ตอนที่ 311 ศิษย์แห่งสำนักเต๋า
หลังจากสิ้นสุดเสียงที่เต็มไปด้วยลมปราณแต่เย็นชาของเขา การปะทะทั้งหมดในที่นี้จึงหยุดลงทันพลัน
เหล่านักรบหน่วยสอดแนมเสียหลักไปฉับพลัน และหลังจากที่เกาหยาเน่ยได้ยินว่าหน่วยสอดแนมที่รีบรุดมาช่วยเหลือได้ถูกคนผู้นั้นจัดการไปแล้ว ทั้งร่างก็พลันแข็งทื่อ
เป็นผู้ใดกันที่เก่งกาจถึงเพียงนี้ ?
ผู้มีฝีมือระดับสูงทั้งห้าที่เขาพามา นอกจากจั่วซีสุ่ยที่ถูกศิษย์รองเกาหยวนหยวนบดบังสายตาจนมองไม่เห็นผู้นั้นแล้ว อีกสี่คนที่เหลือก็ได้เหินเวหากลับไปพร้อมกัน
พวกเขาจดจำชายในชุดดำผู้นั้นได้ ศิษย์คนที่สี่ของสำนักเต๋าซูปิงปิง ซูปิงปิงเป็นเพียงบุคคลเดียวในใต้หล้าที่บำเพ็ญเพียรจนได้เป็นเทพกระบี่น้ำแข็ง !
แล้วพวกเขาจะสู้ได้เยี่ยงไร ?
ศิษย์ทั้งห้าของสำนักเต๋าได้มารวมตัวกันที่นี่ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมี 5 คนเท่ากัน แต่พวกเขาก็เข้าใจแล้วว่าห้าคนที่ตนเองพามานั้นมิใช่คู่มือของศิษย์ทั้งห้าของสำนักเต๋า
สำนักเต๋าได้ส่งศิษย์มาประจำข้างกายฟู่เสี่ยวกวนแล้วถึง 3 คน แล้วเหตุใดถึงส่งมาเพิ่มอีก 2 คนกัน พวกเขาต้องการทำอันใดกันแน่ ?
พวกเขาย่อมมิทราบเรื่องที่เกิดขึ้นที่เมืองเปียนเฉิง เป่ยหวังฉวนจากราชวงศ์อู๋ยิงธนูใส่ฟู่เสี่ยวกวนถึง 2 ดอก และหนึ่งในธนูนั้นก็ได้ทำร้ายซู่ม่อศิษย์น้องเล็กของพวกเขาจนบาดเจ็บสาหัส !
ในตอนนั้นศิษย์พี่ใหญ่คิดว่าซู่ม่อได้สิ้นชีพไปแล้ว ดังนั้นจึงได้ส่งสารไปยังที่อารามหนึ่งแผ่น ใช้เครื่องหมายอัศเจรีย์ถึง 6 ตัว นี่เป็นเหตุการณ์ร้ายแรงที่มิเคยเกิดขึ้นมาก่อน ดังนั้นเหล่าลูกศิษย์ของสำนักเต๋าจึงได้ออกมาจากอาราม
ศิษย์พี่รองเกาหยวนหยวนและศิษย์พี่สี่ซูปิงปิงจึงได้รีบมาที่นี่ ศิษย์พี่ห้าซูเตี่ยนเตี่ยนและศิษย์พี่เจ็ดซูหยางหยางในตอนนี้ก็ได้อยู่ในเมืองกวนหยุน พวกเขากำลังตามหาเบาะแสของเป่ยหวังฉวน
…..
