นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 363

ดอกสาลี่ขาวผ่องลอยล่องอยู่ในถ้วยชา ในป่าเขามีเสียงวิหคขับกล่อมอย่างแผ่วเบาและมีเสียงน้ำหยดจากน้ำพุดังแว่วเข้ามาให้ได้ยินเป็นบางครั้วบางครา

หากได้พักผ่อนตามอัธยาศัยแล้วดื่มชาดอกสาลี่สักถ้วย พร้อมกับชมดวงอาทิตย์อัสดงและฟังเสียงแห่งธรรมชาติ คิดดูแล้วคงจะเป็นภาพที่งดงามยิ่งนัก

แต่ทว่าบัดนี้จิตใจของฟู่เสี่ยวกวนนั้นกลับมิได้รื่นรมย์กลับทัศนีย์ภาพเบื้องหน้าเท่าใดนัก

เดิมทีเขาคิดว่าตนในฐานะคนนอก สถานภาพของตนคงมิตกเป็นที่สนใจมากนัก

แต่เรื่องราวกลับพลิกผันเมื่อหญิงชราผู้นี้ได้ล่วงรู้ถึงปัญหาเรื่องตัวตนที่แท้จริงของเขาและปัญหาที่ตนกำลังประสบอยู่ แล้วได้ยิงคำถามที่คล้ายคลึงกับปัญหาของตนออกมา

เรื่องไร้สาระพวกนี้ทำให้เขากลัดกลุ้มใจมากยิ่งนัก

เขาจิบชาดอกสาลี่เข้าไป ชาถ้วยนี้รสชาติจืดชืดยิ่ง ไร้ซึ่งรสชาติและกลิ่นหอมอบอวลที่แฝงอยู่ในดอกสาลี่

“ท่านผู้อาวุโสขอรับ คนแต่ละคนนั้นย่อมแตกต่างกัน ท่านมิอาจนำข้าน้อยไปเปรียบเทียบกับบุตรชายนอกสมรสของลูกชายท่านได้ ตัวข้าน้อยนั้นมิคาดหวังความเจริญก้าวหน้าให้ตนเองเท่าใดนัก ข้าน้อยขอเอ่ยตามตรงว่ายามนี้เมื่อปีกลายข้าน้อยยังคงเป็นเด็กหนุ่มผู้เสเพล แม้ว่าหลังจากนั้นจะเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาบ้าง แต่ความฝันอันสูงสุดของข้าน้อยก็คือเป็นเศรษฐีที่ดินแห่งเมืองหลินเจียง ไร้กังวลเรื่องความเป็นอยู่และเครื่องนุ่งห่ม มีหญิงรู้ใจคอยอยู่เคียงข้าง สามารถนอนแล้วตื่นยามใดก็ได้ที่ใจต้องการ รับเงินทองหนักอึ้งจนเมื่อยมือ คืนวันเช่นนี้ช่างสำราญใจยิ่งนัก เหตุใดข้าน้อยจำต้องไปเป็นองค์จักรพรรดิให้ทุกข์ทรมานด้วยเล่า”

เมื่อได้ยินคำเอ่ยนี้หลุดออกมาจากปากของชายหนุ่ม หนานกงตงเซวี๋ยจึงลอบยิ้มตรงมุมปาก

แต่สิ่งที่เขาตอบกลับทำให้หญิงชราผู้นั้นตกตะลึง นางแทบจะไม่อยากเชื่อว่าบนผืนปฐพีนี้ยังมีคนที่ไม่ต้องการเป็นจักรพรรดิหลงเหลืออยู่อีก

“แต่นั่นก็เป็นถึงตำแหน่งองค์จักรพรรดิเชียวนะ ! ”

“แล้วเยี่ยงไรเล่า ? หนึ่งวันก็กินสามมื้อเช่นเดียวกัน นอนก็นอนได้แค่บนเตียงเฉกเช่นเดียวกัน ท่านผู้อาวุโสขอรับ ชีวิตคนนั้นสั้นมากยิ่งนัก ตัวข้าน้อยเพียงแค่ต้องการให้ตนได้ใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่า แล้วตัวท่านเล่า ลูกหลานก็ย่อมมีความสุขตามอัตภาพของเขา ท่านอย่าได้กลัดกลุ้มใจมากเสียจนเกินไปเลยขอรับ จงมองโลกตามสัจธรรมความเป็นจริง มิละโมบในชื่อเสียงและเงินตรา เช่นนี้ก็จะสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้อย่างแท้จริง…สุขที่แท้จริงเกิดขึ้นจากจิตใจของตัวเราเอง”

มือที่กำลังรินชาของหนานกงตงเซวี๋ยนั้นได้หยุดชะงักลงทันพลัน แววตาของหญิงชราผู้นั้นได้จรัสประกายขึ้นมาเช่นกัน

จงมองโลกตามสัจธรรมความเป็นจริง มิละโมบในชื่อเสียงและเงินตรา เช่นนี้ก็จะสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้อย่างแท้จริง…สุขที่แท้จริงเกิดขึ้นจากจิตใจของตัวเราเอง !

