นี่เป็นปัญหาที่ทำให้ข้าลำบากใจมากยิ่งนัก
“หากยอมรับนาง ก็ควรต้อนรับนางตามราชพิธีสำหรับองค์หญิง แต่หากว่านางเป็นผู้ลอบสังหารเล่า…นี่จะเป็นอันตรายถึงตายได้ ! ถ้าข้ามิยอมรับ ควรโจมตีออกไปหรือไม่ ? ในเมื่อพวกเขาตั้งฐานทัพไว้ตรงนี้แล้ว ก็รอจนถึงพรุ่งนี้ก่อนเถิดแล้วค่อยคิดอีกที พรุ่งนี้พวกเราจะต้องออกเดินทางต่อ หากพวกเขาต้องการที่จะหยุดยั้ง พวกเราก็คงจะมีเหตุผลมากพอที่จะสู้ศึกกับพวกเขา ถ้าหากมิมาหยุดยั้ง…ก็ไปทางใครทางมัน ข้ากับอู๋หลิงเอ๋อร์มิเคยได้พบหน้ากัน ดังนั้นเมื่อไปถึงเมืองกวนหยุน ข้าสามารถชี้แจงเหตุผลให้กับจักรพรรดิเหวินได้”
ต่งซูหลานนึกสงสัยอยู่ในใจว่าเหตุใดต้องทำให้ยุ่งยากถึงเพียงนี้ แล้วเหตุใดอู๋หลิงเอ๋อร์ถึงได้เดินทางมาที่นี่โดยไม่คำนึงถึงระยะทางที่ไกลเป็นพันลี้เยี่ยงนี้ ?
นางรู้สึกสะดุดใจอย่างฉับพลัน ความคิดที่ไม่ดีก็เกิดขึ้นมา โดยอาศัยการหยั่งรู้ของสตรีแล้วดูเหมือนนางจะรู้แล้วว่าเหตุใดอู๋หลิงเอ๋อร์ถึงมาที่นี่
เจ้านี่…ชอบทำให้ข้าเป็นกังวลอยู่เรื่อย !
ยามเย็นจวนค่ำ
ฟู่เสี่ยวกวนมีเตาเป็นจำนวนมากกว่าสิบเตาที่กำลังมีเปลวไฟลุกโชนโถมกระหน่ำ ไอน้ำลอยขึ้นจากหม้อ กลิ่นหอมของอาหารลอยอยู่ในอากาศและถูกส่งไปยังฐานทัพของกองทัพหญิงด้วยสายลมยามค่ำคืน
ในค่ายของกองทัพหญิงกลับมีแสงไฟสว่างเพียงแค่ในกระโจมเท่านั้น ไม่เห็นมีการตั้งเตาหรือตั้งเครื่องหม้อเพื่อทำอาหาร
ขณะนี้อู๋หลิงเอ๋อร์ได้นั่งอยู่ในกระโจมของแม่ทัพใหญ่ที่ตั้งอยู่ศูนย์กลางอย่างเงียบสงบ แต่องครักษ์หญิงซ้ายและขวาของนางมิได้เงียบเฉยอีกต่อไป
ด้วยเหตุว่าพวกเขามิได้พกพาอาหารหรือเครื่องครัวมาเลย !
แม้แต่เสบียงกรังก็มิได้พกมาด้วยซ้ำ !
ตามแผนเดิม ฟู่เสี่ยวกวนและพรรคพวกของเขาควรจะข้ามภูเขาฉีซาน และมาถึงชายแดนราชวงศ์อู๋ในวันนี้ เดิมพวกเขาจะต้องรออยู่ที่เมืองเชียนเย่ แต่มิคาดคิดว่าฟู่เสี่ยวกวนและพรรคพวกของเขาจะมิได้มาที่เมืองเชียนเย่
อู๋หลิงเอ๋อร์กังวลว่า ฟู่เสียวกวานและพรรคพวกของเขาอาจจะเกิดอุบัติเหตุระหว่างทางเดินเขา ดังนั้นจึงรีบเร่งมาพร้อมยกกองทัพมาด้วย ออกเดินทางมาจนถึงหุบเขาซีกู่ และได้คาดคิดว่าการพบหน้ากันครานี้คงปรีดามากยิ่งนัก และแน่นอนว่าจะได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น แต่สิ่งที่คาดคิดไว้ทั้งปวงกลับแตกเป็นเสี่ยง ๆ ดุจฝันมายาฟองสบู่เงา
สำหรับกองทัพหญิงที่ยึดมั่นในตน เคยถูกมองข้ามเยี่ยงนี้เมื่อใดกัน ?
