ฟู่เสี่ยวกวนเดินออกจากจวนนี้ไปพร้อมกับแผนที่เดินเรืออันล้ำค่าสองแผ่น
บัดนี้ยิงฮวากล่าวกับจิ่งเปียนสงเอ้อว่า “ท่านจิ่งเปียน ข้าได้ยินมาว่าที่แคว้นหยูมิมีท่าเรือ ท่านว่าใต้เท้าฟู่ต้องการแผนที่เดินเรือนี้ไปทำไมกัน ? ”
จิ่งเปียนสงเอ้อครุ่นคิดแล้วกล่าวว่า “บางทีอาจเป็นเพราะแคว้นหยูมิมีท่าเรือ เขาถึงได้รู้สึกแปลกใจก็เป็นได้”
ยิงฮวาขมวดคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย “หากว่า…หากว่าเขาเดินทางตามเส้นทางนั้นแล้วนำเรือรบเข้าโจมตีแคว้นเราจะเป็นเยี่ยงไร ? ”
จิ่งเปียนสงเอ้อหัวเราะออกมาเสียงดัง “อย่าว่าแต่แคว้นหยูเลย ต่อให้เป็นแคว้นอู๋ที่มีท่าเรือ แต่ทว่าพวกเขาก็มิได้มีเรือรบ…” เขาชะงักลง แล้วเอ่ยออกมาอีกว่า “ฝ่าบาทมิว่าจะเป็นราชวงศ์อู๋หรือราชวงศ์หยู พวกเขาต่างก็มีที่ดินผืนใหญ่และทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์มากมาย มิต้องใช้ชีวิตท่ามกลางทะเลเยี่ยงพวกเรา ท่านเดินทางมาที่นี่กว่าครึ่งปีแล้วคงจะเห็นว่า ที่ดินของพวกเขาอุดมสมบูรณ์และอุดมไปด้วยผลิตภัณฑ์มากมาย พวกเขาใช้ชีวิตและทำงานอย่างสงบสุขอิ่มเอมใจ ชีวิตของพวกเขาแตกต่างจากพวกเราโดยสิ้นเชิง”
“ที่ทะเลนั้นอันตรายยิ่งนัก พวกเขามิจำเป็นต้องเอาชีวิตมาเสี่ยง ดังนั้นจึงมิมีความเป็นไปได้เลยที่พวกเขาจะรุกรานแคว้นของพวกเรา สิ่งที่พวกเราต้องทำคือสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับแคว้นเหล่านี้และส่งเสริมด้านการค้าระหว่างแคว้น เพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ”
ยิงฮวาพยักหน้าคล้ายกับเข้าใจ ทันใดนั้นสายตาของนางก็เป็นประกายแล้วเอ่ยถามว่า “ในเมื่อท่านฟู่เชิญชวนพวกเราให้ก่อตั้งสถานทูตขึ้น ณ แคว้นหยู…ท่านจิ่งเปียนหลังจากงานชุมนุมวรรณกรรมแห่งราชวงศ์อู๋สิ้นสุดลง ข้าสามารถเดินทางไปดูแคว้นหยูพร้อมกับท่านใต้เท้าฟู่ได้หรือไม่ ? ”
จิ่งเปียนสงเอ้อเข้าใจความคิดขององค์หญิงเป็นอย่างดี หากว่าองค์หญิงเจ็ดสามารถแต่งงานกับฟู่เสี่ยวกวนได้ก็จะเป็นเรื่องที่ดียิ่ง ได้ยินมาว่าเมืองจินหลิงเป็นเมืองที่มีความรุ่งโรจน์ อีกทั้งฟู่เสี่ยวกวนก็มีตำแหน่งหน้าที่ตั้งแต่อายุยังน้อย หากองค์หญิงเจ็ดได้เป็นภรรยาของฟู่เสี่ยวกวน…ต่อให้เป็นอนุภรรยา ก็ยังมีชีวิตที่ดีกว่าการอาศัยอยู่ที่แคว้นของพวกเขามากนัก
แต่ว่า… “ฟู่เสี่ยวกวนมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นอย่างมาก ได้ยินมาว่าเขาและองค์หญิงเก้าแห่งราชวงศ์หยูมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เกรงว่าเขา…”
ยิงฮวาหน้าแดงแล้วก้มลงมองพื้น นางคงคิดมากไปเอง ใต้เท้าฟู่มีชื่อเสียงโด่งดังทั่วทั้งหล้า จะรับคนจากต่างแคว้นเยี่ยงนางไปเป็นภรรยาได้เยี่ยงไร ?
