ตอนที่ 312 องค์จักรพรรดิรับสั่งให้เข้าเฝ้า
รัชสมัยเซวียนลี่ปีที่ 9 เดือนสามวันที่สิบแปด ท้องฟ้าเริ่มสาง หมอกยามเช้าปกคลุมไปทั่วเมืองกวนหยุน
ฟู่เสี่ยวกวนยังคงตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่ และเริ่มออกกำลังกายตามนิสัยของเขา ณ คฤหาสน์จิ้งหูที่ราคาเข้าพักวันละ 125,000 ตำลึง
แม้ว่าเขาจะฝึกกำลังภายในสำเร็จแล้ว แต่เขาก็ยังมิละความพยายามในการวิ่ง
มิรู้ว่าเป็นเพราะกำลังภายในหรือเป็นเพราะพรสวรรค์กันแน่ เขาถึงได้รู้สึกว่าวันนี้วิ่งได้ดีกว่าวันอื่น ๆ มากนัก
บัดนี้เขากำลังวิ่งรอบคฤหาสน์จิ้งหู เพิ่งจะวิ่งไปได้ครึ่งรอบ ก็พบว่าหนิงซือเหยียนเหินเวหาออกมาท่ามกลางหมอกที่ปกคลุมทะเลสาบอยู่
เขายืนอยู่เบื้องหน้าฟู่เสี่ยวกวน จากนั้นก็อ้าปากหาว “สำนักพระราชวังส่งขันทีมา 1 คน กล่าวว่าต้องการพบเจ้า”
ฟู่เสี่ยวกวนชะงักลงเล็กน้อย เขาเกือบจะลืมว่าที่นี่มิใช่ราชวงศ์หยู
“ขันทีแห่งราชวงศ์อู๋ต้องการพบข้าซึ่งเป็นขุนนางในราชวงศ์หยูเพื่อสิ่งใด ? ”
หนิงซือเหยียนปลดไหสุราที่แขวนอยู่ตรงเอวออกมาดื่มเข้าไปหนึ่งอึก จากนั้นก็ได้ยกมือขึ้นเช็ดปากอย่างลวก ๆ ก่อนจะกล่าวว่า “จะมีเรื่องอันใดอีก ? แน่นอนว่าองค์จักรพรรดิเหวินตี้ต้องการพบเจ้า” เมื่อกล่าวจบก็เงยหน้ามองฟู่เสี่ยวกวนแล้วเสริมขึ้นอีกหนึ่งประโยค “เกรงว่าอู๋หลิงเอ๋อร์จะชื่นชอบเจ้าอย่างแท้จริง นางมิเลวเลย หากเจ้าได้นางมาเป็นภรรยา เรื่องราวในราชวงศ์อู๋ก็จะสามารถจัดการได้สะดวกขึ้น อย่างน้อยพวกอันธพาลอย่างเกาหยาเน่ยก็มิกล้ามารังควานเจ้าอีก แล้วเหตุใดเจ้าถึงยังผลักใสนางอีกเล่า ? ”
“เพียงแต่ว่า…หากเจ้าจะสู่ขออู๋หลิงเอ๋อร์จริง ๆ ข้าขอแนะนำว่าให้เจ้ารีบกลับไปเมืองจินหลิงให้เร็วที่สุด แม้ว่ารอบกายเจ้าจะมีผู้มีฝีมือคอยอารักขามากมาย แต่พวกเขาก็มิอาจปกป้องเจ้าได้ทุกเวลา อ่า…ข้าขอเตือนเจ้าล่วงหน้าว่าจัวตงหลายแม้จะหน้าตาดี แต่นิสัยนั้นกลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง เอาเป็นว่าข้ามิถูกชะตากับเขานัก เจ้าจงคอยระมัดระวังไว้ให้ดี”
เมื่อเอ่ยจบเขาก็เหินเวหาหายไปในท่ามกลางหมอกนี้ดังเช่นตอนมา ฟู่เสี่ยวกวนครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะวิ่งกลับไปยังคฤหาสน์จิ้งหูเพื่ออาบน้ำอาบท่า สวมใส่ชุดไท่จงต้าฟู และได้สนทนากับซูเจวี๋ยที่ตื่นขึ้นมาแล้ว ก่อนจะเดินไปทางประตู
ขันทีที่มาส่งสารนามว่าขันทีหลิน เริ่มหมดความอดทนในการรอ สีหน้าของเขาบ่งบอกถึงความไม่พอใจ
