ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่ศีรษะทำเอาเหยียนหานยู่ขาดสติ !
เขาบันดาลโทสะแล้วชักดาบสีทองของตนออกมา
“เจ้ากล้าข่มเหงข้างั้นรึ ! ข้าจักตัดหัวเจ้าเสีย ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนค่อย ๆ ยกตัวขึ้นอย่างเชื่องช้าและตบไหล่อู่หลิงอย่างแผ่วเบา เขาเดินเข้าไปหาเหยียนหานยู่ ทำให้หยูเหวิ่นหวินและต่งซูหลานที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วยเกิดความกังวลใจยิ่ง และได้ทำให้สายตาของอีกฝ่ายนั้นมองมาด้วยความพยาบาทเช่นเดียวกัน
“ก็ลองดูสิ ! ” ฟู่เสี่ยวกวนเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าของเหยียนหานยู่ “ท่านเป็นเพียงกบในกะลา ยังจะวาดฝันที่เลี้ยงม้าในทุ่งหลานหลิง จงตื่นจากความฝันนั้นเสียเถิด เลี้ยงม้าบ้าบออะไรของท่าน ! ”
ในขณะที่เอ่ยวาจานั้นเขาก็ได้ดึงจดหมายฉบับหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อแล้วสะบัดไปมาอยู่ตรงหน้าเหยียนหานยู่
“ท่านรู้หรือไม่เหล่าทหารชายแดนตะวันตกของข้าได้ขับไล่พวกเศษเดนออกจากเขตซางยู่ไปแล้ว ท่านรู้หรือไม่ว่าแคว้นอี๋ของท่านนั้นเละเทะเสียยิ่งกว่าดินโคลน แต่ท่านยังจักกล้ามาอวดดีต่อหน้าข้าอยู่อีกเยี่ยงนั้นรึ ท่านไปนำความกล้าหาญเยี่ยงนี้มาจากที่ใดกัน ท่านมิรู้หรือว่าข้านั้นเป็นใคร ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนเอ่ยวาจาด้วยสีหน้าดุดันและเขาก็ฉวยโอกาสรุกหน้าเข้าไปอีก “ท่านเป็นตัวแทนนำบัณฑิตแคว้นอี๋มาร่วมการแข่งขันกวีครานี้ ตัวท่านนั้นนับว่ามาแล้วแต่สมองเล่ามิแน่ใจนักว่าได้ทำตกไว้ในหลุมไหน ลดดาบเจ้าลงมาเสีย มิเยี่ยงนั้นข้าจะเตะไข่ของท่านเสียให้แตกกระจุย ! ”
ล้วนเป็นนักกวีกันทั้งสิ้น !
เหล่าปัญญาชนโต๊ะนั้นหรือแม้แต่ท่าป๋ายวนเองก็ตะลึงจนพูดไม่ออก !
ฟู่เสี่ยวกวน ณ เวลานี้มิมีมาดของนักกวีแม้แต่น้อย !
ตอนนี้เขาก็เหมือนอันธพาลคนหนึ่งเพียงเท่านั้น !
ฝานซีหนิงนั้นรู้จักฟู่เสี่ยวกวนดีนัก เขาได้ยินมาว่าฝีปากของฟู่เสี่ยวกวนนั้นก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้ผู้ใด สามารถด่าจนคนฟังแทบกระอักเลือดออกมาได้ เมื่อมาเจอของจริงก็รู้สึกว่าน่าตกตะลึงสมคำล่ำลือยิ่งนัก
เหยียนหานยู่แม้ว่ามือจะถือดาบด้ามใหญ่แต่ก็มิอาจฟาดลงไปได้ แต่เยี่ยงไรเสียที่นี่ก็เป็นแผ่นดินแห่งราชวงศ์อู๋ ทุกคนต่างได้รับสาส์นเชิญมาจากจักพรรดิเหวินตี้ อีกทั้งยังมีองค์หญิงไท่ผิงร่วมวงอยู่ด้วย ขืนมุทะลุฆ่าฟู่เสี่ยวกวนไป ชีวิตเขาก็คงจะจบสิ้นเช่นกัน
ในฐานะโอรสขององค์จักรพรรดิ เขาย่อมไม่กล้าพอที่จะเอาชีวิตตนเองไปแลกกับเศรษฐีที่ดินกระจอก ๆ เช่นนั้นแล้วเขาจึงรู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก แล้วต่อไปจะหาทางออกเยี่ยงไรดี ?