“ข้าเพียงอยากเห็นว่าเมืองจินหลิงรุ่งโรจน์เพียงใดก็เท่านั้นเอง ข้าเพียงต้องการทำเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้แก่แคว้นของพวกเรา”
“ฝ่าบาท…เรื่องนี้ค่อยเจรจากันอีกครา”
……
……
หลังจากเดินทางออกมาจากสถานทูตของแคว้นหลิวแล้ว เติ้งซิวก็ได้พาฟู่เสี่ยวกวนไปยังแคว้นลี่ต่อ และไม่นาน เขาก็ได้รับแผนที่เดินเรืออีกหนึ่งแผ่น แคว้นลี่นั้นอยู่มิไกลจากแคว้นหยูเท่าใดนัก มีเพียงแคว้นหลางหยากั้นเอาไว้เท่านั้น
หากจะเดินทางจากแคว้นลี่ไปแคว้นหยู จะต้องข้ามผ่านแคว้นหลางหยา เมื่อเข้าเขตแดนหลางหยาแล้วก็จะถึงชายแดนตะวันออกของแคว้นหยู
แต่ทว่าแคว้นหลางหยามิอนุญาตให้แคว้นลี่เทียบท่า ดังนั้นแคว้นลี่จึงมิอาจไปยังแคว้นหยูได้ ส่วนเหตุผลก็คือ…ราชทูตจากแคว้นลี่กล่าวว่า เดิมทีทั้งสองแคว้นนั้นเคยสู้รบกันมาก่อน จึงทำให้มีความสัมพันธ์ที่มิค่อยดีนัก
บัดนี้ฟู่เสี่ยวกวนมิมีอารมณ์ไปจัดการเรื่องนี้ จึงได้เอ่ยลาและเดินทางไปยังสถานทูตหลู่ซ่ง
ฟู่เสี่ยวกวนเดินตามชายชราเข้ามาในสถานทูตหลู่ซ่ง จากนั้นเขาก็ได้กลิ่นหอมอันคุ้นเคย
เขายืนอยู่ที่กลางลานกว้าง แล้วสูดดมเข้าไปเต็มปอดด้วยท่าทางตื่นเต้น แต่เขากลับเอ่ยถามด้วยสีหน้านิ่งเรียบว่า “ท่านฮั่ว อ่า…กลิ่นหอมที่โชยมานี้มาจากที่ใดกัน ? ”
ชายชราผมขาวจึงได้ยิ้มแล้วรีบตอบว่า “เมื่อวานพ่อค้าจากแคว้นของข้าได้เดินทางมาถึงที่นี่และนำสิ่งมิทราบชื่อนี้มาด้วย เล่าว่าขุดมาจากในป่า รสชาติมิเลว ท่านใต้เท้าอยากลองชิมดูหน่อยหรือไม่ ? ”
“หากท่านสะดวก ข้าก็อยากจะขอลองชิมดูสักหน่อย”
ท่านฮั่วเดินไปยังห้องครัว จากนั้นในมือก็ได้ถือมันหวานที่เพิ่งย่างเสร็จเดินออกมาส่งให้กับฟู่เสี่ยวกวน
ฟู่เสี่ยวกวนมองไปยังสิ่งที่อยู่ในมือของเขาด้วยท่าทางดีใจ เขาหักมันหวานนั้นเป็นสองท่อน กลิ่นหวานหอมยั่วยวนใจมากยิ่งนัก
ใช่แล้ว สิ่งนี้… !
“ท่านฮั่ว ท่านยังมีสิ่งนี้อีกหรือไม่ แบบที่ยังมิได้ย่าง ? ”
เขากัดเข้าไปหนึ่งคำ รสชาติหอมหวานละมุนลิ้น เมื่อนึกได้ว่าสิ่งนี้เพิ่งถูกขุดมาจากในป่า อีกทั้งยังมิมีแม้กระทั่งชื่อ หรือว่ายังมิมีการเพาะปลูกในยุคนี้กัน ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)