ห่านฟ้าจากไป นกกระจอกบินผ่านกลุ่มหมอกมากมายเพื่อกลับไปยังรัง
อาทิตย์อัสดง เหลือเพียงเส้นสีแดงเรือง ๆ ที่ขอบฟ้า
ต่งชูหลานและหยูเวิ่นหวินกำลังลิ้มรสมันเทศที่เพิ่งย่างเสร็จใหม่ ๆ รู้สึกว่ารสชาตินี้ช่างหอมหวานมากยิ่งนัก และได้รู้สึกเสียใจกับสาวน้อยซูซูอยู่มิน้อย
ครุ่นคิดว่าซูซูจะต้องชอบรสชาติของมันเทศนี้มากเป็นแน่ แต่น่าเสียดายที่นางติดตามศิษย์พี่ใหญ่ซูเจวี๋ยและคนอื่น ๆ ออกไปจากคฤหาสน์จิ้งหูไปแล้ว กล่าวว่าจะไปตามล่าเป่ยหวังฉวน ส่วนเรื่องของยุทธภพเหล่านั้น ต่งชูหลานและหยูเวิ่นหวินมิได้นำมาใส่ใจ ยุทธภพนั้นอยู่ห่างไกลจากพวกนางอย่างมาก สิ่งที่สำคัญกับพวกนางมากที่สุดในตอนนี้คือเปิดร้านแรกที่เมืองกวนหยุนนี้
ในขณะนี้ฟู่เสี่ยวกวนกำลังฝึกพลังตัวเบาอยู่ที่ลานบ้าน หนิงซือเหยียนก็ได้เดินเข้ามา และส่งจดหมายฉบับหนึ่งให้แก่เขา
“กล่าวว่าข้าต้องส่งให้ถึงมือของเจ้าด้วยตนเอง”
“ผู้ใดส่งมากัน ? ”
“หลังจากที่กล่าวเยี่ยงนั้นและส่งจดหมายให้ข้าแล้ว ก็เดินจากไปทันที”
เอาเถอะ ฟู่เสี่ยวกวนนั่งลงเบื้องหน้าโต๊ะไม้ ในขณะที่กำลังแกะจดหมายก็กล่าวขึ้นมาอีกว่า “โต๊ะหินก่อนหน้านั้นซื้อจากที่ใดกัน หากสะดวกก็ซื้อมาอีกสักตัวเถอะ วางโต๊ะไม้เยี่ยงนี้ไว้ภายในเรือนมันค่อนข้างจะ…”
เขายังกล่าวออกมาไม่จบประโยค เพราะเขาได้เปิดจดหมายฉบับนั้นและได้อ่านมันแล้ว
สองตาของเขาเบิกกว้าง และกล่าวออกมาด้วยความตกใจอย่างยิ่ง “นี่มันอะไรกัน ! ”
ต่งชูหลานและหยูเวิ่นหวินต่างแตกตื่น และปรี่มาทันพลัน “เกิดเรื่องอันใดขึ้นเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
ข้อความบนจดหมายมีอยู่ว่า
“ตามรายงานลับในวังหลวง เมื่อคืนวาน ณ ตำหนักเจิ้งหยางจักรพรรดิเหวินได้กล่าวกับจักรพรรดินีเซียวด้วยตนเองว่า ฟู่เสี่ยวกวนคือบุตรชายของข้าและสวี่หยุนชิง ที่คลอดที่เมืองจินหลิง !
ยามที่ได้ยินข่าวนี้ ข้าน้อยตกตะลึงมากยิ่งนัก จึงนึกถึงข่าวที่เคยลือกันในวังหลวงขึ้นมาได้ ข่าวลือมีอยู่ว่าจักรพรรดิเหวินมิได้ชอบจักรพรรดินีเซียว เพราะเขารักสวี่หยุนชิงแต่เพียงผู้เดียว ระหว่างทั้งสองคนในรัชสมัยไท่เหอปีที่สี่สิบจนถึงปีที่สี่สิบสาม ได้ไปมาหาสู่กันหลายต่อหลายครา ทั้งยังคลอดบุตรชายมา 1 คน
ข้าน้อยได้ตามสืบข่าวนี้มาโดยตลอด แต่ก็ยังมิมีผลลัพธ์ใด ๆ เพราะประวัติที่เกี่ยวข้องกับองค์รัชทายาทอู๋ฉางเฟิงในสามปีนั้นได้หายไป ปัจจุบันนี้ได้ยินมาว่าตกอยู่ในมือของไทเฮา
ข้าน้อยไร้หนทางที่จะเข้าไปในตำหนักของไทเฮา ยากจะบอกได้ว่าเป็นความจริงหรือความเท็จ เดือนสิบสองโปรดนำไปแจ้งให้เจ้านายรับทราบด้วย มิว่าจะจริงหรือเท็จ ก็ต้องระมัดระวังเอาไว้
นอกจากนี้ หลังจากที่ฟู่เสี่ยวกวนมาถึงเมืองกวนหยุน จักรพรรดินีเซียวได้เรียกหัวหน้าขันทีเกาไปเข้าเฝ้าที่สำนักในถึงสองครา โปรดนำข้อความนี้กราบเชิญจักรพรรดิเหวิน ข้าน้อยเกรงว่าจักรพรรดินีเซียวกำลังคิดจะทำอันตรายบางอย่างต่อฟู่เสี่ยวกวน”
