวนหวังว่าราษฎรแห่งต้าหยูจะสามารถเป็นคนดี และเผชิญหน้ากับความชั่วได้ และยังสามารถสามัคคีปรับเตือนกันเพื่อรวมเป็นหนึ่งได้ ด้วยวิธีนี้ ต้าหยูจะเต็มไปด้วยความหวัง ด้วยวิธีนี้ ความชั่วร้ายต่าง ๆ จะหมดลง”
“บุคคลผู้ประเสริฐของราชวงศ์หยู เป็นนิรันดร์เหมือนท้องฟ้า ! ผู้แข็งแกร่งของราชวงศ์หยู ไร้เขตแดนเหมือนแว่นแคว้น ! เสี่ยวกวน…เป็นกำลังใจให้กับทุกท่าน ! ”
ราวกับเสียงหวีดหวิวของภูเขาและเสียงคำรามของมหาสมุทรดังก้องอยู่ในตรอกซานเยวี่ย แม้แต่หิมะที่อยู่บนต้นหลิวก็สั่นสะเทือนจนตกลงมาเช่นกัน คนภายในจวนฮุ่ยชินอ๋องกลับสั่นสะท้านท่ามกลางเสียงที่ดังสนั่น
…..
“ท้ายที่สุดแล้วเขาต้องการทำอะไรกันแน่ ? ”
เป็นเยี่ยนซือเต้าที่เอ่ยถาม แต่ในความเป็นจริงในยามนี้ก็มีคนอีกมากมายที่สงสัยเช่นเดียวกัน
อย่างเช่นชือเฉาหยวนตระกูลชือ เฟ่ยปังและเฟ่ยอู่ของตระกูลเฟ่ย ฉินฮุ่ยจือตระกูลฉิน เซวี๋ยเจ๋อจากตระกูลเซวี๋ย แน่นอนว่ายังมีองค์ชายห้าหยูเวิ่นเต้า และรวมไปถึงองค์ชายใหญ่หยูเวิ่นเทียนและองค์ชายสี่หยูเวิ่นชูและคนอื่น ๆ
เยี่ยนเป่ยซีตอบกับเยี่ยนซือเต้าว่า “ใช้โอกาสจากสถานการณ์ ! ”
“การลงมือในครานี้มีความหมายว่าเยี่ยงไร ? ”
“เผยแพร่พระนามของพระชนนี…. คนผู้นี้จงใจสร้างชื่อเสียง โดยเฉพาะของพระชนนี คนผู้นี้สามารถรุกฆาตหมากกระดานนี้ได้แล้ว ต่อให้ฮุ่ยชินอ๋องมิตาย ก็ต้องถูกถลกหนังออกมา ! ”
มีอีกหลายคำตอบที่คล้ายคลึงกัน มีเพียงองค์ชายสี่หยูเวิ่นชูเพียงผู้เดียวที่ยิ้มบาง ๆ “หากฟ้ามิกำเนิดฟู่เสี่ยวกวนผู้นี้ โลกใบนี้คงเหมือนกับค่ำคืนที่ยาวนานไปชั่วนิรันดร์ คนผู้นี้ยิ่งอยู่ยิ่งน่าสนใจ ข้าอยากจะพบเขาสักครา”
ด้านหลังองค์ชายสี่มีสตรีสวมชุดขาวและหน้ากากยืนอยู่ น้ำเสียงของนางเย็นชาราวกับน้ำแข็ง “พระองค์เตรียมพร้อมจะพบเขาเมื่อไหร่เพคะ ? ”
“หลังจากวันที่สองเดือนสองเถิด… หากเขายังมิตาย เยี่ยงนั้นก็จะได้พบกัน”
ฟู่เสี่ยวกวนชักชวนให้ทุกคนแยกย้าย และพาซูซูกับเยี่ยนเสี่ยวโหลวลุยหิมะออกไป
เขาเองก็ได้แนะนำเยี่ยนเสี่ยวโหลวไปแล้ว แต่แม่นางทำราวกับไม่ได้ยินคำแนะนำนั้น ในเมื่อไม่สามารถไล่ให้ไปได้ ก็ทำได้เพียงพาไปด้วยเท่านั้น
เขาต้องการไปอารามซุ่ยเยว่ !
ต้องการจะไปตั้งแต่เมื่อวาน แต่ไม่คิดว่าจะล่าช้าไปเพราะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น
เมื่อวานหอซี่หยู่ได้ส่งข่าวมาว่า มีผู้ชายคนหนึ่งได้เข้าไปในอารามซุ่ยเยว่และมิออกมา จนถึงในตอนนี้ก็ยังมิมีข่าวคราวอันใดจากหอซี่หยู่ เยี่ยงนั้นก็หมายความว่ายังมิออกมา…นั่นทำให้ฟู่เสี่ยวกวนอดที่จะคิดมากไม่ได้ แต่ชือไท่ผู้นั้นก็อายุมากแล้ว ดูแล้วมิน่ามีทางเป็นไปได้
เยี่ยงนั้นพวกเขาทำอะไรอยู่กันแน่ ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)