นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 331

สรุปบท ตอนที่ 331 เหวินซีรั่ว: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)

อ่านสรุป ตอนที่ 331 เหวินซีรั่ว จาก นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 331 เหวินซีรั่ว คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายทะลุมิติ นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ดวงอาทิตย์ลอยเหนือท้องนภา ท้องฟ้ายังคงเป็นสีฟ้าสดใส

แสงแดดที่อบอุ่นแผ่ซ่านมาที่คฤหาสน์จิ้งหูแห่งนี้ ราวกับกำลังปลุกฤดูใบไม้ผลิที่กำลังหลับไหลอยู่ ทันใดนั้นก็มีเสียงจักจั่นที่ใสดังกังวาลขึ้นมารอบด้าน

คูฉานดูสง่างาม เคร่งขรึมคฑาฉานที่อยู่ด้านหลังของเขาเกิดประกายเจ็ดสีใต้แสงแดด ประกายนั้นราวกับกำลังปกคลุมคูฉาน

เขานั่งอยู่ในจวนอย่างเห็นได้ชัด แต่ในสายตาของฟู่เสี่ยวกวน เงาของร่างนั้นกลับดูเลือนรางไปเล็กน้อย

มันสว่างจ้าจนทำให้ตาของเขาแทบจะบอด !

เกรงว่าไข่มุกเม็ดนั้นจะเป็นสมบัติที่ล้ำค่า

ต่อจากเสียงจักจั่นที่ดังกังวานขึ้นมา ทันใดนั้นร่างของคูฉานก็แผ่ประกายสีทองอร่ามออกมา มันเคลื่อนไหวออกมาคล้ายระลอกคลื่น แต่แล้วเขาก็เก็บกลับไปอย่างรวดเร็ว

ดังนั้น แสงอันมีค่าบนร่างของเขาได้หายแล้วไป และประกายเจ็ดสีจากคทาฉานนั้นก็ได้หายไปด้วย

เขาในตอนนี้สามารถมองเห็นได้ชัดเจนอย่างไร้ที่เปรียบ ราวกับพระพุทธรูปสีขาวที่ผ่านการชำระล้างด้วยฝนฤดูใบไม้ผลิ

เขาลืมตาขึ้นอย่างเชื่องช้า ในดวงตามีประกายแล่นผ่าน เขาได้กลายเป็นพระอรหันต์ที่รูปงาม

คูฉานลุกขึ้นยืน หันหน้ามองไปทางฟู่เสี่ยวกวน สองมือยกขึ้นพนม และโค้งคำนับ “อาตมา คูฉาน ขอบคุณโยมที่มีจิตเมตตาสั่งสอนอาตมาให้บรรลุได้”

…..

…..

รถม้าห้าคันได้ออกไปจากคฤหาสน์จิ้งหู

สองคันรถม้าในกลุ่มนั้นติดตามเหวินสิงโจวไปยังจวนเหวิน อีกหนึ่งในนั้นคือฝานเทียนหนิงและคูฉาน ทั้งสองคนจะไปยังสถานทูตของแคว้นฝาน ส่วนอีกคันหนึ่งมีหยูเวิ่นหวิน ต่งชูหลาน และซูซู พวกนางต้องการไปยังจวนโหวเพื่อเข้าพบองค์หญิงรองหยูหยู ยามเว่ยพวกนางต้องการไปดูรอบ ๆ เมืองกวนหยุน เพื่อดูทำเลในการตั้งร้านค้า

บนรถม้าของฝานเทียนหนิง ทั้งสองคนได้สนทนากันว่า

“เจ้าจะเข้านิกายฝูจริง ๆ เยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“พ่ะย่ะค่ะ หลังจากได้ฟังบทสวดพระโพธิสัตว์ ก็รู้สึกถึงบางอย่างขึ้นมาในใจ และตรัสรู้ถึงสัจธรรมบางอย่างขึ้นมาได้ทันพลัน”

“ลองเล่าให้ข้าฟังหน่อย ในตอนนั้นเจ้าจับสัมผัสอันใดได้บ้าง และได้รับสัจธรรมเยี่ยงไรมาบ้าง ? ”

คูฉานอ้าปากพะงาบ ในแววตาดูงุนงงเล็กน้อย…ข้าสัมผัสอันใดได้เยี่ยงนั้นหรือ และข้าได้รับสัจธรรมเยี่ยงไรน่ะหรือ ?

เขามิรู้หรอก มันช่างเลอะเลือนยิ่ง กลับกันในยามนี้เขากลับมีวรยุทธ์อย่างแท้จริง ในส่วนของกระบวนการนั้น เป็นกระบวนการที่สับสนและมึนงงมิสามารถอธิบายออกมาได้

ดังนั้นเขาจึงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ “ทูลฝ่าบาท ในชั่วขณะนั้น ราวกับมีการรดน้ำมนต์ของพระไตรปิฎก ราวกับมีแสงแห่งพระพุทธลอยลงมาจากฟากฟ้า ราวกับมีเสียงสวดที่นุ่มนวลดังอยู่ข้าง ๆ หู ราวกับได้เห็นอาณาจักรพระธรรมสีทอง ราวกับได้ฟังบทสวดพระโพธิสัตว์มาสามภพสามชาติ”

ฝานเทียนหนิงอ้าปากค้างแต่กลับพูดอะไรไม่ออก ลึกลับเพียงนั้นเลยหรือ เพราะบทสวดพระโพธิสัตว์เยี่ยงนั้นหรือ ?

ฟู่เสี่ยวกวนนำบทสวดมาประพันธ์เป็นบทกวี เพื่อเผยแพร่คำสอนเยี่ยงนั้นหรือ ?

