นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 273

สรุปบท ตอนที่ 273 ชุ่มฉ่ำไร้สุ่มเสียง: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)

สรุปตอน ตอนที่ 273 ชุ่มฉ่ำไร้สุ่มเสียง – จากเรื่อง นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) โดย Internet

ตอน ตอนที่ 273 ชุ่มฉ่ำไร้สุ่มเสียง ของนิยายทะลุมิติเรื่องดัง นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

รัชสมัยเซวียนลี่ปีที่ 9 ขึ้นสามค่ำ เดือนสาม

สายฝนยามฤดูใบไม้ผลิกับดินแดนที่เวิ้งว้าง

วันที่ยี่สิบเก้า เดือนสอง ขบวนของฟู่เสี่ยวกวนได้เดินทางออกจากทางเดินบนภูเขาฉีชานอย่างปลอดภัย ขณะนี้ได้ย่ำกรายเข้าไปในเขตแดนของแคว้นอู๋นับเป็นวันที่สี่แล้ว

ขนาดของกองทัพได้ทวีคูณมากขึ้นไปอีก เหตุเพราะทหารรักษาการณ์แห่งเมืองเชียนเย่ได้รับพระราชโองการขององค์จักรพรรดิเหวินตี้ให้จัดกำลังพลม้ามาสมทบเป็นจำนวน 500 นาย นัยหนึ่งเพื่อนำทาง อีกนัยหนึ่งก็เพื่ออารักขาความปลอดภัยของคณะทูตแห่งราชวงศ์หยู

มิว่าจะเกิดเหตุอันใดต่อจากนี้สืบไปก็จะอยู่ในความดูแลของแม่ทัพใหญ่แห่งราชวงศ์อู๋ กาลนี้ภาระหน้าที่ของของเซวียผิงกุยก็เบาลงไปมากนัก

แม่ทัพใหญ่แห่งราชวงศ์อู๋มีนามว่าเซี้ยะซีเฟิง อายุราว 40 ปี เป็นคนเคร่งขรึม แต่สามารถจัดการทุกปัญหาน้อยใหญ่ได้อย่างพิถีพิถันรอบคอบ และเขาดูเหมือนจะให้ความสำคัญกับหน้าที่อารักขาคณะทูตแห่งราชวงศ์หยูเป็นอย่างมาก

ขณะนี้เวลาใกล้ย้ำแดนสนธยา แสงอาทิตย์กำลังอัสดงลงกลางหุบเขา ทัพได้เคลื่อนขบวนมาหยุดจัดตั้งที่พักแรมข้ามคืน ณ สถานที่ที่มีนามว่า ทุ่งฮวาจ้ง

เมื่อคราที่ฟู่เสี่ยวกวนได้รับสารมาจากหอซี่หยู่ทำให้พอเข้าใจลักษณะภูมิศาสตร์ของพื้นที่นี้อยู่บ้าง หากผ่านทุ่งฮวาจ้งไปก็จะเป็นเมืองจิ่นกวน เมืองยุทธศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดของเขตแดนทางเหนือของแคว้นอู๋

ทำให้เขานึกฉงนขึ้นในใจชั่วขณะ หรือว่าบทกวีรวยรื่นคืนวสันตฤดูของตู้ฝูผู้นั้นจะมีอยู่จริงในโลกแห่งนี้ ?

ไม่นานนักหลังจากที่ได้ยินฉินเหวินเจ๋อและหมู่คณะสนทนา เขาจึงรู้ว่าเขาคิดมากเกินไป

นี่คือความบังเอิญโดยสิ้นเชิง

ทุ่งฮวาจ้งมีพื้นที่กว้างขวาง เป็นพื้นที่ปศุสัตว์ทางตอนเหนือ แห่งแคว้นอู๋ เหตุที่มีนามว่าฮวาจ้ง เพราะครั้นเมื่อถึงยามฤดูใบไม้ผลิดอกไม้นานาพรรณได้เบ่งบานละลานตา สถานที่นี้จึงถูกเรียกว่าฮวาจ้ง

ส่วนเมืองจิ่งกวนเป็นเมืองสำหรับชมทิวทัศน์ ซึ่งหมายความว่าหากทอดสายตาจากบนหอคอย ทุกสารทิศล้วนแต่สวยงามตระการตาทั้งสิ้น เหตุนี้จึงมีนามว่าเมืองชมทิวทัศน์

ที่แห่งนี้แม้นมิใช่เมืองจิ่นกวน แต่ก็งดงามเฉกเช่นกัน !

