ในขณะที่กล่าวฮ่องเต้ก็ก้มหน้าไปมองปี้ตงที่มีสีหน้าหวาดกลัว คิ้วขมวดนิ่ว ด้วยใบหน้าดูแคลน “ฟู่เสี่ยวกวนอาศัยเพียงช่างบางส่วนที่ตนหามาเอง ก็สามารถทำปืนใหญ่หงอีขึ้นมาได้ ทั้งยังสามารถแก้ไขปัญหามากมายที่มีมาแต่อดีตได้อีก ข้าให้เจ้าลากปืนใหญ่นั้นไปยังกรมอุตสาหกรรมและทำเลียนแบบขึ้นมา คาดมิถึงว่าเจ้าจะกล่าวว่ามันระเบิด ! ”
เขายื่นมือชี้ไปทางปี้ตง “เจ้าลองบอกข้ามา เหตุใดปืนใหญ่ของเขาจึงไม่ระเบิดออก ? ”
ปี้ตงรีบตอบกลับ “ทูลฝ่าบาท โลหะที่เขาใช้ในการสร้างปืนใหญ่ ดีกว่าที่กรมอุตสาหกรรมใช้มากพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ทรงกริ้วเสียยิ่งกว่าเดิม “ฟู่เสี่ยวกวนผู้นั้นสามารถหลอมเหล็กเยี่ยงนั้นขึ้นมาได้ กรมอุตสาหกรรมของเจ้ากลับหลอมออกมามิได้รึ ? เยี่ยงนั้นจะยังมีประโยชน์อันใดที่ข้ายังต้องเสียเงินมากมายเพื่อเลี้ยงดูพวกเจ้า เลี้ยงสุนัขมันยังสามารถเฝ้าเรือนได้ แต่คนนับร้อยในกรมอุตสาหกรรมของเจ้าเล่า สามารถทำอันใดได้บ้าง ? ”
“ในอดีตพวกเจ้าบอกกับข้าว่าของสิ่งนี้มิมีมูลค่าในการนำไปใช้ประโยชน์ เยี่ยงนั้นในตอนนี้ขอถามเจ้า หากนำปืนใหญ่หงอีนี้ไปวางบนหอคอยเมือง มันจะมีมูลค่าหรือไม่ หากแนวหน้ามีปืนใหญ่ตั้งอยู่ 100 กระบอก มันจะมีมูลค่าหรือไม่ ! ”
ปี้ตงคุกเขาลงดังปึง แต่กลับพูดอะไรไม่ออก
ชางกวนเหวินซิ่วประหลาดใจ แล้วถึงได้เข้าใจขึ้นมาว่าเหตุใดฝ่าบาทจึงได้ให้ความสำคัญกับของสิ่งนั้นขึ้นมาทันพลัน
เป็นฟู่เสี่ยวกวนอีกแล้ว !
เป็นบุคคลที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง !
ดูเหมือนว่าของสิ่งนี้และกลยุทธ์การค้าและการเกษตรจะเป็นฟู่เสี่ยวกวนที่ทูลถวาย เยี่ยงนั้นกั๋วจื่อเจี้ยนก็จำต้องใช้พลังทั้งหมดที่มีเพื่อส่งเสริมเรื่องนี้ในหมู่บัณฑิตทั้งหมด
…..
ขบวนรถม้าได้มาถึงที่พักป่านเฉียวยามพลบค่ำ คาดมิถึงว่าหิมะที่นี่จะยังตกอยู่
ที่พัก ณ จุดพักม้าหนาวเหน็บอย่างยิ่ง ด้วยอากาศเยี่ยงนี้จึงมีน้อยคนนักที่จะออกเดินทางไกล แต่เพราะมีทหารที่เซวียผิงกุยส่งมาสำรวจทางล่วงหน้า ภายในที่พักจึงถูกจุดตะเกียงไฟไว้แล้ว และพนักงานในที่พักก็ได้เตรียมอาหารและที่พักสำหรับหลายร้อยคนไว้เรียบร้อยแล้ว
ผู้รับผิดชอบที่พักม้าก็คือเจ้าหน้าที่ของที่พัก เป็นบุคลากรที่อยู่นอกเหนือราชวงศ์หยู แต่ยังได้รับเงินและอาหารสนับสนุนจากราชวงศ์หยู มีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดการที่ที่พักม้า และดูแลให้ที่พักม้าสามารถใช้การได้อย่างปกติมิให้เกิดความเสื่อมโทรม จุดมุ่งหมายเดิมมีไว้เพื่อส่งข่าวในยามก่อสงคราม พัฒนาต่อมาจนได้กลายเป็นสถานที่พักเท้าสำหรับผู้เดินทางไกล
ที่นี่อยู่ห่างจากจินหลิงไกลยิ่งนัก มิมีเมืองใหญ่อยู่ใกล้ ๆ นี้ ด้านนอกที่พักคือทุ่งนาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ทัศนวิสัยกว้างไกล มิพบเห็นบุคคลภายนอกเฉกเช่นเมืองหลวงที่เดินขวักไขว่กันไปมา
ฟู่เสี่ยวกวนหยุดยืนมองกล่องดำที่ถือมาอยู่ชั่วครู่ และจึงพาคนทั้งกลุ่มเข้าไปยังอาคารสองชั้น
ภายใต้การนำทางของเซวียผิงกุย พวกเขาได้ขึ้นไปยังชั้นสอง และลอบสำรวจห้องของแต่ละคน
บางทีอาจเป็นเพราะรู้ว่าคนที่เดินทางในครานี้สำคัญอย่างยิ่ง พนักงานที่นี่จึงจัดระเบียบหลาย ๆ ห้องได้ดียิ่งนัก ภายในมีเตาไฟ ผ้าห่มบนเตียงก็ถูกเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด
แต่การเดินทางครานี้มีทั้งหมดหกร้อยกว่าชีวิต ที่พักที่นี่มีเพียงยี่สิบกว่าห้องย่อมมิเพียงพอ ดังนั้นฟู่เสี่ยวกวนจึงถามว่า “จะจัดการกับคนที่เหลือเยี่ยงไร ? ”
เซวียผิงกุยโค้งคำนับ และตอบกลับว่า “พวกข้าได้นำกระโจมทหารมาด้วย บัณฑิตทั้งหลายคงทำได้เพียงให้อยู่อย่างแออัด ตลอดทางก็คงจะเป็นเยี่ยงนี้ไปตลอด พวกเขาต่างก็ทราบกันดี”
ฟู่เสี่ยวกวนพยักหน้าและกล่าวว่า “นำอาหารเย็นขึ้นมาหนึ่งชุด พวกข้าคงมิลงไปแล้ว ให้พวกเขาทานอาหารแล้วรีบไปพักผ่อน เกรงว่าเจ้าจะต้องทำงานหนักขึ้นอีกเล็กน้อย เจ้าจงจัดวางกองกำลังลับเอาไว้ให้เรียบร้อย”
เซวียผิงกุยชะงักไปเล็กน้อย เขาพยักหน้ารับ หันหลังกลับและลงจากตึกไป แต่ในใจกลับคิดว่าความคิดของชายหนุ่มผู้นี้ช่างละเอียดรอบคอบเสียจริง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)