นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 241

คำว่าสุสาน คำอธิบายตามตัวอักษรคือมาจากเจริญและดับ

สุสานฮ่องเต้โดยทั่วไป จะต้องตั้งสูงตระหง่าน มีความหมายถึงท้องฟ้า

แต่ยามที่ฟู่เสี่ยวกวนมองขึ้นไป บนแท่นขนาดใหญ่นั้นกลับมิมีป้ายหลุมศพ มีเพียงศิลาจารึกขนาดใหญ่หนึ่งแผ่นที่ตั้งอยู่ตรงสุดขอบ รวมไปถึงสิงห์สีขาวอ่อนขนาดใหญ่เท่ากันที่อยู่ด้านข้างแผ่นศิลาจารึก

ขบวนได้มาหยุดอยู่ด้านล่างของแท่นนั้น ราชองครักษ์ที่อยู่ด้านหน้ากระจายตัวออกเป็นสองฝั่ง หลังจากนั้นนักบวชเต๋านับร้อยก็ได้เดินมายังแท่นบูชาเบื้องหน้าศิลาจารึก เชื้อพระวงศ์ก็ได้เดินมาถึงด้านหน้าของศิลาจารึก และแบ่งยืนเป็นสองแถวเช่นเดียวกัน

ผู้ที่แบกหามโลงพระศพเดินไปด้านหน้าอีกครา จนมาถึงบนแท่นบูชา และได้วางลงบนหลังเต่าลึกลับบนแท่นบูชา

ฟู่เสี่ยวกวนคิดว่าเรื่องจะจบเพียงเท่านี้แล้ว แต่ก็พบว่าผู้เก็บดวงวิญญาณมิได้เคลื่อนไหว พวกเขาเพียงยืนอยู่ต่อ และยังคงประคองโลงพระศพที่เย็นเฉียบนั่นไว้

นักบวชเต๋าเริ่มทำพิธีที่แท่นบูชา มือของฟู่เสี่ยวกวนแข็งค้าง ทำได้เพียงสบถในใจ พิธีการของเหล่านักบวชเต๋าหน้าเหม็นซับซ้อนอย่างแท้จริง ทั้งขับร้องทั้งร่ายรำ ยันต์เหลืองในมือโบกสะบัดไปรอบ ๆ ไปมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

และได้ผ่านไปอีกครึ่งชั่วยาม ในที่สุดนักบวชเต๋ากลุ่มนั้นก็หยุดลง หยูซีผู้นำสำนักโหราศาสตร์เดินออกมา ยืนอยู่บนแท่นโดยที่ในมือนั้นถือเข็มทิศเอาไว้พร้อมกับมองไปบนท้องฟ้า เมื่อผ่านไปอีก 1 ก้านธูป เขาก็ตะโกนขึ้นมาว่า “เวลาอันดีได้มาถึงแล้ว ประตูเซียนจะเปิดออก โอรสสวรรค์และหลานชายจงเดินมาด้านหน้า และร่วมส่งไทเฮาสู่สวรรคาลัย”

กลุ่มคนได้คุกเข่าลงเบื้องหน้าโลงพระศพภายใต้การนำขององค์ชายใหญ่ แต่ละคนยกแขนเสื้อขึ้นมาปิดหน้าและร่ำไห้สะอึกสะอื้น ช่างได้ผลอย่างยิ่งในท่ามกลางพายุหิมะนี้

ฟู่เสี่ยวกวนมองไปยังหยูเวิ่นหวินที่อยู่ด้านล่าง เกรงว่าจะมีเพียงนางที่โศกเศร้าอย่างแท้จริง

“เปิดสุสานหลวง ! ”

ขณะที่หยูซีตะโกนขึ้นมาอีกครา ฟู่เสี่ยวกวนก็ได้ยินเสียงดังลั่นดังมาจากทางด้านหลัง ทันใดนั้นเท้าก็สั่นไหว ราวกับพื้นกำลังสั่น

เขาหันหน้าไปมอง ดวงตาเบิกโพลงฉับพลัน !

ภูเขาที่อยู่ด้านหลังศิลาจารึกนั่น แยกตัวออกแล้ว !

ดังนั้นภูเขาลูกนี้จึงเป็นสุสานหลวง !

โลงพระศพถูกยกขึ้นมาอีกครา ก่อนจะค่อย ๆ เดินเข้าไปยังทางเข้าขนาดใหญ่ของถ้ำ

ทหารเฝ้าสุสานไทเฮา 3,000 นายที่อยู่ด้านหน้าแบ่งออกเป็นสองแถว และเดินได้ออกมาตรงกลาง 500 คน พวกเขาเดินอยู่ด้านหน้าของขบวนทัพ กองทหารองครักษ์ที่คอยปกป้องโลงพระศพมิได้ตามเข้าไปอีก มาถึงตรงนี้ ก็ถือว่าเสร็จสิ้นหน้าที่ของทหารเฝ้าสุสานไทเฮาแล้ว เมื่อเข้าไปสุสานจักรพรรดิก็เป็นหน้าที่ของทหารเฝ้าสุสานหลวงแล้ว

