นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 313

ตอนที่ 313 ร้องทุกข์

เขตหลวงของราชวงศ์อู๋อยู่ภายในเมืองกวนหยุน

มีขนาดกว้างและใหญ่โต เมื่อเทียบกับเขตหลวงจินหลิงของราชวงศ์หยูแล้วที่นี่ดูน่าเกรงขามยิ่งกว่า

ฟู่เสี่ยวกวนเดินตามขันทีหลินมาภายในเขตหลวงนี้ เขามองสำรวจไปรอบ ๆ หลังจากนั้นจึงได้เห็นพระราชวังที่ใหญ่โตโอ่อ่าอยู่หลังหนึ่ง

“ที่นี่คือพระราชวังจวี้หัว ข้าสามารถมาส่งท่านได้ถึงตรงนี้เพียงเท่านั้น เชิญคุณชายฟู่เข้าไปด้านใน”

“ขอบคุณท่านขันทีหลิน ! ”

ทั้งสองสบสายตา ฟู่เสี่ยวกวนหันหลังและเดินขึ้นบันไดไปยังพระราชวังจวี้หัว ขันทีหลินจดจ้องแผ่นหลังของฟู่เสี่ยวกวนหลายอึดใจ ทันใดนั้นก็แสยะยิ้มขึ้นมา และหันหลังเดินไปทางศาลาว่าการสำนักใน

100,000 ตำลึง ใช้ซื้อข่าวคราวเทพบู๊เป่ยหวังฉวน…ดูแล้วท่านหัวหน้าขันทีน่าจะยินยอมรับเงินจำนวนนี้

เขาสุขใจยิ่งนัก แต่เขาก็มิได้รับรู้ว่าในใจของฟู่เสี่ยวกวนนั้นสุขใจยิ่งกว่าเขาเสียอีก

ตอนถูกโจมตีที่เมืองเปียนเฉิง ศิษย์พี่ใหญ่ซูเจวี๋ยได้ทำให้ผู้มีฝีมือระดับสูงผู้หนึ่งถึงขั้นพิการ ฟู่เสี่ยวกวนเองก็ได้รับข่าวคราวที่เขาต้องการมาจากผู้มีฝีมือระดับสูงที่ร้องโหยหวนด้วยอาการอยู่มิสู้ตายว่า เป่ยหวังฉวนเป็นคนที่อัครมหาเสนาบดีฝ่ายขวาจัวอี้สิงแห่งราชวงศ์อู๋จ้างวานมา

แต่เพื่อให้ความร่วมมือกับการเคลื่อนไหวของเป่ยหวังฉวน ขันทีเกาจึงได้ส่งมือสังหารสองสามคนรวมไปถึงจั่วเฮิ่นฮวาศิษย์พี่ใหญ่แห่งป่ากระบี่

ปัญหาในตอนนี้คือ การเคลื่อนไหวของขันทีเกาในยามนี้เป็นคำสั่งจากผู้ใดกัน ?

ฟู่เสี่ยวกวนย่อมมิเชื่อว่าขันทีเกาอยากจะสังหารเขา พันธมิตรขององค์ชายสี่แห่งราชวงศ์หยูมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นจัวอี้สิง เพราะมีจัวอี้สิง 1 คนและพันธมิตรของเขาก็เพียงพอแล้ว มิจำเป็นที่จะต้องมีขันทีเข้ามาแทรกแซงอีก 1 คน

ดังนั้นเมื่อคืนวานในตอนที่พบกับเกาหยาเน่ยบุตรบุญธรรมของขันทีเกา เขาจึงตัดสินใจยั่วยุเกาหยาเน่ย แต่มิได้ตั้งใจจะสังหารเกาหยาเน่ยแต่อย่างใด

เขาต้องการให้ขันทีเกาทราบว่าตนเองมีเงินมากพอที่จะคุยกับเขาได้ และเขาต้องการให้ขันทีเกาทราบว่าระหว่างตนเองและเขานั้นมิมีเรื่องบาดหมางอันใดต่อกัน

สำหรับการใช้เงิน 10,000 ตำลึงเพื่อให้ขันทีหลินนำข่าวไปส่งให้ขันทีเกา เขาทำเพื่อให้ขันทีเกาเข้าใจว่า ตนเองได้รับรู้เรื่องราวมาอย่างมากมาย และเรื่องระหว่างตนกับเป่ยหวังฉวน ก็ได้อยู่ในสถานการณ์ที่ว่ามิตายมิมีทางจบสิ้น !

เขาเชื่อว่าหลังจากทันทีที่ขันทีเกาได้รับรู้ข่าวนี้ จะต้องมีการเคลื่อนไหวอย่างแน่นอน เช่นไปหาใครบางคน และเช่น เผชิญหน้ากับตนโดยตรง

นอกเสียจากขันทีเกาจะแสร้งเป็นเต่า หากเขากล้าแสร้งเป็นเต่าอย่างแท้จริง ฟู่เสี่ยวกวนลอบแสยะยิ้มอยู่ในใจ ข้าจะทำให้บุตรชายของเขากลายเป็นขันทีเช่นกัน !

…..

…..

ขนาดของพระราชวังจวี้หัวเมื่อเทียบกับท้องพระโรงเฉิงเทียนของราชวงศ์หยูแล้วถือว่าใหญ่โตกว่ามากนัก !

ในตอนที่ฟู่เสี่ยวกวนเดินเข้าพระราชวังจวี้หัวมา ก็ได้เห็นกลุ่มขุนนางและพลทหารกลุ่มใหญ่ของราชวงศ์อู๋อยู่ในนั้นด้วย เขายังคงยืนอยู่ด้านหลังคนกลุ่มนั้นอย่างเงียบงัน แต่มิได้อยู่ตรงหน้าประตูดั่งตอนที่อยู่ท้องพระโรงเฉิงเทียน แต่ได้ยืนอยู่ในแถวหลังสุดภายในโถงนี้

องค์จักรพรรดิเหวินตี้ในขณะนี้กำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์มังกร ข้างกายของพระองค์มีขันทีชราผู้หนึ่งที่เหมือนว่าจะมองเห็นฟู่เสี่ยวกวนแล้ว จึงหันไปกระซิบกับองค์จักรพรรดิเหวินตี้ หลังจากนั้นสายตาขององค์จักรพรรดิเหวินตี้ก็มองเลยผ่านกลุ่มขุนนาง มายังใบหน้าของฟู่เสี่ยวกวน

ยามที่สายตาสบกัน สายตาของเขาอ่อนโยนยิ่ง ถึงแม้ว่าฟู่เสี่ยวกวนจะมิเห็นรอยยิ้มปรากฎขึ้นบนใบหน้าขององค์จักรพรรดิเหวินตี้ก็ตาม

องค์จักรพรรดิผู้นี้รูปงามยิ่ง มองมิเห็นท่าทางเข้มงวดเยี่ยงที่เติ้งซิวเคยบอกเล่ากับเขาไว้เลยแม้แต่น้อย แต่กลับดูเป็นมิตรเสียมากกว่า

แน่นอน ฟู่เสี่ยวกวนเข้าใจว่านี่คือการเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิเหวินตี้คราแรกของตนเอง เขาจะมิสร้างทัศนคติอันใดเพียงเพราะสบตากับเหวินตี้เพียงคราเดียวเป็นแน่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)