ตอนที่ 271 อู๋หลิง
“หลังจากนั้นน่ะรึ มันก็ร้องเสียจนกระอักเลือดสด ๆ ออกมา เลือดของมันได้ย้อมสีของดอกไม้จนแดงฉาน ก็เลยเรียกดอกไม้นี้ว่าดอกกุหลาบพันปี ”
หยูเวิ่นหวินย่นจมูกเล็กน้อย “เจ้าลวงข้าเยี่ยงนั้นรึ ก็ดูดอกกุหลาบพันปีพวกนี้สิ ยังมีอีกตั้งหลายสี เจ้าจะอธิบายเรื่องนี้เยี่ยงไร ?”
“เอ่อ…อาจเพราะกาลเวลาล่วงเลยไปนาน สีมันก็เลยซีดจางลงไป ” ฟู่เสี่ยวกวนพูดพลางหัวเราะ
แน่นอนว่านี่คือมุกตลกฝืด ๆ ของเขา ต่งชูหลานกลอกตาใส่ฟู่เสี่ยวกวนและผละตัวออกมาที่ริมทะเลสาบ สองมือตักน้ำเย็น ๆ ขึ้นมาล้างหน้า พลันรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที
“เมื่อครู่ที่เจ้าเล่าเรื่องหนอนกับผีเสื้อ…เจ้าได้ยินเรื่องนั้นมาจากที่ใดกัน ? ” ต่งชูหลานถามด้วยความใคร่รู้
“ข้า ฟู่เสี่ยวกวน เก่งกาจถึงเพียงนี้ จำเป็นต้องฟังความมาจากที่ใดด้วยรึ ? ”
ต่งชูหลานเบ้ปาก หน้าแดงเพราะเขินอาย “เจ้ามิรู้สึกละอายแก่ใจบ้างเลยรึเยี่ยงไรกัน ? ”
“ทว่า…เรื่องทีจะทำการค้าระหว่างประเทศนั้นเป็นความจริงหรือไม่ ? ”
ฟู่เสี่ยวกวนพยักหน้าเล็กน้อย “ในเมื่อฝ่าบาทเห็นด้วยกับหนังสือกั๋วฟู่ลุ่น การริเริ่มทำการค้าระหว่างประเทศถือเป็นสิ่งจำเป็น แต่ตอนนี้ข้ามิอาจหยั่งรู้ว่าฝ่าบาทมีความกล้าหาญมากเพียงใด เช่นนั้นยังมิควรลงมือในตอนนี้ ควรรอให้ให้ข้ากลับไปถึงราชวงศ์หยูเสียก่อน ข้ากลัวว่าหากพลาดพลั้งจะเป็นการนำพาหายนะมาให้อย่างใหญ่หลวงเป็นแน่”
“ร้ายแรงถึงเพียงนั้นเลยรึ ? ” หยูเวิ่นหวินถาม
“ที่พวกนั้นกล่าวก็มีส่วนถูก ดังนั้นก่อนที่จะเริ่มการค้าระหว่างประเทศจำเป็นต้องริเริ่มการค้าขายกันภายในประเทศเสียก่อน ข้าเห็นว่าตอนนี้เรื่องเร่งด่วนที่สุดคือการยกระดับสถานะของพ่อค้า และการให้ความสำคัญในการพัฒนาภูมิปัญญา หากระดับภูมิปัญญามิก้าวหน้า เครื่องไม้เครื่องมือก็มิมีทางที่จะพัฒนาต่อไปได้ ความสามารถในการผลิตก็มิอาจเพิ่มขึ้น ต้นทุนก็มิสามารถลดลงมาได้เช่นกัน ดังนั้นก็จะทำให้เสียเปรียบในสงครามการแข่งขัน ”
“ศึกครานี้จะโหดเหี้ยมกว่าศึกตะวันออกยิ่งนัก ผู้ชนะจะได้รับผลกำไรมหาศาล แต่สำหรับผู้แพ้ก็จะสูญเสียสถานะในการเป็นผู้นำทางการค้า หรือกล่าวง่าย ๆ ว่าจะสูญเสียสิทธิ์ในการกำหนดราคา”
“เยี่ยงไรเสียเรื่องพวกนี้ก็ค่อนข้างซับซ้อนยิ่งนัก ค่อย ๆ ทำความเข้าใจเถิด ตอนนี้ยังมิถึงเวลานั้น”
เรื่องนี้ฟังดูล้ำลึกยิ่งนัก ดูซับซ้อนยิ่งกว่าการซื้อขายในร้านเสื้อผ้าของนางทั้งสองไปมากโข
ในขณะที่ทั้งสองนางกำลังขบคิดถึงเรื่องนี้ เซวียผิงกุยก็วิ่งกลับมาหาด้วยความรีบร้อน
“คุณชายขอรับ องค์หญิงไท่ผิงแห่งราชวงศ์อู๋ เสด็จมาขอรับ ”
“องค์หญิงไท่ผิงคือผู้ใดกัน” ฟู่เสี่ยวกวนถามด้วยความตกตะลึง ?
