ตอนที่ 256 บาดหัวใจ
การที่ฟู่เสี่ยวกวนเดินทางไปราชวงศ์อู่มิใช่เรื่องใหญ่โตอันใด
แต่ทว่าในค่ำคืนก่อนที่เขาจะเดินทางออกไปจากเมืองหลวงนั้น ได้เกิดเรื่องที่ผู้คนมากมายมิรู้เข้า
แม่นางหลิ่วเยียนเอ๋อร์แห่งหงซิ่วจาวได้เขียนจดหมายฉบับหนึ่งแล้วส่งออกไปกับนกพิราบสื่อสาร
นี่เป็นนกพิราบสื่อสารตัวที่ห้าที่นางปล่อยออกไป และจดหมายทุกฉบับเกี่ยวข้องกับฟู่เสี่ยวกวน
เช่น เขาต่อสู้ที่ถนนสายยาว ถนนนองไปด้วยเลือด
และเขานั่งดื่มสุราท่ามกลางหิมะ ณ ตรอกซานเยว่ แต่กลับสามารถจัดการกับชาวยุทธได้ถึงยี่สิบกว่าคน
และอีกเช่น การที่เขาถูกลอบทำร้ายในค่ำคืนงานเทศกาลโคมไฟ จากนั้นได้ประพันธ์กวีงานโคมไฟขึ้น บัดนี้ผลงานของเขาได้ถูกจารึกไว้บนหินเชียนเปยสือบรรทัดที่หนึ่งถึงสองบท
และอื่น ๆ อีกมากมายนัก… !
บัดนี้ท้องฟ้ามืดมิด หงซิ่วจาวได้ปิดลงไปแล้ว ที่เมืองจินหลิงไม่มีหิมะและไม่มีดวงจันทร์
หลิ่วเยียนเอ๋อร์นั่งอยู่ที่หัวเรือเพียงผู้เดียว ลมหนาวที่โชยพัดมาทำให้ผมของนางปลิวไสว เสื้อผ้าพลิ้วราวกำลังเริงระบำ ในที่สุดเขาก็เดินทางไปยังราชวงศ์อู่จนได้ เมื่อคิดถึงว่าเขากำลังจะได้พบกับฝ่าบาท และฝ่าบาทจะทรงชื่นชอบเขาอย่างแน่นอน แต่ทว่าตนนั้น…
นางลุกขึ้นร่ายรำที่หัวเรือ แม้มิมีเงาใด ๆ แต่ทว่ายังคงอยู่บนโลกมนุษย์ นางร่ายรำเพลงดอกไม้ฝังศพของหลินไต้ยวี่
ไม่รู้ว่าเสวี่ยเฟยเฟยเดินเข้ามาตั้งแต่เมื่อใด นางหยิบพิณขึ้นบรรเลงเป็นเพลงกวีดอกไม้ฝังศพเพื่อเข้ากับท่าร่ายรำของหลิ่วเยียนเอ๋อร์
“เจ้าก็คิดถึงเขาเยี่ยงนั้นรึ ? ”
“สตรีใต้หล้านี้ มีผู้ใดมิคิดถึงเขาบ้างกัน ? แต่ทว่าทำได้เพียงคำนึงหา น้องสาว เจ้าจงอย่าได้เศร้าโศกไป ให้เขาเป็นเสมือนดอกไม้นั่น ฝังลงไปในใจของเรา !”
ณ ห้องนอนของคุณหนูตระกูลเยี่ยน ไฟยังคงส่องสว่าง
เยี่ยนเสี่ยวโหลวนั่งอยู่ที่ข้างหน้าต่าง บนโต๊ะนั้นมีหนังสือสมรสสีแดงเล่มใหญ่วางอยู่ ใบหน้าของนางยังคงยิ้มมิคลาย ราวกับว่าความมืดมิดนั้นเป็นแสงประกายส่องสว่างน่าชื่นชม
โหรวอี๋ที่นั่งอยู้ด้านข้าง กำลังเย็บเสื้อผ้าทารกนั้น สีหน้านางนิ่งสงบ นึกในใจพลางคิดว่านางเป็นเพียงคนขายสุรา กลับได้พบกับองค์ชายใหญ่ได้ !
