ณ ชางฮ่าย
ท้องทะเลราวกับว่าเหนื่อยล้าจากการซัดสาดคลื่นเมื่อตอนกลางวัน เมื่อท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้ม ดวงดาวจึงปรากฏขึ้น ท้องทะเลสงบลงราวกับกระจกใส
เรือลำเล็ก ๆ ล่องลอยอยู่บนกระจกบานนี้ มีโคมไฟหนึ่งดวง โต๊ะเล็ก ๆ หนึ่งโต๊ะ และมีคนสองคน สุราสองขวดและถั่วลิสงสองจานวางอยู่บนโต๊ะ
จัวตงหลายรินสุราให้แก่เป่ยหวังฉวนหนึ่งจอก
“เรื่องราวเป็นเช่นนี้ ทำให้ท่านลำบากเสียทีเดียว ท่านปู่กล่าวว่าคืนนี้เมื่อไปถึง เขาจะขอโทษท่านด้วยตนเอง”
ความสงสัยในแววตาของเป่ยหวังฉวนยังมิจางหายไป เขาเอ่ยถามขึ้นมาอีกว่า “ฟู่เสี่ยวกวนคือบุตรนอกสมรสของฝ่าบาทจริงเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
จัวตงหลายยิ้มเบา ๆ “คาดว่ามิผิดเพี้ยนเป็นแน่ บัดนี้บันทึกในสามปีนั้นได้หายไป แม้จะมีคนกล่าวว่าอยู่ในมือของไทเฮา แต่ประโยคนี้ไทเฮาทรงตรัสออกมาด้วยตนเอง มิมีผู้ใดพบเห็นบันทึกนั้น อีกทั้งฟู่เสี่ยวกวนกำเนิดมาจากสวี่หยุนชิงจริง ๆ แม้ว่าสวี่หยุนชิงจะแต่งงานกับฟู่ต้ากวน แต่จากที่ท่านปู่มองดูแล้ว เกรงว่าฟู่ต้ากวนจะเป็นคนของฝ่าบาท”
เป่ยหวังฉวนตกตะลึงมากยิ่งนัก เขามิรู้จักฟู่ต้ากวนมาก่อน แต่รู้สึกว่าเรื่องนี้ช่างไร้สาระสิ้นดี
จัวตงหลายได้อธิบายต่อไปว่า “ท่านลองคิดดูเถิดว่า เดิมทีฟู่ต้ากวนเป็นเพียงแค่จวี่เหริน แม้บรรพบุรุษจะมีที่นาในเมืองหลินเจียงบ้าง แต่ก็มิได้ใหญ่โตเฉกเช่นบัดนี้ ท่านปู่ได้ตรวจสอบฟู่ต้ากวน พบว่าในรัชสมัยไท่เหอปีที่ 41 นั้นเขาได้ซื้อที่ดินจำนวนมาก นี่หมายความว่าเยี่ยงไร ? ที่ดินมากมายเพียงนั้นต้องใช้เงินมหาศาลเลยมิใช่หรือ ? ”
“บรรพบุรุษตระกูลฟู่มิได้มีเงินทองมากมายถึงเพียงนั้น ดังนั้น…ที่มาของเงิน เกรงว่าจะเป็นฝ่าบาทที่ประทานให้ จุดประสงค์เพื่อให้สวี่หยุนชิงมีชีวิตที่ดี และหวังว่าบุตรนอกสมรสผู้นั้นมีชีวิตที่ดีด้วยเช่นกัน”
ในฐานะนักบู๊ เป่ยหวังฉวนมิได้เข้าใจในเรื่องเหล่านี้เท่าใดนัก แต่เขาก็เอ่ยถามว่า “ในเมื่อฝ่าบาททรงรับรู้ว่าฟู่เสี่ยวกวนคือบุตรชายของตนตั้งนานมาแล้ว เหตุใดจึงมิรับฟู่เสี่ยวกวนกลับมาที่เมืองกวนหยุนกัน ? ”
“หลังจากฝ่าบาททรงอภิเษกกับจักรพรรดินีเซียว ในตอนนั้นคาดว่าทรงตั้งใจจะรับสวี่หยุนชิงและฟู่เสี่ยวกวนกลับมา แต่เนื่องจากตอนนั้นยังมิได้ทรงแต่งตั้งจักรพรรดินี คาดว่าจะมอบตำแหน่งนี้ให้แก่สวี่หยุนชิง แต่คาดมิถึงว่าสวี่หยุนชิงจะป่วยแล้วจากไปเสียก่อน จึงทำให้แผนการของฝ่าบาทล้มเหลว จากนั้นจึงแต่งตั้งจักรพรรดินีเซียวขึ้นมาแทน”