“นางก็คืออู๋จ้าวหรืออู๋หลิงเอ้อร์ขอรับ !”
“นางเดินทางมาถึงที่แห่งนี้ด้วยเหตุอันใด ? ”
“ข้ามิอาจทราบได้ขอรับ”
“มีหนังสือราชโองการมาหรือไม่ ? ”
“มิมีขอรับ”
ฟู่เสี่ยวกวนขมวดคิ้วอย่างระแวดระวัง “นางนำทัพมามากน้อยเพียงใด ? ”
“พลม้าหนึ่งพันนาง ล้วนแต่เป็นทหารหญิง เครื่องแต่งกายล้วนเป็นสีแดงขอรับ”
“ให้เฝ้าระวังไว้ประเดี๋ยวนี้ หากมิมีราชโองการ ก็มิอาจล่วงรู้ตัวตนที่แท้จริงของนางได้ ! ”
“ขอรับ !”
เซวียผิงกุยจึงรีบร้อนกลับไป แล้วแผดเสียงสั่งการ “เฝ้าระวัง ! เฝ้าระวัง ! รวมพลโดยด่วน !”
เหล่าทหารที่กำลังง่วนอยู่กับการจัดแจงอาหารเมื่อได้ยินคำสั่งการต่างก็จับอาวุธแล้วเคลื่อนตัวขึ้นไปบนหลังม้าอย่างรวดเร็ว และรุดหน้าตามเซวียผิงกุยไปที่ริมทะเลสาบ แล้วคงอยู่เยี่ยงนั้นด้วยท่าทีสงบเสงี่ยม
สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าพวกเขานั้นเป็นแถบยาวสีแดงเถือก !
และนั่นก็คือกองทัพหญิงของอู๋หลิง !
พวกนางใส่ชุดเกราะสีแดงสด ขี่ม้าสีแดงอมม่วงเหมือนกันทั้งหมด หรือแม้แต่ชุดเกราะของม้าทุกตัวก็ยังคงเป็นสีแดง
เว้นแต่อู๋หลิงแถวหน้าสุดของกองทัพคนเดียวเท่านั้นที่สวมใส่ชุดสีม่วงและนางก็มาด้วยความยินดีจนล้นปรี่ที่ในที่สุดนางก็จะได้เจอกับฟู่เสี่ยวกวน นางใคร่รู้ว่าเขาจะรูปร่างหน้าตาเป็นเยี่ยงไร จะเป็นชายรูปงามที่เพียบพร้อมด้วยเสน่ห์ดังที่หลิ่วเยียนเอ๋อร์เคยกล่าวถึงหรือไม่ ?
เมื่อได้พบเขา นางควรจะกล่าวว่าอันใด ?
อีกทั้งยังมีพี่สาวที่ติดตามมาด้วยอีก 2 คน นางควรจะปฏิบัติเยี่ยงไรกับพวกนาง ?
เขาจะชอบนางหรือไม่ ?
อู๋หลิงรู้สึกกระวนกระวายใจ แต่ทันใดนั้นกลับเห็นพลทหารม้านำทัพอยู่หน้าสุด
นางขมวดคิ้วมุ่น
นี่มันเกิดอันใดขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)