ชายหนุ่มผู้นี้เขาเพิ่งจะอายุ 17 ปีแต่มีดวงตามองเห็นสัจธรรมบนโลกได้ถึงเพียงนี้แล้วเยี่ยงนั้นหรือ ?

หากลองนำประโยคที่เขาได้เอ่ยออกมาเมื่อครู่แล้วใคร่ครวญดู หรือว่าเขาจะเป็นผู้สันทัดในหลักพระธรรมอย่างแท้จริง ?

หญิงชราได้เกิดภาพมากมายขึ้นมาในจิตใจ ผ่านไปเพียงชั่วครู่ นางจึงได้เอ่ยถามอีกคราว่า “คนเราที่มีชีวิตอยู่ หลายคราก็มิได้มีไว้เพื่อตนเอง เฉกเช่นข้าที่ปรารถนาจะให้วงศ์ตระกูลสืบสานไปได้อย่างราบรื่น เพราะในวงศ์ตระกูลนี้ก็ยังมีอีกหลายชีวิตและพวกเขาต้องพึ่งใบบุญของวงศ์ตระกูล หากวันหนึ่งวงศ์ตระกูลล่มสลายลง พวกเขาก็คงจะกลายเป็นขอทานข้างถนน ดั่งคำที่พุทธศาสนาได้กล่าวไว้ว่า จงมีเมตตากรุณา เมื่อเกิดมาเป็นคนก็จงมีจิตใจเมตตา หากลองย้อนมองมาที่ตัวเจ้า เจ้ามีพรสวรรค์ที่มิมีใครเหมือน แต่ด้วยสถานภาพของเจ้า เจ้ามีกำลังที่จะช่วยเหลือได้เพียงคนกลุ่มหนึ่งหรือแค่เมืองเมืองหนึ่งเท่านั้น แต่ถ้าหากเจ้าได้เป็นองค์จักรพรรดิขึ้นมาเสียล่ะก็ เจ้าก็จะสามารถช่วยเหลือผู้คนได้ทั่วทั้งผืนปฐพี”

“อีกอย่าง…หากเจ้าช่วยเหลือชาวบ้านนั้นได้บุญวาสนามากยิ่งนัก จักมัวให้ตนสุขสำราญแล้วทนเห็นผู้คนลำบากได้เยี่ยงไรกัน ? ”

ฟู่เสี่ยวกวนฝืนยิ้มอยู่ลึก ๆ ในใจ หญิงชราผู้นี้เป็นผู้มีเมตตาค้ำจุนโลกได้ถึงเพียงนี้เลยเยี่ยงนั้นหรือ ผู้คนทั้งผืนปฐพีคงจะคู่ควรกับความเมตตาของนางเยี่ยงนั้นหรือ ?

“ท่านผู้อาวุโส พวกเราทุกคนต่างก็มีเป้าหมายของตนเอง ท่านจงมองบ่าที่ผอมแกร็นของข้านี่สิ ข้าจะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนไปค้ำจุนผู้ประสบทุกข์ได้ยากทั่วผืนแผ่นดิน ข้าน้อยนับถือในความคิดของท่านอย่างแท้จริง แต่ชีวิตของข้าไร้ซึ่งเป้าหมายอื่นใด เพียงแค่อยากเป็นเศรษฐีที่ดินเสวยสุขไปวัน ๆ ก็เพียงเท่านั้น”

“เยี่ยงนั้นเจ้ามีความเห็นเยี่ยงไรกับครอบครัวข้า ? ”

“ในเมื่อหลานคนโตของท่านยังเป็นชายหนุ่ม หากได้บ่มเพาะเขาดี ๆ สักวันเขาคงมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะดูแลทรัพย์สมบัติของวงศ์ตระกูล”

“หากบ่มเพาะมิสำเร็จเล่า ? ”

“เช่นนั้นท่านก็ยังมีหลานสาวอีก 1 คน ? ”

หญิงชราขมวดคิ้ว “ข้าไร้ซึ่งเหตุผลใดที่จะยกทรัพย์สินให้แก่หลานสาวของข้า”

“หากท่านกลัวหลานสาวจะสมรสออกเรือนไป ก็จงหาคนที่เขายินยอมที่จะอยู่ที่จวนของภรรยาเสีย เพียงเท่านี้ก็คงมิใช่เรื่องใหญ่แล้ว”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)