เมื่ออาทิตย์อัสดง
ฝูงนกกาต่างพากันบินกลับรังนอน
บัดนี้ทะเลสาบสือหลี่สงบนิ่ง ผิวน้ำใสสะท้อนเงาราวกระจก
แสงจันทร์ครึ่งเสี้ยวกระทบมายังหอจิ้นสุ่ย
เดิมทีนี่คือค่ำคืนอันเงียบสงบ ราวกับภาพแห่งจินตนาการในบทกวี
แต่ทว่าการต่อสู้ ณ หน้าหอจิ้นสุ่ยกลับทำให้ภาพอันละมุนละไมนี้กลายเป็นฉากเข่นฆ่าที่แสนโหดร้ายไปเสียแล้ว
มองไปยังสภาพที่ปรากฏเบื้องหน้านี้ ฟู่เสี่ยวกวนได้แต่พึมพำอยู่ในใจว่า พวกเขาต่างหากที่น่าสลด ข้ามิเกี่ยวข้องอันใดเลย
ดาบของจั่วซีสุ่ยเปล่งแสงอันเยือกเย็นในยามพระอาทิตย์ตก เขาราวกับลอยลงมาจากท้องฟ้า ดาบที่ส่องแสงออกมาลอยพุ่งเข้าไปรวดเร็วคล้ายกับดาวตก อีกเพียงนิดหนึ่งก็ถึงตัวฟู่เสี่ยวกวนแล้ว
ฟู่เสี่ยวกวนรีบนำมือออกมาจากแขนเสื้อแล้วจับไปที่ปืนกระบอกนั้น
ซูเจวี๋ยใช้ดาบสลัดดาบทั้งสองที่กีดขวางเขาอยู่ จากนั้นกำลังจะพุ่งเข้าไปคุ้มกัน
ต่งชูหลานและหยูเวิ่นหวินหน้าซีดเผือด พวกนางกำลังจะวิ่งเข้าไปหาฟู่เสี่ยวกวนเพื่อใช้ตัวกำบังดาบที่ราวกับตกลงมาจากสวรรค์นั่น
ซูซูง้างดีดสายพิณเล็งไปยังดาบนั้น
ซูโหรวหยิบเข็มปักผ้าสะบัดออก กำลังจะปักไปยังดาบนั้นเช่นกัน
บัณฑิตทั้งหลายต่างตกตะลึง แต่ทว่าท่าป๋ายวนกับเยียนหานหวี่ยิ้มเยาะออกมาตรงมุมปาก ครานี้คงจะมิรอดเป็นแน่ เจ้าจงตายไปเสีย ! เขาผู้นี้เป็นถึงนักดาบฝีมือระดับหนึ่ง เจ้าเป็นเพียงระดับสามขั้นต้นเท่านั้น จะเอาสิ่งใดมาสู้ ?
เกาหยาเน่ยมองไปยังดาบที่พวยพุ่งมานั้นแล้วใจหาย ให้ตายสิ ! หากฟู่เสี่ยวกวนถูกดาบนี้ฟันเสียจนชีวิตมลาย เขาจะทำเยี่ยงไร ?
แต่เขาก็นึกขึ้นได้ว่า ทั้งสามคนนี้เสด็จพ่อเป็นผู้ประทานมาให้ อีกทั้งมิเคยกล่าวถึงประวัติความเป็นมา หากทั้งสามคนนี้ปลิดชีพฟู่เสี่ยวกวนจริง ๆ คาดว่าเสด็จพ่อคงจะวางแผนการไว้ล่วงหน้าแล้ว
ดังนั้นเขาจึงได้วางใจลงแล้วมองไปยังทะเลสาบสือหลี่ เหตุใดพวกหน่วยสอดแนมจึงยังมิมา ?
เขาเพียงแค่คิด แล้วหันความสนใจไปยังดาบนั่น
เขามั่นใจยิ่งว่าฟู่เสี่ยวกวนจะต้องตายหรือไม่ก็สาหัสเป็นแน่ ใครให้เจ้าแย่งชิงกับข้ากันเล่า ที่นี่คือเมืองกวนหยุนเป็นถิ่นของข้า ต่อให้เจ้าเป็นมังกรมาจากที่ใดก็จงเจียมตน แม้แต่เป็นราชสีห์ก็ควรเก็บกรงเล็บของตนเอาไว้ !
น่าเสียดายแท้ ๆ เจ้าหมอนี่ประพันธ์กวีได้มิเลวเลย ต่อจากนี้คงจะมิได้ยินกวีที่ไพเราะเช่นนี้แล้ว
แต่ทว่า ! ในฉากต่อมาเขาก็ต้องเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง !
คล้ายมีลูกชิ้นลูกโตกลิ้งลงมาจากหลังคาของหอจิ้นสุ่ย !
ลูกชิ้นมนุษย์ !
ขนาดพอดีกับโม่หิน !
ร่างกายของเขาอ้วนใหญ่กว่าเกาหยาเน่ยสามเท่า !
เขาม้วนตัวกลิ้งลงมาด้วยความเร็ว และใกล้เข้ามายังหอจิ้นสุ่ยทุกครา คล้ายกับจะกลิ้งลงมาตกลงบนหัวของฟู่เสี่ยวกวน จากนั้นวินาทีที่เขาแผ่ร่างกายออกมา เป็นจังหวะที่ดาบของจั่วซีสุ่ยกำลังจะพุ่งแทงฟู่เสี่ยวกวนพอดี เขายื่นมืออ้วนกลมขนาดเท่ากับใบต้นปาล์มออกมา
มือนี้ไม่ว่ามองเยี่ยงไรก็ดูเชื่องช้า แต่ทว่ากลับว่องไวยิ่ง
พริบตาเดียว นิ้วมือทั้งสองของเขาก็ยื่นออกมาคีบรับดาบนั้นเอาไว้
ชายอ้วนผู้นั้นลงมาสู่พื้นธรณี แต่จั่วซีสุ่ยยังคงลอยอยู่บนชั้นบรรยากาศ
เมื่อมองไปจะเห็นเป็นว่า ชายอ้วนนั่นคีบดาบของจั่วซีสุ่ยเอาไว้ แล้วยกจั่วซีสุ่ยให้ลอยขึ้นกลางอากาศ
จั่วซีสุ่ยขยับดาบ นิ้วทั้งสองของชายอ้วนท้วมจึงได้ปล่อยออกแล้วดีดนิ้วไปยังดาบเล่มนั้น “ติ๊ง… ! ” เสียงดังกังวาน จากนั้นก็พบว่าจั่วซีสุ่ยได้ตีลังกาลอยกลับไปแล้วตกลงสู่พื้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)