ดินแดนเวิ้งว้างสุดสายตา หยาดพิรุณพรั่งพรูลงมามิขาดสาย หมอกจางพลิ้วไหวมิเสื่อมคลาย บุษบาเบ่งบานละลานตา ทั้งเหล่าผีเสื้อโบยบิน เหล่าผึ้งพากเพียร เหล่านกนวลหวนคืนรัง เหล่าอาชาเงียบสงบพร้อมเพรียง นี่คือคำบรรยายของภาพวาดที่ตั้งตระหง่านที่ไร้ที่สิ้นสุดอยู่เบื้องหน้า

ในขณะที่เดินทัพอยู่ ฟู่เสี่ยวกวนและคณะรู้สึกจิตใจผ่อนคลายลงมาก สถานที่ที่เหมือนภาพวาดเส้นทางเบื้องหน้ามีชีวิตชีวาขึ้นมาในทุกย่างก้าว

หากเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวพร้อมเก็บค่าบัตรเข้าชม ก็มิต้องลงทุนสักตำลึงเดียวก็ได้กำไรมาเต็มกอบเต็มกำ เขานึกแล้วก็ขำกับความคิดตนเอง มิวาดฝันว่าตนจะหน้าเงินได้ถึงเพียงนี้ ความคิดแรกที่โพล่เข้ามาก็ยังคงมิพ้นเรื่องเงินทอง

แต่เขาก็นึกฉงน เหตุใดสถานที่ดุจสวรรค์แห่งนี้ถึงไร้ซึ่งวี่แววผู้คนอยู่อาศัยกัน

ส่วนผู้ที่ร่วมขบวนกันมาอย่างเซี้ยะซีเฟิงนั้นคอยติดตามเงาของฟู่เสี่ยวกวนอย่างไม่ละสายตา นึกคิดไปว่าท่านชายผู้เก่งกาจแห่งราชวงศ์หยูแท้จริงก็มิมีสิ่งใดพิเศษเหนือผู้อื่น

ทั้งเยาว์วัย หล่อเหลา มีชีวิตชีวา แล้วยังโปรดปรานความสวยงามของทิวทัศน์อีกด้วย คราหนึ่งเคยคิดว่าเขาจะมิใยดีกับเรื่องพรรค์นั้น กลับกลายเป็นตัวเขาที่คิดมากไปเสียเอง

ฉินเหวินเจ๋อทอดมองทิวทัศน์แล้วนึกอยากประพันธ์กวีขึ้นมาสักบท แต่ฝืนคิดแล้วฝืนเล่า กลับหาอารมณ์ศิลป์ของตนเองมิเจอ เลยหันไปสนทนากับฟู่เสี่ยวกวน “ทิวทัศน์งดงามเช่นนี้ จะไร้ซึ่งบทกวีได้เยี่ยงไรท่านพี่ ท่านจะมิประพันธ์ออกมาสักบทหรือ ? ”

เหล่าปัญญาชนในกองทัพต่างหันมองมาที่ฟู่เสี่ยวกวน พวกเขาจำนวนมิน้อยต่างก็เป็นศิษย์ของสมาคมกวีหลานถิงและได้ยินถึงความสามารถในการพรั่งพรูบทกวีได้แค่เพียงอ้าปากของฟู่เสี่ยวกวน บัดนี้ทุกคนต่างตั้งหน้าตั้งตารอคอย

เซี้ยะเฟิงซีผู้ที่ยืนอยู่ด้านหลังของฟู่เสี่ยวกวนแววตาจับประกาย รู้สึกว่ามีสีสันขึ้นมาทันตา

ฟู่เสี่ยวกวนกลับคิดผิดแปลกจากผู้อื่น สำหรับปัญญาชนหามีคำว่า “คัดลอก” คำนี้บรรจุอยู่ไม่ ในตำแหน่งของท่านทูตเผยแพร่วัฒนธรรม เขามีหน้าที่นำบทกวีชั้นสูงเหล่านั้นบันทึกไว้ในโลกใบนี้

และแล้ว… เขาก็นำมือไพล่หลัง และยืดอกตรงด้วยท่วงท่าที่สง่างาม

“ข้าขอประพันธ์กวีหนึ่งบทให้แก่พวกท่าน กวีมีนามว่า รวยรื่นคืนวสันตฤดู”

บางคนถึงขนาดควานหาพู่กันและกระดาษใต้แขนเสื้อ แต่กลับมิมีหมึก เลยอมปลายพู่กันไว้ในปาก มิได้สนใจปากที่เต็มไปด้วยหมึกพู่กันเลยแม้แต่น้อย

“ ฝนดีรู้กาละ ยามวสันต์จึงตกพรำ

คล้อยลมลับมายามค่ำ ชุ่มฉ่ำไร้สุ่มเสียง

ยามนี้ปัญญาชนคนอื่นได้ยินแล้วพลันตระหนักขึ้นมาทันใด ตระหนักได้ว่าความรู้ของตนกับฟู่เสี่ยวกวนนั้นแตกต่างกันมากยิ่งนัก และพลันรู้ซึ้งว่าเหตุใดอู๋เชวียฟังบทประพันธ์นี้ถึงกับต้องเคารพเขาเป็นอาจารย์ ! ไอรีนโนเวล

