ณ ตำหนักเจิ้งหยาง
จักรพรรดินีเซียวสวมชุดสีขาวและยืนอยู่เงียบ ๆ ในลานกว้างที่ใหญ่โตแต่ว่างเปล่าไร้ซึ่งสิ่งใด มองดูแล้วอ้างว้างยิ่งนัก
สาวใช้และขันทีที่ล้อมหน้าล้อมหลังต่างถูกนางขับไล่ออกไปด้านนอกจนหมด นางอยากอยู่อย่างสงบ
มองดูหมอกหนาปกคลุมเมืองหลวงอย่างเงียบ ๆ และรอให้เมฆลดระดับลงเพื่อที่จะได้เชยชมบรรยากาศของเมืองกวนหยุน
แน่นอน ว่านางกำลังรอการมาถึงของข่าวคราวอย่างสงบนิ่ง
การเตรียมการทั้งหมดเป็นไปตามความประสงค์ของนางอย่างสมบูรณ์แบบ ต่อจากนั้น ก็เป็นเวลาของประกายดาบและเงากระบี่
ในเมื่อฝ่าบาทได้บอกตัวตนของฟู่เสี่ยวกวนกับนางแล้ว เยี่ยงนั้นฝ่าบาทย่อมวางแผนทั้งหมดเอาไว้เป็นแน่ แต่แล้วมันจะเป็นเยี่ยงไรได้ ?
หลังจากที่เรื่องจบ ฝ่าบาทย่อมบันดาลโทสะเป็นแน่ อาจจะถึงขั้นลงโทษนาง แต่นางสามารถแบกรับมันเอาไว้ได้ทั้งหมด แต่มิใช่เพราะใจของนางแข็งแกร่งพอที่จะรับมันได้ แต่เพราะนางมีต้นทุนที่จะแบกรับมันไว้ต่างหากเล่า
อัครมหาเสนาบดีฝ่ายขวาจัวอี้สิงคือคนของพระนาง โจวเปี๋ยหลีบุตรชายของจัวอี้สิงคือแม่ทัพใหญ่กองทหารม้าแห่งราชวงศ์อู๋ และภรรยาของโจวเปี๋ยหลีก็คือเซียวเวยน้องสาวของพระนาง
ผู้บัญชาการราชองครักษ์เขตวังหลวงเซียวจ้านคือพี่ชายของนาง และเป็นลุงขององค์รัชทายาท
ทั้งหมดนี้คือหมากที่อยู่ในมือของนาง !
หากฝ่าบาทหงายไพ่ที่อยู่ในมือออกมา…ตนกลัวว่าจะต้องเลือกหนทางเดียวกันกับอดีตไทเฮาเมื่อสิบสองปีก่อน อดีตไทเฮาทรงทำเพื่อราชาภิเษกองค์รัชทายาท เหตุการณ์นองเลือดแห่งทะเลสาบสือหลี่ แม้แต่อดีตจักรพรรดิก็สิ้นพระชนม์ในคืนนั้นเช่นกัน !
เป็นการดีต่อปลาในทะเลสาบสือหลี่เป็นอย่างมาก
ศพเหล่านั้นได้จมลงไปใต้ทะเลสาบ จนบัดนี้เกรงว่าแม้แต่กระดูกก็คงจะมิเหลือแล้ว
ดังนั้น จากสายพระเนตรของจักรพรรดินีเซียว ฟู่เสี่ยวกวนจะต้องตาย ก็แค่บุตรนอกสมรสเพียงหนึ่งคน เป็นไปมิได้ที่พลเรือนและทหารในราชวงศ์จะต่อสู้กับความอยุติธรรมเพื่อบุตรนอกสมรสเพียงหนึ่งคน และเป็นไปมิได้ที่จะเป็นศัตรูกับองค์รัชทายาทเพียงเพื่อบุตรนอกสมรสเพียงคนเดียว
ส่วนเรื่องที่องค์รัชทายาทมิมีใจสู้ นั่นมิได้เกี่ยวข้องกันแต่อย่างใด เมื่อถึงเวลาอย่างมากที่สุดตนก็เพียงแค่ทำงานหนักขึ้นอีกเล็กน้อย คอยช่วยเหลือเขาบริหารบ้านเมืองอยู่หลังม่านแทน
ในตอนที่จักรพรรดินีเซียวกำลังครุ่นคิด ขันทีเกาก็ได้วิ่งเข้ามา
