นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 294

เสียงวิหคเจื้อยแจ้วแว่วดังมาจากนอกหน้าต่าง

บัดนี้ฟู่เสี่ยวกวนได้ลุกขึ้นจากเตียงนอนแล้ว เมื่อล้างหน้าล้างตาเสร็จแล้วเขาก็ได้มาฝึกสิบสามกระบวนท่ากระบี่ฉวนเจิน แท้จริงแล้วเขานั้นอยากฝึกวิชาตัวเบาเสียมากกว่า แต่ซูเจวี๋ยยังมิปรากฏตัวออกมาให้เห็น หากตกลงมากองบนพื้นนั้นคาดว่าจะบาดเจ็บมิน้อย ดังนั้นฝึกกระบวนท่ากระบี่จึงเหมาะสมกว่า

ในขณะที่กำลังเริ่มร่ายรำท่ากระบี่ ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงรถม้าดังกุกกักมาจากนอกจวนที่พัก

เขาไม่ได้ใส่ใจแล้วจึงฝึกกระบวนท่าต่อ จากนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น

เขาแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า แม้ยามนี้แสงเริ่มสาดส่องมาบ้างแล้วแต่ความมืดยังคงปกคลุมอยู่เป็นส่วนใหญ่ ผู้ใดมาเยือนตั้งแต่ฟ้าสางกัน ?

ฟู่เสี่ยวกวนเดินไปเปิดประตู แล้วจึงพบเห็นกับใบหน้าพราวเสน่ห์ส่งยิ้มมาให้ตรงเบื้องหน้าประตู ทำให้เขาตกใจเสียจนขวัญหนีดีฝ่อ !

อู๋หลิงหัวเราะร่า แล้วทำความเคารพต่อฟู่เสี่ยวกวน มิคิดฝันว่าคนที่เดินมาเปิดประตูจะเป็นฟู่เสี่ยวกวนเสียเอง “คุณชายฟู่ตื่นเช้ายิ่งนัก ข้ายังแอบกังวลว่าคุณชายจะปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมที่นี่มิได้เสียอีก” ในขณะที่ฟู่เสี่ยวกวนกำลังตะลึงกับสิ่งที่อยู่เบื้องหน้านั้น อู๋หลิงก็ได้หันไปสั่งการบ่าวรับใช้ของนางว่า “ซู่ซู่จงนำสำรับอาหารเช้าที่เตรียมไว้เข้ามา”

นางหันไปมองฟู่เสี่ยวกวนแล้วเลิกคิ้วเล็กน้อย แล้วจึงเอ่ยถามชายหนุ่มออกไปอย่างฉะฉานว่า “อะไรกัน มิต้อนรับข้าหน่อยหรือ ? ”

ฟู่เสี่ยวกวนจึงได้หลีกทางให้อู๋หลิงเดินเข้ามา แล้วยิ้มด้วยความรู้สึกละอาย “กระหม่อมมิคาดคิดว่าองค์หญิงจะเสด็จมาตั้งแต่ฟ้าสาง”

ทั้งสองได้เข้าไปนั่งในห้องโถงใหญ่ จากนั้นมีบ่าวรับใช้อีก 4 คนเดินถือกล่องอาหารกล่องใหญ่เข้ามาติด ๆ

“เมื่อลองคิดดูแล้วเช้าเยี่ยงนี้ท่านคงยังมิได้รับประทานอาหารเช้า ข้าเลยจัดเตรียมมาให้เล็ก ๆ น้อย ๆ นี่เป็นมื้อเช้าที่ดีที่สุดแห่งราชวงศ์อู๋ มีเพียงร้านซิ่งหลินจี้เท่านั้นที่สามารถปรุงรสชาติแสนเลื่องลือนี้ออกมาได้…แล้วพี่สาวทั้งสองเล่า ? ”

“เมื่อค่ำพวกนางทั้งสองต่างก็อ่อนล้ารู้สึกมิสบายตัว บัดนี้คงนอนหลับอยู่ที่เรือนด้านหลัง ”

“หม่อมฉันขอไปดูเสียหน่อย”

อู๋หลิงรีบขึ้นไปดูอย่างรีบร้อน ฟู่เสี่ยวกวนมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปแล้วยิ้มร่าออกมาพร้อมกับส่ายหัว

กระบวนท่ากระบี่นั้นคงฝึกมิสำเร็จเสียแล้ว เขาเดินเข้าไปในเรือนแล้วจึงอาบน้ำอาบท่า เมื่อเดินออกมาก็ได้พบอู๋หลิง ต่งชูหลาน และหยูเวิ่นหวินเดินจับกลุ่มหัวเราะอย่างเริงร่าเข้ามา

ทั้งสี่ได้นั่งลงตรงโต๊ะเบื้องหน้า ฟู่เสี่ยวกวนได้มองสีหน้าของต่งซูหลานและหยูเวิ่นหวินดีขึ้นกว่าวันก่อนพอสมควร เขาจึงเอ่ยถามว่า “เจ้าทั้งสองรู้สึกเยี่ยงไรบ้าง ? ”

ต่งซูหลานฟื้นตัวเร็วเป็นอย่างมาก บัดนี้นางได้กลับมาร่าเริงแจ่มใสแล้ว “ข้าดีขึ้นเยอะแล้ว แต่ทว่าเวิ่นหวิน…”

หยูเวิ่นหวินหน้าแดงเรื่อ นางจึงเอ่ยขัดว่า “เมื่อคืนข้านอนหลับมิสนิท บัดนี้มิได้ปวดศีรษะเฉกเช่นวันก่อนแล้ว แต่รู้สึกมิค่อยมีเรี่ยวแรงมากนัก ”

นางหันไปมองอู๋หลิงแล้วจึงเอ่ยออกมาต่อ “น้องสาวอู๋หลิงกล่าวไว้ว่าจะพาพวกข้าไปชมเมฆที่กวนหยุนถาย ได้ยินมาว่าทะเลหมอกที่นั้นงดงามเหลือเกิน ข้าชักอยากจะไปชมให้เห็นกับตาตนเองแล้วสิ”

แท้ที่จริงก็อยากไปดูทะเลหมอก

ทะเลหมอกมันน่าดูตรงไหนกัน ?

ทั้งสี่ทานอาหารเช้าด้วยกัน ทั้งสามนางพูดคุยกันตามประสตรี ส่วนฟู่เสี่ยวกวนนั้นเพียงนั่งฟังอย่างเงียบ ๆ

มื้อเช้านี่รสชาติช่างถูกปากเขาเสียจริง ๆ กินได้มิทันไร กลิ่นอาหารอันเย้ายวนนี้ก็ได้ส่งกลิ่นหอมเข้าจมูกของซูซูจอมตะกละเข้าจนได้

ซูซูยังคงแต่งกายด้วยชุดกระโปงสีขาวบาง ๆ ตัวนั้น เท้าเปล่าขาวเรียวคู่นั้นรีบวิ่งเข้ามาในห้องโถงทันที ดวงตาทั้งสองข้างของเบิกโผลง “ไอหยา ฟู่เสี่ยวกวน ! ท่านมีของอร่อยอยู่ก็มิรู้จักเรียกข้าสักคำ ! ”

เอ่ยเสร็จก็มิได้พูดพร่ำทำเพลง นางนั่งลงบนโต๊ะนั้นแล้วกินอย่างตั้งอกตั้งใจในทันที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)