ทหารองครักษ์ 500 คนนำพานักบวชเต๋าจำนวนร้อยกว่าคนและโลงพระศพเดินเข้าไปในถ้ำ แสงไฟภายในนั้นมิได้สลัว ฟู่เสี่ยวกวนมองไปรอบ ๆ อย่างพินิจพิจารณา ผนังหินที่เกลาเกลี้ยงได้ถูกแกะสลักเมฆมงคลและสัตว์ร้ายที่เหมือนกับมีชีวิตจริง ๆ มีแสงไฟที่ส่องสว่างอยู่มากมาย

ทางเดินลาดชันเล็กน้อย น่าจะยาวไกลเป็นอย่างมาก ยังมองมิเห็นขอบเขตที่สิ้นสุด คาดว่าสุสานที่แท้จริงคงจะอยู่ใต้เขาจื่อจิน

จำนวนคนที่เข้าไปในสุสานจักรพรรดิลดน้อยลงไปเป็นจำนวนมาก กองทหารองครักษ์ไม่ได้ตามเข้าไป ขุนนางนับร้อยที่อยู่ลำดับสุดท้ายก็ไม่ได้ตามเข้าไป นอกจากเชื้อพระวงศ์ ก็มีคนเก็บศพและผู้อาวุโสไม่กี่ท่านเท่านั้นที่เข้าไปได้ นี่คือข้อกำหนดของสุสานหลวง ฟู่เสี่ยวกวนมิทราบ แต่คาดว่าพื้นที่ด้านในนั้นน่ากลัวว่าจะมิพอรองรับคนเป็นจำนวนมาก และภายในสุสานหลวงก็น่าจะเงียบสงบ

ภายในสงบอย่างแท้จริง แม้แต่กลุ่มนักบวชเต๋าในยามนี้ก็ไม่ได้สวดมนต์อีกต่อไป

ขบวนเดินทางกันด้วยความเคารพ หลังจากนั้นก็ได้มาถึงมุมหนึ่ง

ทันใดนั้นหูของฟู่เสี่ยวกวนก็ได้ยิน ด้านในนั้นราวกับมีเพลงดังออกมา แต่มิได้ดึงดูดความสนใจของเขา

โลงพระศพหันไปทางมุมนั้น และแล้วด้านในนั้นก็ถูกเปิดออกสู่สายตา ในยามที่ฟู่เสี่ยวกวนกำลังมองสำรวจไปรอบ ๆ ทันใดนั้นตะเกียงด้านในก็ดับลง !

ชั่วพริบตานั้น ฟู่เสี่ยวกวนก็ได้ยินเสียงของลูกธนูที่ถูกปล่อยออกมา หลังจากนั้นลูกธนูก็พุ่งเข้ามาที่ร่างของเขา เขาแทบจะหันหลังกลับออกไปทันที และโผเข้าใส่ฮ่องเต้ให้ล้มลงไปกับพื้น

“ข้าศึกบุก ! ”

เขาลากฮ่องเต้ไปยังด้านหลังของหัวมุม หลังจากนั้นก็ปรี่เข้าไปช่วยพระสนมซั่ง

ให้ตายเถอะ !

คาดมิถึงว่าศัตรูจะซ่อนตัวอยู่ในสุสานหลวง !

เข้าใจจุดประสงค์ได้โดยที่มิต้องกล่าว !

ในใจของฟู่เสี่ยวกวนพลันหนาวเหน็บยิ่ง ครานี้เป็นไปได้ยากที่จะหลบหนีพ้น

เขากระชากพระสนมซั่งออกมาจากด้านนอกหัวมุม เดิมทีคิดว่าพระสนมซั่งจะต้องหวาดกลัวเป็นอย่างมาก แต่คาดมิถึงว่าสีหน้าของพระสนมซั่งจะยังคงราบเรียบอยู่ดังเดิม

“ฝ่าบาท สุดท้ายพวกเขาก็ลงมืออย่างอดใจมิไหวจนได้พ่ะย่ะค่ะ”

หยูยิ่นนั่งลงกับพื้น สีหน้ามืดครึ้มราวกับน้ำ

“มิใช่ ตอนนี้จะทำเยี่ยงไรต่อไปขอรับ ? ” ฟู่เสี่ยวกวนร้อนรนเป็นอย่างมาก

“จะทำอันใดได้อีกกัน เจ้าลองหันมองไปทางด้านหลังของเจ้าดูสิ”

ฟู่เสี่ยวกวนหันหลังกลับ ทันใดนั้นจิตใจก็พลันจมดิ่งลงไปสู่ก้นบึ้ง

บนทางผ่านนั้นมีทหารที่ปกปิดใบหน้าไว้ยืนอยู่ในความมืด มือถือกระบี่และดาบ ต่างรอคอยกันหน้าสลอน พวกเขามิมีทางตีฝ่าวงล้อมออกไปได้เป็นแน่ และไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะส่งข่าวคราวไปให้กองทหารองครักษ์ที่อยู่ด้านนอก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)