เมื่อคืนบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนของหัวหน้าขันทีถูกรังแกที่หอจิ้นสุ่ยนี้ อีกทั้งยังพ่ายแพ้ต่อฟู่เสี่ยวกวน ได้ยินมาว่าหน่วยสอดแนมกว่าสามร้อยคนได้รับบาดเจ็บอีกด้วย เมื่อหัวหน้าขันทีได้ยินเรื่องนี้เข้าก็มิได้แสดงท่าทีใดออกมา แต่เมื่อมองดูสีหน้าแล้วช่างน่ากลัวยิ่งนัก
ฟู่เสี่ยวกวนผู้นี้เพิ่งเดินทางมายังเมืองกวนหยุนเพียง 1 วันเท่านั้น แต่กลับทำให้หัวหน้าขันทีโกรธเคือง พวกมุทะลุเช่นนี้ เกรงว่าจะเรียนหนังสือมากเกินไปเสียจนเป็นบ้า
แต่เช้าตรู่เช่นนี้ มิรู้ว่าองค์จักรพรรดิทรงเรียกให้เขาเข้าเฝ้าด้วยเหตุอันใดกัน
ในขณะที่ขันทีหลินกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ฟู่เสี่ยวกวนก็เดินออกมาพอดี เขามองเห็นสีหน้าของขันทีหลินมิสู้ดีนัก แต่เขาก็มิได้ใส่ใจอันใด กลับหยิบเงิน 100 ตำลึงออกมาจากกระเป๋ายื่นส่งให้
“ขอประทานอภัย เมื่อคืนข้าดื่มสุราเสียมากเกินไปหน่อย เช้านี้จึงได้ตื่นสาย ท่านขันทีรอข้าเป็นเวลานาน จงรับสินน้ำใจเล็กน้อยจากข้าไปเถิด”
ขันทีหลินยิ้มอย่างเยือกเย็น หากรับเงินนี้ไว้ท่านหัวหน้าขันทีได้ตัดมือข้าเป็นแน่ !
“ข้ารอมาถือว่านานพอควร แต่ชื่อเสียงของคุณชายฟู่เลื่องลือไปทั่วหล้า อีกทั้งยังได้รับความเคารพนับถือจากบัณฑิตมากมาย ข้าจะกล้าคิดเล็กคิดน้อยกับคุณชายฟู่ได้เยี่ยงไร อีกทั้งจะกล้ารับเงินนี้ได้เยี่ยงไร…จงตามข้ามาเถิด อย่าให้ฝ่าบาทต้องทรงรอนานเลย”
คำเอ่ยของขันทีผู้นี้กล่าวออกมาอย่างคลุมเครือ ฟู่เสี่ยวกวนยิ้มเบา ๆ แล้วเก็บเงินคืนไป “มิทราบว่า ท่านขันทีน้อยมีนามว่าเยี่ยงไร ? ”
ขันทีหลินสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาทันใด ในใจเขารู้สึกแย่ยิ่ง เนื่องจากเขาเกลียดนักกับคำที่ผู้อื่นเรียกตนว่าขันทีน้อย !
“ข้าชื่ออะไรมิสำคัญ ที่สำคัญคือคุณชายฟู่หากไปถึงพระราชวังจวี้หัวแห่งราชวงศ์อู๋ ควรจะรับรู้ถึงข้อปฏิบัติของพวกเราด้วย ข้าจะกล่าวให้ฟังว่าต้องปฏิบัติเยี่ยงไรเมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์”
ฟู่เสี่ยวกวนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ขันทีผู้นี้ช่างไร้อารมณ์เสียจริง ข้าจะทำให้เขามีอารมณ์เอง
“ท่านขันทีน้อย ท่านเข้าใจอันใดผิดไปหรือไม่ ? ข้าคือขุนนางแห่งราชวงศ์หยู มิจำเป็นต้องคารวะองค์จักรพรรดิของราชวงศ์อู๋ ! ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)