ตอนที่ 343 หนึ่งดาบไปยังทิศตะวันตก
เมฆหมอกได้บดบังทัศนีย์ภาพของเมืองกวนหยุนจนมิด
และเมฆหมอกก็ได้ปลิวพัดมาปกคลุมภายในตำหนักเจิ้งหยางแห่งนี้เช่นกัน มองดูแล้วราวกับดินแดนแห่งสวรรค์
จักรพรรดินีเซียวยังคงยืนสองมือไพล่หลังอยู่ที่ลานกว้าง ดวงจันทร์และดวงดาราได้ถูกเมฆหมอกที่หนาทึบนี้บดบังไปแล้ว และมิสามารถมองเห็นได้อีกต่อไป
แต่นางยังคงเงยหน้ามองไปยังฟากฟ้าอยู่ดังเดิม ราวกับต้องการทะลุเมฆหมอกนี้ออกไปเพื่อมองเห็นดวงดาวที่สว่างไสว
ทันใดนั้นนางก็ยื่นมือข้างหนึ่งออกไปปัดในเมฆหมอกนี้ ราวกับอยากจะปัดเมฆหมอกที่บดบังสายตาของนางเหล่านี้ให้หายไปเสีย หลังจากนั้นนางก็หลุดยิ้มออกมา…เมืองกวนหยุนที่ใหญ่โตบัดนี้ถูกเมฆหมอกบดบังเสียจนมิด ต้องทำเยี่ยงไรจึงจะลบออกไปได้
นางยื่นมือออกไปกำเมฆหมอกอย่างแผ่วเบา หลังจากนั้นก็ดึงมือกลับมา เมื่อแบมือออก นอกจากสัมผัสที่เย็นชื้นในฝ่ามือ ก็มิมีสิ่งใดอีก
เมฆหมอกที่อยู่เบื้องหน้านี้มีรูปร่างชัดเจน แต่ไร้หนทางจะจับเอาไว้ได้ เยี่ยงนั้น ท้ายที่สุดแล้วเมฆหมอกนี้คือสิ่งใดกัน ?
นางมิชอบให้หมอกปกคลุมเมืองหลวง เพราะนางมิชอบให้มีสิ่งอื่นใดมาบดบังการมองเห็นของนาง และขวางเส้นทางของนาง !
นางโบกแขนเสื้อไปมา แขนเสื้อของนางหมุนตลบอยู่ใจกลางเมฆหมอก ราวกับมังกรตัวยาวที่กำลังโจมตีท้องทะเล ดังนั้นเมฆหมอกจึงม้วนตลบไปมา ไหลวนอย่างเกรี้ยวกราด และโหมซัดขึ้นมา แขนเสื้อของนางแยกออกไปสองทาง คาดมิถึงว่าเมฆหมอกเหล่านั้นจะแปรเปลี่ยนรูปไปตามแขนเสื้อของนาง
ดังนั้น หมอกภายในลานกว้างนี้จึงแบ่งออกไปสองฟาก วิสัยทัศน์ของนางกว้างไกลออกไป แต่ก็ยังมิสามารถมองเห็นดวงดาราบนท้องฟ้าได้ นางสามารถเปิดให้มองเห็นเบื้องหน้า แต่มิสามารถเปิดไปถึงเบื้องบนฟากฟ้าได้
ได้ผ่านไปแล้วหนึ่งชั่วยาม ฝ่าบาทยังคงดื่มชาและเล่นหมากรุกกับหนานกงอี้หยู่อยู่ในตำหนักหยางซิน ทั้งยังดูสุนทรีมากยิ่งนัก
นางแค่นยิ้มเย็นชา คิดว่าหากตนนำข่าวการตายของฟู่เสี่ยวกวนไปยังตำหนักหยางซิน เขาจะยังสามารถสงบสติอารมณ์ได้หรือไม่
และในยามนี้เอง ขันทีเกาก็ได้วิ่งเหยาะ ๆ ตรงมายังข้างพระวรกายของจักรพรรดินีเซียว
“กราบทูลองค์จักรพรรดินี โจวถงถงแห่งหอเทียนจีมิเคยอยู่ในหอเทียนจีเลยพ่ะย่ะค่ะ”
จักรพรรดินีเซียวตกตะลึงทันพลัน ดวงตาหงส์ของนางแสดงอาการหวาดระแวงขึ้นมาทันพลัน “เขาอยู่ที่ใดกัน ? ”
“เขา เขา…”
“เอ่ยมา… ! ”