ต่งชูหลานและหยูเวิ่นหวินแทบจะหันไปมองหน้าฟู่เสี่ยวกวนในเวลาเดียวกัน ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึงอย่างถึงที่สุด
“เจ้าเป็นบุตรชายของจักรพรรดิเหวินเยี่ยงนั้นหรือ ? ” สตรีทั้งสองต่างกล่าวออกมาพร้อมกันด้วยความตกตะลึง
หนิงซือเหยียนผงะ หลังจากนั้นก็หัวเราะเสียงดัง
“ดูเหมือนว่างานเฝ้าประตูของข้านั้นจะมิเลวเสียทีเดียว คาดมิถึงว่าเจ้าจะเป็นโอรสของจักรพรรดิแห่งราชวงศ์อู๋ ! ”
“ไสหัวไป… ! ” ฟู่เสี่ยวกวนรู้สึกไม่ดีไปทั่วทั้งร่าง “นี่ต้องเป็นแผนการร้ายเป็นแน่ ! ”
“ถึงแม้เจ้าจะเก่งกาจอย่างแท้จริง แต่เจ้าคิดว่าจักรพรรดิเหวินจะวางแผนการร้ายต่อเจ้าเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
ทันใดนั้นฟู่เสี่ยวกวนก็นึกถึงตอนที่จักรพรรดิเหวินเรียกเขาให้ไปเข้าร่วมประชุมใหญ่ราชวงศ์บนพระราชวังจวี้หัว นึกถึงท่าทางดีใจและตื่นเต้นของจักรพรรดิเหวินที่แสดงออกมาตอนอยู่บนกวนหยุนถาย และนึกถึง ณ วันประชุมใหญ่ราชวงศ์ จักรพรรดิเหวินได้ถอนราชโองการที่จะให้องค์หญิงไท่ผิงสมรสกับผู้ที่ชนะงานชุมนุมวรรณกรรม… ทั้งตนเองยังเคยนินทาเอาไว้ว่าตนนั้นเป็นบุตรนอกสมรสของจักรพรรดิเหวินใช่หรือไม่ เป็นเรื่องจริงเยี่ยงนั้นหรือ ?
จ้องมองใบหน้าที่มึนงงของฟู่เสี่ยวกวนบัดนี้แล้ว หนิงซือเหยียนพลางดื่มสุราไปหนึ่งอึกก่อนจะกล่าวอีกว่า “หากเจ้าเป็นองค์ชายอย่างแท้จริง ก็เป็นโชคดีของราชวงศ์อู๋แล้ว องค์รัชทายาทอู๋กานในตอนนี้…” หนิงซือเหยียนส่ายหน้า “ข้าเคยพบคนผู้นั้นที่หลิวหยุนถาย ณ ทะเลสาบสือหลี่ เขามิมีคุณสมบัติขององค์รัชทายาท และมิมีคุณสมบัติของโอรสสวรรค์เลยแม้แต่น้อย ชายผู้นั้นเชี่ยวชาญเรื่องเคล้าสุราและการพนันเป็นอย่างดี แต่สิ่งเดียวที่มิเชี่ยวชาญก็คือการปกครองแคว้นอู๋”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ เขาก็หันหน้าไปมองฟู่เสี่ยวกวน และกล่าวอย่างจริงจังว่า “แต่มารดาของเขาคือจักรพรรดินีองค์ปัจจุบัน จักรพรรดินีเซียวเป็นสตรีที่มีความสามารถยิ่ง จักรพรรดิเหวินในตอนนั้นมิปลาบปลื้มนาง แต่นางกลับหาหนทางผ่านองค์ไทเฮา กลายมาเป็นสตรีของเหวินตี้ และก็ได้กลายมาเป็นจักรพรรดินี หนึ่งในปัจจัยนั้นย่อมมีตระกูลเซียวอยู่เบื้องหลังเป็นแน่ แต่ที่ยอดเยี่ยมก็ยังคงเป็นความสามารถของจักรพรรดินีเซียว”
“หากเรื่องนี้เป็นความจริง…” หนิงซือเหยียนจ้องมองฟู่เสี่ยวกวนด้วยสายตาจริงจังมากยิ่งนัก “เจ้าก็ควรจะต้องระวังตัวมากขึ้นแล้ว ! ”
เมื่อกล่าวจบ เขาก็ได้เดินจากไป แต่ในใจกลับคิดว่าหน้าที่ผู้เฝ้าประตูนี้…ดูเหมือนจะมิใช่งานที่ดีแล้ว !
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)