“กราบทูลองค์จักรพรรดินี ลูกศิษย์สำนักเต๋าทั้งห้าได้เดินทางออกไปจากคฤหาสน์จิ้งหูแล้ว และกำลังจะถึงชางฮ่ายเจี้ยนหลูในมิช้า กระหม่อมได้ส่งผู้มีฝีมือระดับสูง 12 คนออกไปแล้ว และในขณะนี้ได้ทำการซุ่มโจมตีอยู่ที่คฤหาสน์จิ้งหู ภายในเมืองกวนหยุน… อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายหนานกงอี้หยู่ไปที่ตำหนักหยางซินแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
จักรพรรดินีเซียวลุกขึ้นยืนสองมือไขว้หลัง รูปลักษณ์เด่นสง่า “โจวถงถงแห่งหอเทียนจีอยู่ที่ใดกัน ? ”
สำหรับหนานกงอี้หยู่ จักรพรรดินีเซียวมิได้ใส่ใจอันใด คนผู้นี้เคยเป็นอาจารย์ของจักรพรรดิเหวิน ลำดับตระกูลในเมืองกวนหยุนก็มิได้โดดเด่นอันใด มิได้เป็นภัยคุกคามต่อนางแต่อย่างใด แต่กับผู้ที่มีท่าทางเหมือนจะหลับมิตื่นไปทั้งวันอย่างโจวถงถง… หอเทียนจีอยู่ในความรับผิดชอบของฝ่าบาทโดยตรง ถึงแม้มือของนางจะยื่นเข้าไปในหอเทียนจีแต่เนิ่น ๆ แล้ว แต่กับชายชราโจวถงถงผู้นี้นางกลับยังมองให้ขาดมิได้
“กราบทูลองค์จักรพรรดินี โจวถงถงอยู่ที่หอเทียนจีตลอดและมิได้ออกมาแต่อย่างใด”
จักรพรรดินีเซียวคิ้วขมวดมุ่น หากโจวถงถงมีการเคลื่อนไหวบ้างนางคงสบายใจกว่านี้ ตาเฒ่าผู้นั้นซ่อนอยู่ในหอเทียนจีโดยมิได้ออกมาเลยเยี่ยงนั้นหรือ…หรือว่าเขาจะแก่ตัวแล้วจริง ๆ
เหตุการณ์นองเลือดที่ทะเลสาบสือหลี่เมื่อสิบสองปีก่อน เป็นตาเฒ่านั่นที่ร่วมมือกันกับไทเฮาจนประสบความสำเร็จ !
“คอยจับตามองให้ข้า… ไม่ เจ้าจงไปที่หอเทียนจีด้วยตนเอง และต้องเห็นตาเฒ่านั่นด้วยตาของตนเองเท่านั้น ! ”
“กระหม่อมจะไปประเดี๋ยวนี้ขอรับ ! ”
ในตอนที่ขันทีเกาได้หันหลังกลับและกำลังจะเดินออกไป จักรพรรดินีเซียวกลับเรียกเขาเอาไว้อีกครา “ประเดี๋ยวก่อน นำจดหมายฉบับนี้ของข้าไป และส่งให้ถือมือพี่ชายของข้าด้วย ! ”
ขันทีเกาตื่นตกใจ ชำเลืองมองจักรพรรดินีเซียวด้วยความตื่นตระหนก นี่คือการลงมือกับฟู่เสี่ยวกวน แต่กลับลากองครักษ์หลวงเข้ามาเกี่ยวพันกับเรื่องนี้ด้วยเยี่ยงนั้นหรือ…
“มิมีอะไร เจ้าทำตามที่ข้าสั่งเอาไว้ก็พอ หลังจากที่ประสบความสำเร็จ ข้าจะมอบความมั่งคั่งให้เจ้าไปชั่วชีวิต นอกจากนี้ บุตรชายของเจ้าก็จะได้รับผลประโยชน์ไปกับเจ้าด้วย”
ขันทีเการีบคุกเข่าลงและโขกศีรษะลงกับพื้น หลังจากนั้นก็ลุกขึ้นและเดินออกไป ด้วยใจที่เด็ดเดี่ยว ในเมื่อลงเรือของจักรพรรดินีเซียวแล้ว เยี่ยงนั้นก็เสี่ยงโชคเพื่อความร่ำรวยเถิด !
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)