ตอนที่ 234 ไทเฮาสวรรคต
รัชสมัยเซวียนลี่ปีที่ 9 เดือนหนึ่ง วันที่สิบหก
ท้องฟ้ามืดครึ้ม เมฆน้อยลอยต่ำ
ในเช้าตรู่ของวันนี้ ฟู่เสี่ยวกวนมิได้ตื่นขึ้นมาออกกำลังกายแต่เช้าตามเคย เขานอนพักผ่อนอย่างเต็มที่
เมื่อคืนแม้จะมิได้เมามาก แต่หลังจากส่งต่งชูหลานเรียบร้อยแล้วเดินทางกลับมายังจวนก็ถึงเวลาไก่โห่พอดี
เขาอาบน้ำชำระร่างกายจากนั้นก็ได้ดื่มโจ๊กเม็ดบัวกับพุทราแดงแล้วก็นั่งครุ่นคิดอยู่สักพัก บิดาของเขาคาดว่าคงจะเดินทางมาถึงจินหลิงในวันนี้ แล้วก็นึกถึงผู้บุกรุกในคืนนั้นที่ถูกกังขังไว้ในศาลจินหลิง อีกทั้งนึกถึงเยี่ยนเสี่ยวโหลวที่บาดเจ็บเนื่องจากปกป้องเขา เขาก็ควรจะเดินทางไปเยี่ยมนาง
อยากจะมีวิชาแยกร่างเสียจริง !
เขาควรต้องไปรับบิดาก่อน เนื่องจากเรื่องสู่ขอเป็นเรื่องใหญ่
เมื่อตัดสินใจได้จึงเตรียมตัวเดินทางออกไป แต่กลับชนเข้ากับหยูเวิ่นเต้าเสียเยี่ยงนั้น
หยูเวิ่นเต้าวิ่งมาอย่างรีบร้อยพร้อมกับกลิ่นคาวเลือด ฟู่เสี่ยวกวนมองไปยังเขา เสื้อผ้าสีขาวถูกเลือดประดับคล้ายดอกเหมยที่เบ่งบานหลายดอก
“ท่านเป็นอะไรไป ?”
“อย่าเพิ่งเอ่ยถามข้า ประเดี๋ยวข้าจะเล่าให้ฟัง ให้ข้ายืมชุดเจ้าก่อน ข้าจะอาบน้ำที่นี่”
“เอ่อ มิใช่เยี่ยงนั้น กระหม่อมจะออกไปข้างนอก”
หยูเวิ่นเต้าจ้องมาที่ฟู่เสี่ยวกวนด้วยแววตาเยือกเย็น “จะไปไหนกัน เร็วเข้า รีบเดินทางเข้าวังพร้อมข้า เกิดเรื่องใหญ่แล้ว ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนมิรู้จะทำเยี่ยงไร เขาหันหลังกลับเดินเข้าไปพร้อมหยูเวิ่นเต้า จากนั้นจัดแจงให้เขาอาบน้ำชำระร่างกาย แล้วเรียกชุนซิ่วเข้ามา
“ซิ่วเอ๋อร์ วันนี้ข้ามีธุระเร่งด่วน แต่ทว่าท่านพ่อจะเดินทางมาถึงในวันนี้ เจ้าจงนำผู้ดูแลสักสิบคนเดินทางออกไปรอท่านพ่อที่ท่าเรือ แล้วนำทางพวกเขากลับมายังจวน”
“เจ้าค่ะ ข้าน้อยจะไปจัดการให้เดี๋ยวนี้”
“อ้อ…ประเดี๋ยวก่อน” ฟู่เสี่ยวกวนครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ เขามิเคยพบเห็นหยูเวิ่นเต้ามีท่าทีจริงจังเช่นนี้มาก่อน คาดว่าคงเป็นเรื่องใหญ่จริง ๆ “หากในวันนี้ข้ามิได้กลับมา จงบอกกับท่านพ่อว่าข้าเข้าเวร”
ชุนซิ่วก็ตกตะลึงเช่นกัน คุณชายมิได้มีท่าทีจริงจังเช่นนี้มานานมากแล้ว เกิดเรื่องใหญ่ใดขึ้นงั้นรึ ?
นางมิได้เอ่ยถามออกมาให้มากความ เพียงพยักหน้าตอบรับเขาแล้วไปจัดการธุระตามที่คุณชายสั่ง ส่วนซูซูเมื่อได้ยินดังนั้นก็เอ่ยว่า “ข้าจะไปกับแม่นางชุนซิ่ว”
“อืม ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนนั่งอยู่ตรงข้ามกับซูเจวี๋ย ซูเจวี๋ยเอ่ยถึงเรื่องเมื่อคืนออกมา
“ที่อารามซุ่ยเยว่ข้ามิได้ข้อมูลใดกลับมา เมื่อคืนที่เมืองจินหลิงมีไฟไหม้หลายแห่ง ข้าเองได้ไปดูเช่นกันอีกทั้งก็ได้ฆ่าไปหลายคน เหล่าคนพวกนั้นล้วนเป็นชาวยุทธ แต่เนื่องจากองค์ชายห้าได้ทรงวางแผนรับมือไว้แล้ว จึงมิอาจก่อให้เกิดการสูญเสียได้มากนัก”
เรื่องราวที่อารามซุ่ยเยว่เหนือความคาดหมายของฟู่เสี่ยวกวน
เขามิรู้จริง ๆ ว่าคนที่อยู่ในอารามซุ่ยเยว่คือใคร แต่เขาเดาว่าคนผู้นั้นมีจุดประสงค์เพื่อหาบางสิ่งในอาราม เนื่องจากที่แห่งนั้นถูกเปิดเผยแล้ว พวกเขามิอาจใช้เจ้าหน้าที่ในการรายงานใด ๆ ได้อีก
พวกเขากำลังค้นหาสิ่งใดกัน ?
