ตอน ตอนที่ 319 หลายคนที่มีความสุข หลายคนที่ทุกข์ระทม จาก นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 319 หลายคนที่มีความสุข หลายคนที่ทุกข์ระทม คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายทะลุมิติ นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ตอนที่ 319 หลายคนที่มีความสุข หลายคนที่ทุกข์ระทม
ฟู่เสี่ยวกวนกำลังสนทนากับจักรพรรดิเหวินที่กวนหยุนถายอย่างสนุกสนาน ให้ความรู้สึกชิงชังอยู่เล็กน้อยที่เพิ่งได้รู้จักกัน
แต่ตำหนักเจิ้งหยางในเขตวังหลวงนี้ อู๋หลิงเอ๋อร์ได้ร้องห่มร้องไห้ตั้งแต่คราถูกนำตัวออกจากพระราชวังจวี้หัว
จักรพรรดินีเซียวจ้องมองดอกสาลี่ที่ผลิบานด้านนอกหน้าต่าง ด้วยสีหน้าทะมึน แต่มิได้มีโทสะเพราะเสียงร้องไห้ของอู๋หลิงเอ๋อร์ แต่เป็นเพราะฝ่าบาทได้ถอนราชโองการไป นั่นก็แสดงให้เห็นแล้วว่าข่าวลือนั้นมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นเรื่องจริงอย่างยิ่ง
“ขันทีจ้าว แจ้งขันทีเกาว่าข้าต้องการพบเขา”
“กระหม่อมจะรีบไปแจ้งในทันทีพ่ะย่ะค่ะ ! ”
อู๋หลิงเอ๋อร์ได้ยินเยี่ยงนั้น เสียงร้องไห้ก็เงียบไปทันพลัน สองตาที่พร่ามัวด้วยหยาดน้ำตาก็หันไปมองจักรพรรดินีเซียว หรือว่าเสด็จแม่ต้องการให้ขันทีเกาไปทำอะไรบางอย่างเพื่อตนเองกัน ?
แต่เยี่ยงนั้นก็จะเป็นการทำร้ายฟู่เสี่ยวกวนเอาได้ และหากฟู่เสี่ยวกวนรับรู้เข้า จะมิกลายเป็นไร้หนทางให้ถอยกลับหรือ ?
ย่อมมิได้อย่างแน่นอน !
“เสด็จแม่ จะทำเยี่ยงนั้นมิได้นะเพคะ ลูกเพียงแค่คิดอันใดมิออกเพราะความน้อยใจเท่านั้น พอได้ร้องไห้ออกมาก็เริ่มคิดตก ที่เสด็จพ่อถอนราชโองการไปย่อมมีความหมายที่ซ่อนอยู่เป็นแน่ หากเสด็จแม่สั่งให้ขันทีเกาไปก่อปัญหาให้แก่ฟู่เสี่ยวกวน…ลูกกังวลว่าเสด็จพ่อคงมิชอบใจมากยิ่งนัก”
จักรพรรดินีเซียวหันหลังกลับมาอย่างช้า ๆ และยิ้มให้กับอู๋หลิงเอ๋อร์ “น้องชายของเจ้าถูกเสด็จพ่อของเจ้าสั่งให้คัดเยาว์ชนราชวงศ์อู๋นั่นอีกแล้ว ได้ยินมาว่าเขาขุ่นเคืองอยู่ที่ตำหนักตะวันออก เขาเองก็คงกลัวเจ้าอยู่บ้าง เจ้าไปเกลี้ยกล่อมเขาเสีย กล่าวว่า…ในช่วงหลายวันนี้ โปรดอยู่อย่างสงบ หากเขายังดื้อรั้น เจ้าก็ลงโทษเขาได้เลย ส่วนที่แม่เรียกให้ขันทีเกามานั้นมิได้เกี่ยวข้องกับฟู่เสี่ยวกวน แต่แม่เพียงอยากฝากฝังบางอย่างกับขันทีเกาสักเล็กน้อย โปรดระมัดระวังความปลอดภัยภายในเมืองกวนหยุน”
“เป็นจริงเยี่ยงนั้นหรือเพคะ ? ”
“แล้วแม่จะหลอกเจ้าเพราะเหตุใดกัน ? ”
…..
…..
ช่วงเวลาใกล้เที่ยง ฟู่เสี่ยวกวนก็ได้บอกลาจักรพรรดิเหวินและเดินทางออกมาจากกวนหยุนถาย
การสนทนาในวันนี้เริ่มทำให้เขาสับสน ความเมตตาที่จักรพรรดิเหวินเผื่อแผ่ออกมานั้นมากเกินกว่าที่บุคคลทั่วไปจะได้รับ คาดมิถึงว่าจักรพรรดิเหวินจะเชิญชวนให้เขามาปักหลักที่ราชวงศ์อู๋ ทั้งยังรับปากว่าจะมอบตำแหน่งเสนาบดีระดับสูงที่สุดให้แก่เขา
นี่คงเป็นการเพ้อฝันเกินไป ทุกคนต่างเพิ่งได้พบหน้ากันเป็นคราแรก มิใช่ว่าควรจะไถ่ถามว่าเจ้าชอบทานอะไรหรือเจ้าชอบดื่มอะไรเยี่ยงนั้นหรอกหรือ ?
แต่หัวข้อเช่นนั้นกลับมิถูกเอ่ยถึงแม้แต่ประโยคเดียว !