ขันทีเกาคุกเข่าลงกับพื้นเสียงดัง “กราบทูลองค์จักรพรรดินี โจวถงถงใช้แผนปิดฟ้าข้ามทะเล เขาอยู่ภายในจวนของอัครมหาเสนาบดีฝ่ายขวาจัวอี้สิงพ่ะย่ะค่ะ”
จักรพรรดินีเซียวถอนหายใจยาว และพ่นออกมาเพียงคำเดียวว่า “โอ้…”
แต่ขันทีเกายังคงคุกเข่าอยู่ดังเดิม หน้าผากของเขาแตะอยู่ที่พื้น และยังกล่าวอีกว่า “กราบทูลองค์จักรพรรดินี โจวถงถงได้นำกองกำลังจี๋เฟิงแห่งหอเทียนจีไปปิดล้อมจวนอัครมหาเสนาบดีฝ่ายขวาพ่ะย่ะค่ะ ในยามนี้…ในยามนี้โจวถงถงกำลังดื่มน้ำชากับอัครมหาเสนาบดีฝ่ายขวาในห้องอักษรพ่ะย่ะค่ะ”
นี่มันหมายความว่าเยี่ยงไรกัน ?
เป็นไปได้หรือไม่ที่ฝ่าบาทจะมอบราชโองการลับให้แก่โจวถงถง ?
นี่คือการใช้ชีวิตคนหลายพันคนในจวนจัวอี้สิงมาบีบบังคับจัวเปี๋ยหลีเยี่ยงนั้นหรือ ?
“ราชองครักษ์ในเขตวังหลวง เป็นเยี่ยงไรบ้าง ? ”
“เรียนองค์จักรพรรดินี ท่านแม่ทัพเซียวจ้าน…”
จักรพรรดินีเซียวหันกลับมาในทันใด ดวงตาทิ่มแทงราวกับกระบี่ ทันใดนั้นขันทีเกาก็รู้สึกเย็นวาบไปทั่วร่าง
“มิทราบเช่นกันว่าหนิงฝาเทียนเข้ามาในเมืองกวนหยุนตั้งแต่เมื่อใดพ่ะย่ะค่ะ ในยามนี้…ท่านแม่ทัพเซียวได้ถูกทหารชุดแดง 3,000 นายที่นำโดยหนิงฝาเทียน นำตัวไปยังหอเทียนจีแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
จักรพรรดินีเซียวเงียบไปเนิ่นนาน ขันทีเการู้สึกว่าช่วงเวลานี้ผ่านไปได้เชื่องช้ายิ่ง
“ฟู่เสี่ยวกวนตายแล้วหรือไม่ ? ”
ขันทีเกาตอบเสียงแผ่ว “เป่ยหวังฉวน…กลับมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ ! ”
“ก็แสดงว่ายังมิสิ้น ! ” สุรเสียงของจักรพรรดินีเซียวดังขึ้นมาทันพลัน “ในเมื่อเขายังมิตาย เยี่ยงนั้นเจ้าก็ตายเสียเถอะ ! ”
“องค์จักรพรรดินีโปรดช้าก่อนพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม…กระหม่อมเพิ่งได้ข่าวมาว่าฟู่เสี่ยวกวนถูกมีดบินทั้งห้าของกงซุนเข้าไป คาดว่า…คาดว่ามีความเป็นไปได้ที่จะสิ้นชีพไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“นั่นคืออดีตสตรีของกงซุนเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
จักรพรรดินีเซียวไม่ได้กล่าวอันใดอีก เกิดรอยยิ้มผุดขึ้นมาบนใบหน้าของนาง
เมฆหมอกที่ถูกนางแบ่งตัวเมื่อครู่ได้กลับมารวมตัวกันอีกครา ดังนั้นวิสัยทัศน์เบื้องหน้าของนาง ก็กลับมามิชัดเจนอีกครา
แต่นางกลับมิได้สนใจ และกล่าวอย่างผ่อนคลายขึ้นมาว่า “เตรียมเกี้ยว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)