นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 359

เหวินสิงโจวไร้หนทางจะปกปิดความตื่นเต้นของตนเองได้

ถึงแม้เขาจะเทิดทูนฟู่เสี่ยวกวน แต่มันก็เกิดขึ้นหลังจากที่ได้อ่านบทกวีและบทความของฟู่เสี่ยวกวน

สิ่งที่เรียกว่าบทกวีหรือบทความนั้น มักจะผ่านการขัดเกลาจากผู้ประพันธ์อย่างสุดกำลังแล้วถึงจะปล่อยออกมาได้ ดังนั้นแม้แต่ ‘ชิงหยู่หว่าน ค่ำคืนแห่งหยวนเซียว’ ที่ฟู่เสี่ยวกวนได้ประพันธ์ออกมาในงานกวีหลานถิง ณ งานเทศกาลโคมไฟ จนทำให้ ‘โต๊ะหยก งานโคมไฟ’ ที่เขาเคยประพันธ์ไว้ตกไปอยู่ลำดับที่สอง เขาก็ยังคิดว่านั่นคือผลลัพธ์ของการไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนของฟู่เสี่ยวกวนแล้ว

ในตอนนี้เป็นคราแรกที่เขาได้เห็นฟู่เสี่ยวกวนลงพู่กัน ตั้งแต่ที่หัวข้อได้ถูกปล่อยออกมาจนถึงตอนที่เขาวางพู่กันลงหลังจากที่เขียนเสร็จ ใช้เวลาเพียงไม่เกินหนึ่งถ้วยชา

กล่าวจากใจจริง กลอนตุ้ยเหลียนสองบทนี้ต่อให้เหวินสิงโจวผู้นี้ออกมาประพันธ์ เขาก็ยังต้องใช้เวลาคิดอย่างน้อยที่สุดก็ครึ่งชั่วยาม

ดังนั้นในยามที่ได้เห็นฟู่เสี่ยวกวนลงมือเขียนเซี่ยเหลียนของกลอนตุ้ยเหลียนทั้งสองแผ่นอย่างแท้จริง ยามที่มองดูฟู่เสี่ยวกวนวางพู่กันลงและเดินออกไป เขาจึงรู้สึกสับสนไปเล็กน้อย หรือว่าฟู่เสี่ยวกวนมาเพียงขอไปทีเท่านั้น เขาปล่อยวางการแข่งในวันนี้ไปแล้วเยี่ยงนั้นหรือ ?

ดังนั้นเขาจึงรีบเดินลงไป หลังจากนั้นคิ้วก็ขมวดขึ้นมา อักขระเมื่อมองดูแล้วน่าสยดสยองเสียจริง !

ท่าทางที่เขาแสดงออกมานั้นได้ตกอยู่ในสายตาของบัณฑิตจำนวนมาก ดังนั้นจิตใจของบัณฑิตเหล่านั้นจึงได้โลดแล่นยิ่งขึ้น ด้วยท่าทางดูถูกของท่านเหวินผู้นี้ ต้องเป็นเพราะเซี่ยเหลียนของฟู่เสี่ยวกวนนั้นย่ำแย่เป็นแน่

เยี่ยงนั้น ชัยชนะในครานี้ย่อมเป็นของพวกเขาเป็นแน่

บัณฑิตจำนวนมากต่างถอนหายใจอย่างโล่งอก ฟู่เสี่ยวกวนผู้นี้ มอบแรงกดดันให้กับพวกเขามากเสียจนเกินไป

“ข้าบอกแล้วว่าเขาใช้กลยุทธ์เพื่อทำให้จิตใจของพวกเราสับสน แต่ทุกท่านก็ยังต้องเปิดสัมผัสทั้งสิบสองขึ้นมา เยี่ยงไรแล้วราชวงศ์หยูก็ยังเหลืออยู่อีก 100 คน ได้ยินมาว่าส่วนมากต่างก็เป็นสมาชิกของสมาคมกวีหลานถิง อย่าได้ประมาทพวกเขาเชียว”

คุณหนูถังซานลำพองใจ คำเอ่ยนี้ได้รับการเห็นชอบจากบัณฑิตราชวงศ์อู๋

จัวตงหลายยังคงเอาสองมือไขว้หลัง บนใบหน้าก็ยังคงเป็นรูปลักษณ์ที่มิอาจคาดเดาได้ เพียงแค่มิมีผู้ใดทราบว่าในชั่วพริบตาที่เขาเห็นคิ้วของเหวินสิงโจวขมวดขึ้นมา ในที่สุดความกังวลใจก็ได้ถูกปลดปล่อย