บัดนี้เขาออกหนังสือคำสั่งว่าให้ฟู่เสี่ยวกวนดูแลตน แล้วส่งมายังจวนเยี่ยน คิด ๆ ดูแม่นางเสี่ยวโหลวและฟู่เสี่ยวกวนคงมีความรู้สึกที่ดีต่อกันมิน้อย
ณ บนกำแพงแห่งหนึ่งในเมืองหลวง หงจวงถือดาบยืนอยู่บนนั้น นางมองออกไปในที่แสนไกล
ผู้คนในเมืองจินเฉิงล้วนพากันดับไฟแล้ว มีเพียงแสงไฟสลัวบนท้องถนนที่ยังคงส่องสว่าง
ซูม่อ !
เจ้าไปอยู่ที่ใดกัน !
……
ซูม่อ เจ้าอยู่ที่ใดกัน ?
หิมะหนาวเหน็บ บัดนี้ทั้งเมืองสวรรค์และมนุษย์มีเพียงเสียงของเกล็ดหิมะบางเบาที่ตกลงมา
จากความเหนื่อยล้ามาตลอดวัน ผู้คนส่วนมากล้วนกำลังพักผ่อน มีเพียงฟู่เสี่ยวกวนและซูม่อเท่านั้นที่ยังมิหลับ
พวกเขามิได้อยู่ในห้อง แต่กลับอยู่ที่ถิ่นทุรกันดารอันมืดมิดเช่นนี้
“ข้ามิเข้าใจเสียจริง ค่ำคืนมืดมิดเช่นนี้ มิอาจจะชื่นชมหิมะได้ เจ้ามายังที่เยี่ยงนี้เพื่อสิ่งใด ? ” ซูม่อนำไหสุรายื่นไปให้ฟู่เสี่ยวกวนแล้วถามออกมาอย่างแคลงใจ
ฟู่เสี่ยวกวนรับมาดื่มอึกหนึ่ง พบว่าเป็นสุราเทียนฉุน !
“เพียงแค่อยากออกมาเดิน”
“มิเหนื่อยรึ ?”
“ข้าจะไปเหนื่อยอะไร ว่าแต่เจ้ามิเหนื่อยงั้นรึ ? ”
“ข้าจะไปเหนื่อยได้เยี่ยงไร ! ที่เยว่โจวเชิงเขาต้งถิงจวิน ที่นั่นมีหมู่บ้านประมงจริง ๆ อีกทั้งยังมีหญิงชราที่มีแขนข้างเดียว เลี้ยงเด็กเล็กประมาณห้าหกขวบ ข้าทำตามที่เจ้าบอก ฆ่าหญิงชราคนนั้นเสีย แต่ทว่ายากเย็นจริงกว่าจะฆ่าได้ ข้าถูกดาบของนางฟันเข้าสองที นางใช้วิชาดาบเจี้ยนหลิน”
ฟู่เสี่ยวกวนมิได้เอ่ยอันใดออกมา เขาหันหลังกลับไปมองซูม่อที่ยืนอยู่ท่ามกลางความมืด
ซูม่อหยุดชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยต่อไปว่า “เด็กหญิงคนนั้นแซ่หยู ที่แปลว่าปลา ชื่อว่าอี้ซี หยูอี้ซีชื่อไพเราะยิ่ง เป็นเด็กหญิงที่น่ารักน่าชังยิ่งนัก แน่นอนว่าตอนที่ข้าได้ฆ่าหญิงชรานั่น มิได้มีผู้ใดรู้ เพียงแต่เมื่อนางใกล้สิ้นใจได้เอ่ยคำถามที่แสนประหลาดออกมา”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)