ตอนที่ 233 กระตุ้นเมืองหลวงอีกครา
รัชสมัยเซวียนลี่ปีที่ 9 เดือนหนึ่งวันที่สิบห้า ภายในค่ำคืนนี้เกิดเรื่องราวขึ้นมาอย่างมากมาย
ใบประกาศนั้นได้ปลิวว่อนไปทั่วทั้งเมืองหลวง และในตอนนี้เรื่องราวนายพลสูงสุดของกองทัพชายแดนตะวันออกอย่างเฟ่ยอันต่างก็เป็นที่รับรู้กันถ้วนหน้า
ค่ำคืนนั้นมวลชนต่างก็หลั่งไหลมาล้อมรอบจวนผู้ว่าเขตจินหลิง เพื่อแสวงหาความเป็นธรรมและยุติธรรมต่อเรื่องนี้
เฟ่ยอันก็ได้ถูกมือปราบของจวนผู้ว่าเขตจินหลิงจับกุมในคืนนั้นเช่นกัน และต้องรอการไต่สวนต่อไป
เกิดไฟไหม้ขึ้นในเมืองจินหลิงมากกว่าสิบจุด ผู้ตายก็มากเช่นกัน ในนั้นมีทั้งราษฎรของเมืองหลวง และโจรป่า กล่าวได้ว่าในคืนนั้นหอชิงเฟิงซี่หยู่ได้สูญเสียไพร่พลไปมากเช่นกัน
ในคืนนั้นประตูใหญ่ของวังหลวงเมืองจินหลิงได้ถูกปิดลง จากสายตาของราษฎรในเมืองหลวง คาดว่าคงกังวลว่าฝูงชนจะปรี่เข้าไปในวังหลวงด้วยความโกรธแค้นจนก่อให้เกิดเรื่องราวใหญ่โตขึ้น
ครึ่งค่อนคืนให้หลัง ในตอนที่เฟ่ยอันถูกพามายังจวนผู้ว่าเขตจินหลิง หลังจากที่ฝูงชนได้ปาขยะและรองเท้าประดังเข้ามา เหมือนว่าความกรุ่นโกรธในใจจะได้ถูกระบายออกไปเสียบ้างแล้ว ดังนั้นจึงได้แยกย้ายกันกลับไป ทะเลสาบเว่ยยางเพิ่งจะถูกยกเลิกคำสั่ง ดังนั้นทุกคนจึงได้ทราบว่าฟู่เสี่ยวกวนได้ประพันธ์บทกวีที่โดดเด่นขึ้นในงานกวีเทศกาลโคมไฟอีกครา
ราวกับบทกวี ‘ชิงหยู่หว่าน ค่ำคืนแห่งหยวนเซียว’ ได้ถูกลมใบไม้ผลิพัดพาไปทั่วทุกมุมของเมืองจินหลิง ทุกคนต่างประหลาดใจและยกย่องบทกวีของฟู่เสี่ยวกวน พวกเขาต่างก็รู้สึกว่าฟู่เสี่ยวกวนนั้นเป็นเทพเหวินฉวี่ซิงที่กลับชาติมาเกิดอย่างแท้จริง
เหล่าคุณหนูตระกูลใหญ่ที่ยังมิได้ออกเรือน ต่างกอบกุมบทกวีนั้นไว้ และรู้สึกราวกับว่านอนไม่หลับอีกครั้ง ความรู้สึกนี้ไม่ได้เกิดขึ้นมาพักใหญ่แล้ว
ต่อจากลมใบไม้ผลิก็คือคำชื่นชมของห้านักปราชญ์แห่งราชวงศ์หยู จึงได้ถูกสลักไว้เป็นลำดับที่หนึ่งบนหินเชียนเปยสือของเทศกาลโคมไฟอย่างมิต้องสงสัย และได้ล้ม ‘โต๊ะหยก งานโคมไฟ’ ที่อยู่มานานนับสิบปีของเหวินสิงโจวลงไปอย่างราบคาบ
แน่นอนว่านี่คือเรื่องที่สมควรได้รับการยกย่องจากผู้คนในเมืองหลวง ดังนั้นหงซิ่วจาวที่มีแผนเดิมว่าจะปิดร้านก็ได้แขวนโคมแดงขึ้นอีกครา ผู้เรียบเรียงทำนองก็คืออาจารย์หูฉินหู แต่ครานี้ผู้ขับร้องกลับเป็นหลิ่วเยียนเอ๋อร์
ยังมีอีกหนึ่งเรื่องที่ตามเรื่องมากับข่าวคราวนี้ด้วย
บทความ ‘เยาวชนราชวงศ์หยูกล่าว’ ที่ฟู่เสี่ยวกวนเป็นผู้ประพันธ์ ก็ได้รับการยกย่องจากเหล่านักปราชญ์ในค่ำคืนนั้นเช่นกัน จึงได้ขึ้นเป็นอันดับที่หนึ่งในร้อยแก้วของหินเชียนเปยสือเช่นกัน
เมืองหลวงก็ได้พลุ่งพล่านขึ้นมาทันใด !