“ข้าจะนับสามครา หากท่านไม่ยอมวางดาบนั้นลงข้าจะเตะลูกไข่เจ้าให้กระจุยต่อหน้าทุกคน”
“สาม ! ”
“สอง ! ”
“เพล้ง ! ”
ดาบของเหยียนหานยู่ได้ตกลงมาบนพื้น แล้วฟู่เสี่ยวกวนก็หลุดยิ้มขึ้นมาทันใด เขายื่นมือไปตบหน้าฝ่ายตรงข้าม
“ฟังนะ จำใส่หัวไว้ด้วย หากมิพกสมองมาด้วยก็จงเชื่อฟัง”
ในมือของเหยียนหานยู่นั้นไม่มีดาบอยู่แล้ว แล้วยังโดนฟู่เสี่ยวกวนตบหน้าสั่งสอนอีกตั้งหลายครา แม้ว่าจะตบอย่างเบามือ แต่ศักดิ์ศรีของเขานั้นได้ถูกย่ำยีจนไม่เหลือชิ้นดีแล้ว และเขาไม่สามารถข่มใจยอมรับความอัปยศนี้ได้ เขาได้ยกขาขึ้นแล้วถีบฟู่เสี่ยวกวนเข้าอย่างจัง
ทันใดนั้นฟู่เสี่ยวกวนเมื่อโดนฝ่าเท้านั้นตัวลอยขึ้นไป เสียงดัง “อ๋า…” ช่างฟังดูน่าเวทนายิ่งนัก หลังจากนั้นก็ลอยไปตกที่เก้าอี้ตัวหนึ่งจนแหลกละเอียด แล้วร่างนั้นก็นอนแผ่อยู่บนพื้นลุกไม่ขึ้นอีกต่อไป
“อ่า… ! ” ช่วงเวลานี้ได้เกิดความวุ่นวายขึ้นมา ตงชูหลานและหยูเวิ่นหวินได้วิ่งไปหาฟู่เสี่ยวกวน กระบี่วิทยายุทธของซูเจวี๋ยได้โบยบินขึ้นแต่ก็กลับมาอยู่บนหลังเขาอย่างรวดเร็วเช่นกัน
เข็มของซูโหรวก็กำลังจะลอยขึ้นไป แต่โดนซูเจวี๋ยห้ามปรามด้วยสายตาไว้ทัน
กล่องเพลงของซูโหรวยังไม่ทันได้เปิดออกมา แต่โดนซูเจวี๋ยจับมือนางกดแน่นไว้เสียก่อน
ฝานเทียนหนิงลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เขาก้าวเดินออกไป แล้วก็ถอยกลับมาอีก
อู่หลิงรู้สึกร้อนรนแล้วจึงตะโกนขอความช่วยเหลือ “ช่วยด้วย ช่วยจัดการเจ้าบ้านั้นให้ข้าที ! ”
เหยียนหานยู่รู้สึกมึนงงเป็นอย่างมาก เขาดูเหมือนว่ากำลังสับสนว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
แต่เท้านั้นแทบจะไม่ได้แตะต้องตัวเสี่ยวกวนเลย แต่เขาเองก็ไม่ได้ดูเหมือนว่าแกล้งทำ หรือว่ากำลังภายในของตนเองนั้นจะเก่งกล้าถึงขั้นไม่ต้องแตะเนื้อต้องตัวแล้ว ?
ในขณะที่เขากำลังทำหน้ามึนงงอยู่นั้นเอง ทันใดนั้นทหารหญิงกลุ่มหนึ่งได้เข้ามาในที่เกิดเหตุ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)