“ฝ่าบาททรงทราบว่าหากองค์ชายในวัยเด็กมิมีมารดาคอยดูแล อีกทั้งในหลังวังเต็มไปด้วยภยันตราย จึงได้ละทิ้งความคิดที่จะรับฟู่เสี่ยวกวนกลับมาทิ้งไปเสีย อีกทั้งในตอนนั้นฟู่เสี่ยวกวนมีชื่อเสียงที่มิดีเท่าใดนัก ฝ่าบาทจึงทรงตั้งใจให้เขาได้ใช้ชีวิตเป็นพ่อค้าที่ดินแสนมั่งคั่งอย่างมีความสุขที่เมืองหลินเจียง แต่คาดมิถึงว่าต่อมาเขาจะมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วหล้าเช่นนี้”
เป่ยหวังฉวนเอ่ยแทรกขึ้นมาว่า “ดังนั้นฝ่าบาทจึงทรงอยากพบฟู่เสี่ยวกวน และด้วยเรื่องนี้ จึงได้ทรงจัดงานชุมนุมวรรณกรรมขึ้นเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“เป็นเช่นนั้น ราชวงศ์อู๋นั้นให้ความสำคัญกับการต่อสู้ มิเคยจัดงานชุมนุมวรรณกรรมเลยสักครา”
เป่ยหวังฉวนสูดหายใจเข้าลึก ๆ การลอบสังหารฟู่เสี่ยวกวนที่เมืองเปียนเฉิง จัวอี้สิงให้เขาเป็นคนลงมือ แต่ผู้อยู่เบื้องหลังจัวอี้สิงคือองค์ชายสี่แห่งราชวงศ์หยู
เรื่องที่ว่าองค์ชายสี่ต้องการให้ฟู่เสี่ยวกวนตาย เขาเองก็เคยได้ยินมาบ้าง เนื่องจากฟู่เสี่ยวกวนทำให้ผู้คนมากมายในเมืองจินหลิงต้องขุ่นเคือง
บัดนี้เมื่อตัวตนของฟู่เสี่ยวกวนเปลี่ยนไป กลายเป็นองค์ชายแห่งราชวงศ์อู๋…เช่นนั้นคนในราชวงศ์อู๋ที่อยากให้ฟู่เสี่ยวกวนตายคงมากมายเสียทีเดียว หนึ่งในนั้นต้องมีจักรพรรดินีเซียวเป็นแน่
จัวอี้สิงในฐานะอัครมหาเสนาบดีฝ่ายขวา เหตุใดเขาจึงได้ช่วยจักรพรรดินีในการหลอกล่อผู้คุ้มกันของฟู่เสี่ยวกวนออกไปกัน ? จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์นี่คิดสิ่งใดอยู่ ? ”
ศิษย์ทั้งเจ็ดแห่งสำนักเต๋าจะมาที่นี่ หากมิใช่เพราะอาการบาดเจ็บที่หัวไหล่ หากมิไม่ใช่เพราะสุ่ยหยุนเจียนกล่าวว่าเขามิอาจยกคันธนูได้เป็นเวลาหนึ่งปีล่ะก็ เขาก็อยากจะประลองกับพวกเขาเสียจริง
น่าเสียดายยิ่ง พวกเขามาเสียเที่ยว เมื่อกลับไปที่คฤหาสน์จิ้งหูก็เกรงว่าศพของฟู่เสี่ยวกวนคงจะเย็นชืดเสียแล้ว
เขาตกตะลึงขึ้นมาทันใด ในเมื่อฟู่เสี่ยวกวนเป็นโอรสขององค์จักรพรรดิ ส่วนตนนั้นได้ลอบสังหารเขาที่เมืองเปียนเฉิง หากว่าฝ่าบาททรงเอ่ยถามขึ้น…มิได้ ฟู่เสี่ยวกวนจะตายมิได้ !
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)