“ลำดับที่หนึ่งถึง 3 ครั้ง ลำดับที่หนึ่งถึง 3 ครั้งเลยมิใช่รึ ! ”
“มิมีใครทำได้มาก่อน ต่อจากนี้ก็คงจะมิมีเช่นกัน ! ”
“พวกเจ้าลองอ่านบทความนี้โดยละเอียด ช่างไพเราะเสนาะหู และสนุกสนานเป็นอย่างมาก ! ”
“ดังนั้นหากฟ้ามิให้กำเนิดฟู่เสี่ยวกวน คงเงียบเหงาเหมือนกับค่ำคืนที่ยาวนานไปชั่วนิรันดร์อย่างแท้จริง ! ”
“…..”
ไม่ว่าจะเป็นเรือบนแม่น้ำฉินหวาย หรือหอนางโลมในเมืองจินหลิง การค้าขายในคืนนี้ก็ครึกครื้นมากยิ่งนัก
แต่ฟู่เสี่ยวกวนกลับมิทราบเรื่องแต่อย่างใด
หลังจากที่ถอนคำสั่งทะเลสาบเว่ยยาง พวกเขาก็ขึ้นเรืออูเผิง และเดินทางมาจนถึงท่าเทียบเรือ
ฟู่เสี่ยวกวนบอกลาฉินเหวินเจ๋อและคนอื่น ๆ พร้อมกับไหว้วานให้ชางกวนเหมี่ยวนำมือสังหารที่ไร้วรยุทธ์ทั้งเจ็ดไปส่งที่จวนผู้ว่าเขตจินหลิง เขากับต่งชูหลาน ซูโหรวและซูซูไปส่งเยี่ยนเสี่ยวโหลวจนถึงจวนด้วยกัน
ซูซูและซูโหรวขึ้นรถม้าคันเดียวกัน ส่วนฟู่เสี่ยวกวนกับต่งชูหลานและเยี่ยนเสี่ยวโหลวไปด้วยกัน
ต่งชูหลานประคองเยี่ยนเสี่ยวโหลว และเอ่ยเสียงแผ่ว “บาดแผลของเจ้าใหญ่ไม่น้อย พรุ่งนี้ข้าจะขอให้เวิ่นหวินนำหมอหลวงไปหาที่จวนเยี่ยน แต่ก็ต้องดูแลสุขภาพและพักฟื้นให้ดี อย่าให้เหลือต้นตอของอาการเรื้อรัง อย่างไรเสีย…”
ต่งชูหลานก็กลอกตามองบนใส่ฟู่เสี่ยวกวน เบะปากและกล่าวออกมาว่า “อย่างไรเสียคนผู้นี้ก็มีพลังมาก ทั้งยังพลิกแพลงได้ หากเจ้าได้แต่งเข้าจวนฟู่จริง ๆ เจ้าก็ควรจะมีสุขภาพร่างกายที่ดี”
คำพูดนี้ค่อนข้างคลุมเครือ เยี่ยนเสี่ยวโหลวที่ได้ยินเยี่ยงนั้นก็หน้าแดงขึ้นมาทันพลัน ในใจครุ่นคิดว่าชูหลานก็ไร้ซึ่งความวิตกใด ๆ ยังมิทันได้ตบแต่งก็กล้าที่จะพูดคำเหล่านี้ออกมาแล้ว
เพียงแต่…เขาพลิกแพลงเยี่ยงไรกัน ?