เกาหยาเน่ยเมียงมองภูเขาเนื้อกองนั้น และหันไปมองภูเขาน้ำแข็งอีกทาง และก็เข้าใจถึงสถานการณ์ตรงหน้าแล้ว
เขาไม่ลังเลใจ และมิได้พูดอันใดเพื่อกู้หน้าของตนเองคืน
เขาโบกมืออย่างไม่ลังเล “ไป ! ”
ดังนั้นทุกคนจึงถอนตัว แม้แต่เยียนหานยวี่และท่าป๋ายวน ก็เพียงหันมามองฟู่เสี่ยวกวนอีกเล็กน้อยก่อนจะหันหลังกลับไป
แต่ทันใดนั้นฟู่เสี่ยวกวนกลับเรียกตัวเกาหยาเน่ยเอาไว้
“ประเดี๋ยวก่อน คุณชายเกาโปรดยั้งเท้า”
เกาหยาเน่ยได้ยินเยี่ยงนั้น ร่างกายพลันแข็งค้าง จิตใจตื่นตระหนกอยู่เล็กน้อย
ผู้มีฝีมือระดับสูงของยุทธภพเหล่านั้นมิได้สนว่าบิดาของเขาจะเก่งกาจถึงเพียงไหน พวกเขาไปมาอย่างไร้ร่องรอย มิว่าบิดาของเขาจะเก่งกาจเพียงใดแต่ก็ไม่สามารถนำทหารมาล้อมสังหารพวกเขาได้ ดังนั้นบิดาของเขาจึงเลี้ยงดูผู้มีฝีมือระดับสูงจากยุทธภพไว้มากมาย เยี่ยงในตอนนี้ก็ได้ให้ติดตามเขามา 2 คน แต่บัดนี้ก็ได้เห็นแล้วว่าผู้มีฝีมือที่ติดตามตนมิใช่คู่มือของกลุ่มฟู่เสี่ยวกวน
เขาหันหลังกลับ และหันไปมองฟู่เสี่ยวกวน
ฟู่เสี่ยวกวนกวักมือเรียกเขาเพื่อให้เข้าไปหา เขาครุ่นคิดอยู่เล็กน้อย และเดินเข้าไปโดยไร้คำกล่าวใด ๆ
“ข้ามิได้ต้องการให้เจ้ามาขอโทษข้า เพราะมันมิจำเป็น ข้าได้รับคำเชิญจากองค์จักรพรรดิเหวินตี้ให้มาเข้าร่วมงานชุมนุมวรรณกรรมที่เมืองกวนหยุนแห่งนี้ อย่างมากที่สุดก็จะอยู่ที่นี่เพียงไม่กี่สิบวันถึงครึ่งเดือนแล้วก็จะจากไป เจ้าก็เป็นเจ้าต่อไป และข้าก็จะเข้าร่วมงานชุมนุมวรรณกรรมของข้า ระหว่างพวกเราน้ำบ่อมิยุ่งกับน้ำคลอง ดังนั้น…ข้าจึงหวังว่าจะสามารถใช้เวลาสิบกว่าวันในเมืองกวนหยุนนี้อย่างมีความสุข เจ้าเข้าใจความหมายของข้าหรือไม่ ? ”
เกาหยาเน่ยมองฟู่เสี่ยวกวนอย่างหยั่งลึก ก่อนจะผุดรอยยิ้มขึ้นมา “ข้าคิดว่าข้าเข้าใจแล้ว แต่ว่า…เกรงว่าความสุขที่คุณชายฟู่ต้องการจะมิได้ง่ายดาย พวกเราได้คุยกันไว้ล่วงหน้าแล้ว ภายภาคหน้ามิว่าจะเกิดอันใดขึ้นกับคุณชายฟู่ ต่างมิเกี่ยวข้องกับข้า เกาฟู่ลวี่ คำพูดของข้า เกาฟู่ลวี่ สามารถเชื่อถือได้ แต่ผู้อื่นต้องการให้คุณชายฟู่ไม่มีความสุข นั่นมิใช่สิ่งที่ข้าจะสามารถยับยั้งได้ นอกจากนี้ ถึงแม้ข้าจะรับปากว่าข้าจะไม่ทำอันใดกับคุณชายฟู่อีก แต่ข้าก็ยังหวังว่าจะสามารถเห็นผู้อื่นลงมือกับคุณชายฟู่แทนข้า เมืองกวนหยุนมีเมฆมาก หวังว่าคุณชายฟู่จะสามารถเห็นดวงอาทิตย์ได้ ตัวข้าขอลา ขอให้คุณชายฟู่มีความสุข”
เมื่อกล่าวจบ เกาหยาเน่ยก็หันหลังเดินออกไป ฟู่เสี่ยวกวนจดจ้องแผ่นหลังนั้น ในใจพลันนึกถึงจัวตงหลาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)