ฟู่เสี่ยวกวนคิดว่าคงเกี่ยวข้องกับความลับบางอย่างของเจ้าหน้าที่ หรืออาจเป็นรายนามบางอย่างหรือบันทึกรายงานก็เป็นได้
ปู้เนี่ยนซือไท่สามารถใช้แผนการเช่นนั้นเพื่อหลบหนีไปได้ คาดว่าคงกังวลว่าจะถูกเจ้าหน้าที่ติดตามไล่ฆ่าเป็นแน่
จากความสามารถของเจ้าหน้าที่แล้ว นางมิมีความมั่นใจว่าจะเอาตัวรอดได้ ความลับเหล่านั้นยังคงเก็บซ่อนไว้ในอารามซุ่ยเยว่…วันนี้หากมีเวลามากพอจักต้องไปดูเสียหน่อย มิใช่ว่าไม่เชื่อซูเจวี๋ย แต่เรื่องนี้สำคัญยิ่ง เขามีประสบการณ์ด้านนี้ดี ควรจะไปลองเสี่ยงดูเสียหน่อย
“สิ่งที่ข้าอยากจะบอกกับเจ้าอีกอย่างหนึ่งนั้นคือ คนที่วางเพลิงเผาไหม้เมื่อคืนนี้ โดยส่วนมากเป็นผู้ที่เคยร่วมเดินทางกับหลิวจิ่วเม่ย์”
ฟู่เสี่ยวกวนเกิดความสงสัย เช่นนั้นพวกคนที่บุกเข้ามา ณ หลานถิงจี๋จะเป็นฝีมือของหลิวจิ่วเม่ย์นี้ด้วยหรือไม่ ?
“จุดประสงค์ในการวางเพลิงของพวกเขาคือการปล้นคุก พวกเขาต้องการช่วยเหลือหลิวซานเปี้ยน แต่มิรู้ว่าสำเร็จหรือไม่ ?”
“ข้ากำลังจะบอกเจ้าพอดี…”หยูเวิ่นเต้าเอ่ยขึ้นขัดจังหวะ เขาสวมใส่ชุดยาวสีเขียวอ่อนเดินออกมา “พวกเขาทำสำเร็จ ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนตกใจยิ่ง หยูเวิ่นเต้าเอ่ยต่อไปว่า “พวกเขามิเพียงกระทำได้สำเร็จ นอกจากช่วยหลิวซานเปี้ยนกับจินกังทั้งสองออกไปได้แล้ว ยังฆ่าพวกชาวยุทธที่เจ้าจับได้ที่นอกจวนฮุ่ยชินอ๋องอีกด้วย”
ไอ้บ้าเอ๊ย !
คนพวกนั้นถูกกุมตัวไปโดยฮั่วหวยจิ่น กักขังไว้ที่ศาลจินหลิง แรกเริ่มกังขังไว้ในคุกที่จวนผู้ว่าเขต จากนั้นจึงส่งไปยังคุกของกรมราชทัณฑ์ นั่นหมายความว่าพวกมันโจมตีเข้าไปถึงด้านในคุกของกรมราชทัณฑ์เลยงั้นรึ !
พวกมันมีความสามารถมากถึงเพียงนี้เลยรึ ?
เมื่อพบว่าฟู่เสี่ยวกวนเกิดความสงสัย หยูเวิ่นเต้าจึงยักคิ้วแล้วกล่าวต่อว่า “พวกมันมีสายสืบภายใน แต่ข้ามิสามารถจับพวกมันได้ จากการคาดเดาของข้า…เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับองค์ชายสี่อย่างแน่นอน ! ”
“เหตุใดท่านจึงกล่าวเช่นนี้ ? ”
“เจ้าลองคิดดูเถิด พวกคนที่ถูกเราจับได้ ณ ด้านนอกจวนฮุ่ยชินอ๋อง พวกมันหนีไปได้เพียงแค่ 2 คน ทั้งสองเดินทางไปยังที่พักของเจ้าหน้าที่ พวกคนเหล่านี้เดินทางจากอารามซุ่ยเยว่ไปยังจวนฮุ่ยชินอ๋อง อารามซุ่ยเยว่เป็นสถานที่ที่ใช้ติดต่อแห่งหนึ่งของเจ้าหน้าที่ ดังนั้นพวกมันคงเป็นคนของเจ้าหน้าที่ทางการ”
“พวกหลิวจิ่วเม่ย์เป็นพวกอยู่กันเป็นกลุ่ม มีข้อดีคือจำนวนคนที่มาก พวกมันไม่มีความสามารถพอที่จะบุกโจมตีเข้าไปด้านในคุกของกรมราชทัณฑ์เป็นแน่ แต่เจ้าหน้าที่ทำได้”
“เจ้าลองคิดดู ในเมื่อพวกมันช่วยเหลือสามคนนั้นออกมาได้แล้ว เหตุใดต้องฆ่าคนทั้งยี่สิบคนนั้นด้วย ? เนื่องจากการที่คนพวกนั้นมีชีวิตอยู่ ไม่มีผลดีต่อเจ้าหน้าที่ อีกอย่าง กรมราชทัณฑ์มิได้ทำการสอบสวนทั้งยี่สิบคนนี้ หมายความว่าพวกเขาไม่มีหลักฐานว่าเป็นคนขององค์ชายสี่ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องตาย”
ฟู่เสี่ยวกวนเงยหน้ามองดูท้องฟ้า แล้วเอ่ยถามออกมาว่า “คนพวกนั้นพาหลิวซานเปี้ยนกับอีกสองคนจากไปเมื่อเวลาใด ?”
“ประมาณเที่ยงคืน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)