“บทสวดพระโพธิสัตว์มีจริงเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

คูฉานจะไปทราบได้เยี่ยงไร แต่เขากลับพยักหน้ารับอย่างจริงจัง “มีจริง ๆ ! ”

“เยี่ยงนั้นคนที่เผยแพร่ใต้ต้นโพธิ์นั้นเป็นผู้ใดกัน ? ”

“…คาดว่าจะเป็นพระพุทธเจ้า แต่จากที่ดูแล้วกลับเหมือนฟู่เสี่ยวกวน…คาดว่านี่น่าจะเป็นเหตุผลที่ฟู่เสี่ยวกวนเป็นผู้กล่าวบทสวดพระโพธิสัตว์ ในใจของข้าเลยคิดถึงภาพของเขา”

“…” ฝานเทียนหนิงจ้องคูฉานเขม็ง หากผู้นำนิกายมาได้ยินคำเอ่ยเยี่ยงนี้ของเจ้าเข้า เจ้าจะต้องโดนตีก้นเป็นแน่ !

“แล้วเจ้าล่ะ ? หรือว่าเจ้าจะเป็นเด็กชายใต้ต้นโพธิ์นั่นกัน ? ”

ชายผู้นี้มิได้แตกต่างจากชายหนุ่มเหล่านั้น รูปลักษณ์มิขัดตา การแต่งกายก็เหมาะสม กิริยาท่าทางสุภาพ แต่ทว่า…แต่คนเหล่านี้นางหาได้สนใจไม่ !

“มิได้เกี่ยวข้องกับตรงนั้น เขาคือฟู่เสี่ยวกวนจากราชวงศ์หยู”

ฟู่เสี่ยวกวนเยี่ยงนั้นหรือ ?

เหวินซีรั่วตกตะลึง และพินิจพิจารณาฟู่เสี่ยวกวนอีกครา ชายผู้นี้คือคนที่ท่านปู่ยกยอให้เป็นถึงนักปราชญ์แต่กลับมิได้ดูมหัศจรรย์แต่อย่างใด

ในฐานะที่เคารพในชื่อเสียงเรียงนาม นางลุกขึ้นคำนับและกล่าวอำนวยพรแก่ฟู่เสี่ยวกวน คิดว่าคนผู้นี้มีค่าพอให้นางทำอาหารให้ทานสักมื้ออยู่เช่นกัน

นี่คือการทำอาหารหนึ่งมื้อ มิใช่การทำอาหารสำหรับตลอดชีวิต !

เพราะฟู่เสี่ยวกวนก็มิใช่ผู้ที่เหวินซีรั่วสนใจเช่นกัน !

“เยี่ยงนั้นข้าขอตัวเข้าโรงครัวก่อน…คุณชายฟู่ รบกวนท่านช่วยอยู่สนทนากับท่านปู่ด้วย สนทนากันเรื่องวรรณกรรมนะเจ้าคะ มิต้องสนทนากันเรื่องของข้า”

ฟู่เสี่ยวกวนหัวเราะขึ้นมา และลูบจมูกไปมา “เรื่องนั้นแม่นางโปรดวางใจเถิด”

“เยี่ยงนั้นก็ดีเจ้าค่ะ ! ”

เหวินซีรั่วเดินออกไป เหวินสิงโจวจึงได้เชิญฟู่เสี่ยวกวนนั่งลง ในขณะที่ต้มชาก็ถอนหายใจไปด้วย “ข้าเองก็มิทราบว่านางต้องการหาแบบใดกัน นางเป็นบุตรีคนโตของเหวินชังไห่ หลังจากที่นางเกิดมา ภรรยาของเหวินชังไห่ก็มิได้ตั้งครรภ์เป็นเวลานาน ดังนั้นถึงได้เลี้ยงดูนางเฉกเช่นเป็นบุตรชาย เลี้ยงดูจนมีนิสัยคล้ายกับบุรุษ ภายหลังเหวินชังไห่ก็ได้มีบุตรชาย ให้ซีรั่วเปลี่ยนมาใส่ชุดสตรี แต่ก็แก้นิสัยของนางมิได้ ข้าล่ะปวดศีรษะอย่างแท้จริง ! ”

“ในกรณีเยี่ยงนี้ คาดว่านางน่าจะชอบเหล่าชาวยุทธ์”

“เฮ้อ…ก็เคยหาแล้ว เคยให้นางลองศึกษาดูจอหงวนด้านบู๊หลายปีที่ผ่านมาแล้ว” เหวินสิงโจวส่ายหน้า “มิเข้าตานางเลย ช่างมันเถิด มิต้องสนทนาเกี่ยวกับเรื่องของนางแล้ว มาสนทนากันเรื่องตำราหลี่เสวียเถิดวานเจ้าโปรดชี้แนะให้ข้าด้วย”

ทันใดนั้นฟู่เสี่ยวกวนก็เกิดความคิดบางอย่างขึ้นมาว่า ไป๋ยู่เหลียนที่วิ่งวุ่นอยู่ในภูเขาเฟิ่งหลินปีนี้ก็อายุมิน้อยแล้ว เหวินซีรั่วผู้นี้ก็เป็นสตรีมีรูปลักษณ์ที่งดงาม หากทำให้นางสามารถตบแต่งกับไป๋ยู่เหลียนได้…รูปลักษณ์ของทั้งสองถือว่าเข้ากันได้เป็นอย่างดี หากมีบุตรชายหรือบุตรี ก็คงงดงามมิต่างจากดอกบัว !

เยี่ยงนั้นควรเริ่มลงมือจากที่ใดก่อนดี ?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)