จักรพรรดิเหวินตรงเข้าประเด็นโดยที่มิอ้อมค้อมเลยแม้แต่น้อย ความรู้สึกนี้ราวกับเดินตรงเข้าไปในเรือนหอโดยที่ยังมิได้เห็นหน้าเจ้าสาวและดับไฟโดยมิแม้แต่จะเอาผ้าที่ปิดหน้าออก และล้มลงไปบนเตียงเสียทั้งอย่างนั้น
ถึงแม้ขั้นตอนจะเบิกบานใจเป็นอย่างมาก แต่ก็ทำให้อดรู้สึกกังขามิได้ว่าเจ้าสาวคนใหม่จะเข้าตาหรือไม่
จักรพรรดิเหวินกล่าวไว้เสียมากมาย ฟู่เสี่ยวกวนเห็นขนมชิ้นใหญ่นั้นได้อย่างชัดเจน นั่นทำให้เขารู้สึกราวกับอยู่ในความฝันไปชั่วขณะ แต่ใบหน้าที่จริงใจเป็นอย่างมากของจักรพรรดิเหวินก็มิได้เผยความปรารถนาที่แท้จริงของเขาออกมาให้ได้เห็น
ดวงตาที่แผดเผาและมีสายใยความเอ็นดูนั้นถึงขั้นทำให้เขาคิดว่าตนเองเหมือนกับลูกนอกสมรสในบทละครหลังข่าว นั่นทำให้เขามีความสุขเป็นอย่างมาก !
ในฐานะวิญญาณที่มาจากต่างโลก เขาย่อมมีความสุขที่ชีวิตธรรมดามีสีสันขึ้นอีกสักเล็กน้อย และมีความสุขที่โลกนี้มีต้นขาให้เกาะเพิ่ม ดังนั้นเขาจึงไม่ปฏิเสธความเมตตาเหล่านั้นของจักรพรรดิเหวิน เขาจึงรับมันมาทั้งหมด แน่นอนว่าหากเขามิสามารถอยู่ในราชวงศ์หยูต่อไปได้แล้วอย่างแท้จริง
หลังจากนั้นเติ้งซิวก็ได้เดินเข้ามา ด้านหลังของเขามีขุนนางของสถานทูตสองคนติดตามมา โดยยกกล่องหนึ่งใบเข้ามาด้วย
“นี่คือบทความที่เหล่าบัณฑิตเขียนขึ้นมา พวกเขากล่าวว่า…นี่คือการบ้านที่นายท่านมอบให้มาระหว่างเดินทาง และให้ข้านำมาให้ท่านอ่าน”
ฟู่เสี่ยวกวนเกิดความตื่นเต้น เขาอยากจะอ่านบทความของบัณฑิตทั้งหนึ่งร้อยคนเป็นอย่างมาก ดูสิว่าจะมีสักกี่คนที่เข้าใจการค้าและการค้นคว้าได้มากพอ
ดังนั้นเขาจึงเปิดกล่องออก และเปิดอ่านแต่ละหน้าอย่างตั้งใจ
ระหว่างนั้นชุนซิ่วก็ได้นำอาหารออกมา ศิษย์สำนักเต๋าทั้งห้าและกลุ่มฟู่เสี่ยวกวนสามคนก็ได้นั่งทานข้าวในเรือนด้วยกัน
เดิมทีซูเจวี๋ยอยากจะให้ฟู่เสี่ยวกวนฝึกฝนพลังตัวเบาของเขาต่อ แต่หลังจากเห็นบทความในกล่องนั้นก็เป็นอันต้องละทิ้งความคิดนี้ไปเสีย
คิดอยู่แล้วว่าศิษย์น้องผู้นี้มิใช่ผู้ฝึกยุทธ์อย่างแท้จริง
เขาได้ปล่อยกาตัวนั้นออกไปแล้ว ผ่านไปสักระยะถึงจะได้รับจดหมายตอบกลับจากท่านอาจารย์ของเขา แต่เขาเชื่อว่าท่านอาจารย์จะต้องรับฟู่เสี่ยวกวนเป็นลูกศิษย์ของสำนักอย่างแน่นอน ถึงแม้จะกล่าวว่าศิษย์น้องผู้นี้จะไร้อนาคตในหนทางวรยุทธ์อย่างแท้จริง แต่สำหรับสำนักเต๋าแล้ว ศิษย์น้องผู้นี้กลับสำคัญอย่างหาที่เปรียบมิได้
สิ่งที่เรียกว่ายุทธภพ ท้ายที่สุดแล้วก็ยังอยู่ในดินแดนกว้างใหญ่นี้ และสำนักเต๋าก็เป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ของยุทธภพเท่านั้น
หลักคำสอนที่สำนักเต๋าเผยแพร่คือข้าเกิดมาพร้อมกับสวรรค์และผืนดิน ทุกอย่างรวมเป็นหนึ่งเดียวกับข้า สิ่งที่เสาะหาคือการอยู่รวมกันของมนุษย์และโลก ดังนั้นสำนักเต๋าจึงได้ปรากฏในยามที่โลกโกลาหล
เมื่อได้เกิดมาแล้ว ย่อมมีผู้ที่เหมาะสมโดยปริยาย หลายสิ่งหลายอย่างที่ท่านอาจารย์เตรียมไว้ต่างวนอยู่รอบตัวฟู่เสี่ยวกวน สิ่งที่เขาให้ความสำคัญย่อมเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาบนโลกใบนี้ของฟู่เสี่ยวกวน
ฟู่เสี่ยวกวนวางตะเกียบลงและอ่านบทความต่อ ทันใดนั้นดวงตาก็เปล่งประกายขึ้นมา !
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)