“ องค์หญิง โจมตีไปเลยเจ้าค่ะ ! โปรดออกคำสั่งเถอะเจ้าค่ะ ! ” ลั่วยิงที่เป็นรองแม่ทัพอีกคนของอู๋หลิงเอ๋อร์ได้เอ่ยขึ้นมา
นางกดดาบในมือและใบหน้าของนางก็เต็มไปด้วยความโกรธ
“ใช่เจ้าค่ะ องค์หญิง แม้ว่าพวกเราจะมิฆ่าคนของพวกเขา ทว่าได้ทุบหม้อข้าวของพวกเขาก็ยังรู้สึกดีขึ้นสักนิด ! ” หนีซางกล่าวพลางกัดฟันด้วยความแค้น คิดอยู่ในใจว่าในวันที่อากาศหนาวเย็นเช่นนี้ พวกเจ้าได้กินอาหารกันอิ่มหนำสำราญ แต่องค์หญิงยังคงอดอยากและหนาวเหน็บอยู่ที่นี่ หากพวกเรามิได้กิน ทุกคนก็อย่าหวังจะได้กินเลย !
ในกระโจมของแม่ทัพใหญ่ตกอยู่ในความเงียบงัน
จากนั้นเพียงแค่ครึ่งก้านธูป อู๋หลิงเอ๋อร์ก็ได้ถอนหายใจออกมาอย่างเนิบนาน “ ข้าคิดเข้าข้างตนเองมากเสียเกินไป ฟู่เสี่ยวกวนยังมิเคยพบข้า อีกทั้งข้าก็มิมีหนังสือราชโองการจากเสด็จพ่อ คิดเพียงแค่จะมาที่นี่ด้วยความกระตือรือร้น มันก็สมเหตุสมผลแล้วที่เขามิยอมพบข้า”
หนีซางและลั่วยิงมองหน้ากันแวบหนึ่ง ในแววตาเต็มไปด้วยความสงสัย นี่มิใช่นิสัยที่แท้จริงองค์หญิง ท่านเป็นอันใดไปเยี่ยงนั้นรึ ?
ในขณะที่ทั้งสองคนยังรู้สึกประหลาดใจอยู่ ทหารหญิงผู้หนึ่งก็ได้เดินเข้ามาจากนอกกระโจมของแม่ทัพใหญ่อย่างรีบร้อน พร้อมกับถือจดหมายไว้ในมือ
“กราบทูลองค์หญิง มีจดหมายมาจากเมืองเชียนเย่เจ้าค่ะ”
“วางไว้ที่นี่เถอะ” อู๋หลิงเอ๋อร์ไม่ได้อยู่ในอารามที่จะอ่านเนื้อหาใด ๆ ในขณะนี้นางมีปมในใจเป็นพัน ๆ เงื่อน
“… องค์หญิง จดหมายจากฟู่เสี่ยวกวานเจ้าค่ะ” ทหารหญิงวางจดหมายลงและได้กล่าวเสริมอีกหนึ่งประโยค
อู๋หลิงเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นพร้อมกับสีหน้าที่มืดครึ้มลงอย่างเห็นได้ชัด “เหตุใดจึงมิแจ้งให้เร็วกว่านี้ ! ”
เมื่อนางเอ่ยจบนางก็ได้หยิบจดหมายขึ้นมาเปิดอ่าน ทหารหญิงที่นำจดหมายมาให้นางเพียงแค่ยิ้มแหย ๆ ออกมาเท่านั้น
หลังจากที่อู๋หลิงเอ๋อร์อ่านจดหมายแล้ว นางก็ขมวดคิ้วและลุกขึ้นยืนทันใด ถือดาบบนโต๊ะไว้ในมือ
“ยกฐานทัพ ออกเดินทาง ! ”
ทันใดนั้นหนีซางและทหารหญิงที่อยู่ในกระโจมอีกสามคนต่างก็ตกตะลึง “ ไปที่แห่งใดเจ้าคะ ?”
“ตามไล่ล่าเป่ยหวังฉวน ! ”
มิใช่ หนีซางกับลั่วยิงยิ่งสับสนมากยิ่งขึ้นโดยคิดไปว่าเป่ยหวังฉวนเป็นปรมาจารย์ที่ทรงพลังของแคว้นอู๋ฉาว อีกทั้งยังเป็นอาจารย์ขององค์ชายและทั้งยังเป็นแขกรับเชิญของฝ่าปาท แต่เมื่อเห็นความกระเหี้ยนกระหือรือและความเร่งรีบขององค์หญิงแล้ว เป่ยหวังฉวนได้ทำอะไรบางอย่างที่ผิดร้ายแรงเยี่ยงนั้นรึ ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)