ในหัวของเยี่ยนเสี่ยวโหลวเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา ทันใดนั้นก็ก้มหน้าหลบ และไม่กล้าสบตาคนทั้งสองอีก
“เจ้าอย่าได้คิดไปเรื่อย ความหมายของข้าคือเขามีเรื่องอีกมาก เรื่องที่เราต้องกังวลใจก็มีไม่น้อย แต่ก็มิสามารถไปรั้งขาของเขาเอาไว้ได้”
เยี่ยนเสี่ยวโหลวรู้สึกขัดเขินเล็กน้อย แม้ความจริงแล้วเป็นตนเองที่คิดเลยเถิด ดูเหมือนว่าหลังจากที่กลับไปแล้วจะต้องอ่านตำราอบรมสตรีอีกสักครา
“อือ… !” เสียงของนางแผ่วเบาราวกับแมลง และได้เอ่ยถามขึ้นมาอีกว่า “กล่าวได้ว่า พี่สาวไร้ข้อขัดแย้งเยี่ยงนั้นหรือเจ้าคะ ? ”
ต่งชูหลานจ้องมองฟู่เสี่ยวกวนอีกครา ลอบถอนหายใจ บุรุษที่ดีเยี่ยงนี้สตรีใดจะไม่หลงกัน กล่าวไปแล้วเยี่ยนเสี่ยวโหลวก็มิเลว หากฟู่เสี่ยวกวนได้รับการหนุนหลังจากตระกูลเยี่ยน เส้นทางในภายภาคหน้าของเขาก็ย่อมดีขึ้น
“ขอกล่าวกับเจ้าอย่างไม่ปิดบัง ข้าย่อมมิสมัครใจที่จะให้มีคนเข้ามาแบ่งปันกับข้าเพิ่มขึ้นอีกหนึ่ง แต่ในวันนี้เจ้าได้ช่วยชีวิตเขาไว้ บางทีนี่อาจจะเป็นโชคชะตา ข้านั้นมิมีปัญหาอันใด รอจนเจ้าหายดีแล้วข้าจะนัดให้เวิ่นหวินออกมา พวกเราทั้งสามมาดื่มชาด้วยกัน สบายใจได้ ข้าจะช่วยเจ้า เวิ่นหวินก็คงจะใจอ่อนเช่นกัน หากรู้ว่าเจ้าได้ช่วยเขาเอาไว้ คิดว่านางคงมิมีข้อขัดแย้งอันใด สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเจ้าตอนนี้คือพักฟื้นให้หายดีเสียก่อน หนทางในอนาคตยังอีกยาวไกล พวกเราต้องร่วมเดินทางไปด้วยกัน”
“เสี่ยวโหลวขอบคุณพี่สาวเจ้าค่ะ ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนรู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อย นี่คือเรื่องของข้า คาดไม่ถึงว่าจะมิมีผู้ใดถามตนสักคำ !
เขาถูกเมินเฉยไปทั้งอย่างนั้น และหญิงสาวทั้งสองคนก็ตัดสินเรื่องใหญ่ด้วยกันเพียงลำพังไปทั้งอย่างนั้นเช่นกัน
เขาย่อมไม่ปฏิเสธเยี่ยนเสี่ยวโหลว ในฐานะผู้ชายคนหนึ่งแล้ว หลังจากที่ได้ผ่านประสบการณ์อย่างมากมายมากับสาวงามแล้วหากเขายังมิรู้สึก นั่นก็ราวกับว่าเป็นการเสแสร้งมิใช่รึ มิเหมือนกับสัตว์ร้ายพรรค์นั้น !
เมื่อนำเยี่ยนเสี่ยวโหลวมาส่งจวนเยี่ยน ฟู่เสี่ยวกวนก็มิทราบว่าเหตุใดจนถึงป่านนี้เยี่ยนเป่ยซีและเยี่ยนซือเต้าจึงยังไม่กลับจวน พวกเขาออกจากจวนเยี่ยน และมิได้ตรงกลับไปยังจวนฟู่ แต่กลับไปยังจวนผู้ว่าเขตจินหลิง
ผู้คนที่ล้อมรอบด้านนอกของจวนผู้ว่าเขตจินหลิงได้แยกย้ายออกไปนานแล้ว ด้านนอกในตอนนี้เหลือเพียงแต่ความยุ่งเหยิง
ประตูจวนผู้ว่ายังมิปิด ไฟด้านในก็ยังคงสว่างโร่อยู่ ผู้เฝ้าประตูทางด้านหน้าในมือถือคบเพลิงและยังคงยืนเฝ้าระวังอยู่
ฟู่เสี่ยวกวนและพรรคพวกลงจากรถม้า มองไปยังพื้นที่แดงฉาน คาดว่าเรื่องที่ตนสร้างขึ้นมานั้นได้สร้างความลำบากให้กับหนิงหยู่ชุนไม่น้อยเลยทีเดียว เขาจึงอดที่จะหัวเราะไม่ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)