…ฟู่เสี่ยวกวนยอมแพ้ไปแล้ว คิดไปแล้วก็เป็นเรื่องปกติ มิมีผู้ใดสมบูรณ์แบบในใต้หล้า บางทีเขาอาจจะเก่งกาจในเรื่องของบทกวีและบทความ แต่กลับตุ้ยเหลียนที่ถึงแม้จะง่าย แต่ก็ยังต้องใช้ความคิด

กล่าวได้ว่า เขาวางจิตใจและกำลังไว้ที่บทกวีในวันพรุ่งนี้และบทความในวันมะรืน

ต่อจากนั้นเหวินสิงโจวก็ได้นำกลอนตุ้ยเหลียน 2 ฉบับนั้นเดินไปทางหอป๋อเสวีย ซึ่งนั่นมิได้กระตุ้นการคาดเดาของเหล่าบัณฑิต คาดว่าท่านเหวินคงผิดหวังเป็นอย่างมาก จึงอยากจะนำบทโคลงนี้ไปให้นักปราชญ์อีกแปดท่านได้เชยชม

สำหรับการตัดสินในครานี้ บัณฑิตนับพันในลานกว้างแห่งนี้ นอกจากบัณฑิตร้อยคนจากราชวงศ์หยูแล้ว แม้แต่ฝานเทียนหนิงก็คิดเยี่ยงนั้นเหมือนกัน

ดังนั้นเขาจึงเอ่ยถามฉินเหวินเจ๋อว่า “อาจารย์ของพวกเจ้า มิวางแผนที่จะชนะแล้วจริง ๆ เยี่ยงนั้นหรือ ? ”

ฉินเหวินเจ๋อรู้สึกว่าคนผู้นี้ช่างโง่เขลายิ่ง

“การที่เจ้ากล่าวเยี่ยงนั้นก็มิถูก ในเมื่ออาจารย์มาแล้ว มิว่าผู้ใดก็มิสามารถฉกฉวยรางวัลไปจากมือเขาได้ ! ”

“…ถึงแม้เขาจะเป็นอาจารย์ของพวกเจ้า แต่เขาก็ต้องเผชิญหน้ากับความจริง ข้าเพียงแค่เพียงเอ่ยตามความจริงเท่านั้น น่ากลัวว่าเขานั้นจะไร้ความหวังแล้วอย่างแท้จริง”

ฉินเหวินเจ๋อหน้าเสียทันพลัน “เห็นเจ้าสนทนากับอาจารย์ คาดว่าคงมีความสัมพันธ์กับอาจารย์อยู่บ้าง ข้ามิได้จะตำหนิเจ้า แต่ความเข้าใจที่เจ้ามีต่ออาจารย์…มิถึงแม้แต่ปลายภูเขาน้ำแข็ง ! ”

ฝานเทียนหนิงถูกดูถูกทั้งอย่างนั้น เขาเลิกคิ้วขึ้น ไม่ได้แก้ตัวแต่อย่างใด ลอบคิดว่าฟู่เสี่ยวกวนมีชื่อเสียงในราชวงศ์หยูเป็นอย่างมาก มันเป็นเรื่องที่ปกติที่บัณฑิตเหล่านั้นจะเลื่อมใสในตัวเขา เยี่ยงนั้นก็ให้ผลลัพธ์ในตอนท้ายมาตัดสินเอาก็แล้วกัน

…..

ณ อาคารสามชั้นหอป๋อเสวีย

นักปราชญ์ทั้งแปดนั่งอยู่ทั้งสองฟากฝั่งของโต๊ะยาว

เหวินสิงโจวเดินขึ้นมาบนตึกด้วยท่าทีรีบร้อน เขาวางซั่งเหลียนสองบทนั้นไว้บนโต๊ะ และวางเซี่ยเหลียนอีกสองบทที่ฟู่เสี่ยวกวนเป็นผู้ประพันธ์ไว้อีกด้าน โค้งคำนับให้แก่ไทเฮาและกล่าวว่า “ทูลไทเฮาคำตอบชุดที่หนึ่งของวันนี้ได้ออกมาแล้ว ไทเฮาได้โปรดทรงทอดพระเนตรด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

ไทเฮาคิ้วขมวดเล็กน้อยยามที่มองไปทางเหวินสิงโจว และเอ่ยถามอย่างสงสัย “เร็วถึงเพียงนี้เลยหรือ บัณฑิตผู้ใดเป็นผู้ประพันธ์กัน ? ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)