ตอนที่ 372 หัวกระไดไม่แห้ง
เมื่อต้นรัชสมัยที่ผ่านมา ณ เมืองหลวงแห่งแคว้นหยู ฟู่เสี่ยวกวนได้รับรางวัลจากฮ่องเต้ โดยได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งไท่จงต้าฟู และตำแหน่งเจี้ยนอี้ต้าฟูในแผนกเสมียนกลาง ผู้คนในเมืองหลวงต่างกล่าวขานนามเขาว่าเป็นชายหนุ่มขุนนางหน้าใหม่
แม้แต่อาจารย์ฉินปิ่งจงก็ยังเคยหยอกล้อ ว่า ดูสิอายุเท่านี้ยังได้เป็นถึงขุนนางหนุ่มหน้าใหม่ หัวกระไดคงจะมิแห้งเลยสินะ ?
ในมุมมองของฉินปิ่งจงนั้น ฟู่เสี่ยวกวนเป็นอัจฉริยภาพอย่างแท้จริง เขาอายุยังมิถึง 17 ปีบริบูรณ์ก็ได้เข้าไปนั่งในท้องพระโรงแห่งราชวงศ์หยูเสียแล้ว แน่นอนว่าชายหนุ่มผู้มีความสามารถโดดเด่นเช่นนี้ย่อมได้รับการจับตามองจากเหล่าขุนนางผู้มีอิทธิพล และแน่นอนว่าจะต้องมีเสนาบดีหลายท่านไปประจบประแจงเขาเช่นกัน
ทว่าบ้านพักหลังนั้นที่ตั้งอยู่ใกล้กับทะเลสาบซวนอู่ในเมืองจินหลิง หัวกระไดนั้นมิเคยเปียกเลยสักครา แต่กลับอ้างว้างดั่งตาข่ายดักนกที่ว่างเปล่า
แต่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ฟู่เสี่ยวกวนกลับมิได้รู้สึกผิดหวังเลยแม้แต่น้อย เขากลับชอบมันเสียมากกว่า เขายังคงรู้สึกโปรดปรานความเงียบสงบ มิว่าจะเป็นความเงียบสงบที่จวนตระกูลฟู่ในเมืองหลวง หรือจะเป็นความเงียบสงบที่เรือนซีซาน หรือแม้ว่าจะเป็นความเงียบสงบที่พระตำหนักที่เมืองหนานหยางที่เขายังมิเคยไปเยือน หรือเป็นความเงียบสงบของคฤหาสน์จิ้งหูและอีกมากมาย
ทว่าบัดนี้ เพียงฟู่เสี่ยวกวนได้ย่างกรายเข้ามาที่คฤหาสน์จิ้งหูได้เพียงแค่มิถึงชั่วยาม สถานที่ซึ่งเคยเป็นสถานที่แสนสงบสุขแห่งนี้ก็มิสงบสุขอีกต่อไป แม้แต่หนิงซือเหยียนผู้เป็นคนเฝ้าประตูก็ยังทำให้เขารู้สึกลำบากใจ
มีแขกเหรื่อแวะมาเยี่ยมเยือนเสียมากมาย
หลังจากหนานกงอี้หยู่ อัครมหาเสนาบดีฝ่ายขวาจัวอี้สิงก็ได้แวะมาเช่นกัน
เขามิได้มาเพียงแค่คนเดียว แต่ยังให้จัวเปี๋ยหลีผู้เป็นบุตรชายติดตามมาอีกด้วย อีกทั้งยังมีบุตรสาวของจัวเปี๋ยหลีนามว่าจัวชาวมาด้วยอีกคน จัวชาวผู้นี้เป็นคู่หมั้นของหนิงซือเหยียนนั้นเอง !