เหล่าปัญญาชนต่างตกตะลึง แต่มิใช่เพราะฐานะของตน แต่เป็นความรู้สึกเคารพที่ออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ พวกเขาต่างโค้งคำนับถวายตัว “อาจารย์ โปรดรับข้าเป็นศิษย์ด้วยเถิด ! ”

บทกวีบทเดียว เปลี่ยนแปลงสถานะของฟู่เสี่ยวกวนต่อเหล่าปัญญาชนไปโดยสิ้นเชิง

ฟู่เสี่ยวกวนมิปฏิเสธ เขายกมือขึ้นคำนับ และพูดกล่าวในฐานะอาจารย์ “พวกเจ้าจงจำไว้เสมอ บทกวีมีไว้บ่มเพาะแค่ความสุขของตัวเจ้าเอง แต่ไร้ซึ่งความสามารถในการบริหารบ้านเมือง ในฐานะอาจารย์ ข้ามิอาจห้ามความต้องการดื่มด่ำความไพเราะของบทกวีของพวกเจ้าได้ แต่ในฐานะอาจารย์ ข้าขอให้พวกเจ้าจงแบ่งแยกเรื่องสำคัญหรือไม่สำคัญ จงอย่าลืมจิตใจที่ตั้งมั่นและพากเพียร ”

คำพูดนี้ช่างหนักแน่นและตราตรึงเข้าไปในจิตใจของเหล่าลูกศิษย์ ทำให้พวกเขาตระหนักมากยิ่งกว่าเดิม ย้อนนึกถึงเรื่องราวการค้าขายและภูมิปัญญาที่ฟู่เสี่ยวกวนเคยกล่าวในคราก่อน ย้อนนึกถึงเรื่องเล่าหนอนและผีเสื้อ ย้อนนึกถึงปริศนาที่เขาหลงเหลือให้ไขคำตอบ

ครานี้ถึงรู้ซึ้งถึงความมานะอุตสาหะของฟู่เสี่ยวกวนที่มีมาโดยเสมอ เขาพยายามเผยแพร่หลักการการบริหารประเทศมาโดยตลอด !

เขาเปรียบดั่งสายฝนยามฤดูใบไม้ผลิ ชุ่มฉ่ำไร้สุ่มเสียง แต่กลับขจัดความคิดเหยียดหยามพ่อค้าให้เหือดหายไปได้ ไม่มัวแต่คิดว่าคนเหล่านั้นมีสถานะต้อยต่ำ ถึงขนาดว่าหลายคนเริ่มมองเห็นถึงความสำคัญของเหล่าพ่อค้าขึ้นมา

แน่นอนว่ารวมไปถึงช่างไม้ด้วย

สำหรับฟู่เสี่ยวกวน ช่างไม้แม้จะดูตื้นเขินแต่เบื้องลึกคือที่มาของภูมิปัญญา

พวกเขาเหล่านั้นฟูมฟักภูมิปัญญา ประดิษฐ์และต่อยอดเครื่องไม้เครื่องมือ ดังเช่นเริ่มจากทอผ้าด้วยมือก่อนถึงจะมีเครื่องทอผ้า คนบันทึกอักษรบรรจงในกระบอกไม้ไผ่ก่อนถึงจะมีกระดาษเยี่ยงในทุกวันนี้

ในทุกวันราวกับฟู่เสี่ยวกวนเพียงแค่เอ่ยผ่าน ๆ ไป แต่กลับเป็นตราตอกฝังลึกเข้าไปในใจของเหล่าลูกศิษย์ ดังหญ้าที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งได้รับสายฝนแห่งฤดูใบไม้ผลิคืนชีวิต งอกราก แตกหน่อ มีการเจริญเติบโตที่งดงาม

ครานี้เหล่าลูกศิษย์ได้มองเขาด้วยสายตาที่มุ่งมั่นมากกว่าเดิม !

พวกเขาตรึกตรองในใจว่านี่คงเป็นอาจารย์อย่างแท้จริงของชีวิต มิใช่อาจารย์ในสำนักที่ให้พวกเขาหลับหูหลับตาอ่านเพียงตำรา ทำให้ถวิลหาการหลับใหลยิ่งนัก และมิอาจทำให้เข้าใจสัจธรรมได้มากถึงเพียงนี้

รอถึงรุ่งเช้าดูดอกไม้ชุ่มฉ่ำ แล้วเหล่าผกาจะสะพรั่งทั่วเมืองจิ่นกวน !

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)