จัวอี้สิงและจัวเปี๋ยหลีนั้นได้เข้าไปภายในคฤหาสน์ แต่จัวชาวผู้นั้นขออยู่หน้าประตูต่อ และบัดนี้นางได้นั่งลงพร้อมกับเอามือเท้าคางอยู่บนเก้าอี้ตัวหนึ่ง นางนั่งมองคู่หมั้นของนางวุ่นอยู่กับการเฝ้าประตูด้วยความสุขใจ เขาเป็นคนเฝ้าประตูเยี่ยงนั้นหรือ ฮ่า ๆ น่าสนใจยิ่ง
บัดนี้คฤหาสน์จิ้งหูแห่งนี้ได้แปรสภาพไปเป็นศูนย์ราชการประจำพระราชวังขนาดย่อมไปเสียแล้ว แม้ว่าฟู่เสี่ยวกวนจะมีสิทธิ์โต้แย้งแต่ก็อธิบายสิ่งใดออกมามิได้เช่นกัน เขาก็เลยเลือกที่จะมิอธิบายสิ่งใด
เขาได้เดินเข้าไปภายในคฤหาสน์ แล้วเรียกเพียงแค่หนานกงอี้หยู่เข้าไปแต่เพียงผู้เดียว
มีเสนาบดีทั้งหลายรวมถึงจัวอี้สิงถูกเขาทิ้งเอาไว้ด้านนอก เหตุผลสั้น ๆ ง่าย ๆ ก็คือ “งานแข่งขันกวีที่ผ่านมาสามวัน ข้าได้ใช้งานสมองหนักจนเกินไป ตอนนี้ต้องการพักผ่อน ขอทุกท่านจงกลับไปเถิด”
ทว่ามิมีผู้ใดกลับไปเลยแม้แต่ผู้เดียว
“เช่นนั้นก็เชิญตามสบายเถิด มิมีอาหารให้ทานนะ ! ”
แล้วเขาก็ได้นำตัวหนานกงอี้หยู่ออกไป แล้วผู้ที่มาทำหน้าที่รักษาประตูด้านในก็ได้เปลี่ยนมาเป็นเกาหยวนหยวนศิษย์พี่รอง
เกาหยวนหยวนได้เดินเข้าไปยืนขวางที่ประตูจันทรา
“ในเมื่อองค์ชายใหญ่อยากพักผ่อน แล้วพระองค์จะทรงเรียกอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายเข้าไปด้วยเพราะเหตุใดกัน ? ”
เกาหยวนหยวนพยามใช้สมองคิด “อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายเยี่ยงนั้นหรือ อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายคือสิ่งใดกัน ? ”
“ก็คือตาเฒ่าที่เดินเข้าไปกับองค์ชายใหญ่เมื่อครู่น่ะสิ”
“อ่า…” เกาหยวนหยวนเหมือนจะมีความคิดดี ๆ ออกมา “ศิษย์น้องเล็กบอกว่าตาเฒ่านั่นมีของขวัญมาให้”
“…… ! ”
จริงด้วย ของขวัญ !
บัดนี้ฟู่เสี่ยวกวนมีสถานะเป็นถึงองค์ชายใหญ่ ผู้ใดเขามาเยือนด้วยมือเปล่ากันเล่า ?
โจงถงถงหัวเราะร่า แล้วจึงเอ่ยถามศิษย์พี่รอง “เจ้ารู้หรือไม่ว่าองค์ชายใหญ่ท่านทรงโปรดสิ่งใด ? ”
ครานี้กาวหยวนหยวนถึงกับคิดมิตก เพราะฟู่เสี่ยวกวนมิได้บอกเขานี่
เขาพยายามนึกย้อนกลับไปในความทรงจำเก่า ปกติแล้วฟู่เสี่ยวกวนชอบสิ่งใดกันนะ ?
ปกติศิษย์น้องเล็กแค่ขยับแข้งขาเพียงเล็กน้อยก็หาตั๋วเงินได้ตั้งมากมาย เช่นนั้นศิษย์น้องคงมิชอบตั๋วเงินสินะ
ศิษย์น้องเล็กปกติก็มิอ่านหนังสือ และเหมือนว่าจะมิชอบภาพวาดเช่นกัน
ใช่แล้ว !
ศิษย์น้องเล็กให้ความสำคัญต่อหญิงสาวผู้อยู่ข้างกายของเขาทั้งสามเป็นอย่างมาก !
จากนั้นดวงตาของเขานั้นก็ส่องเป็นประกายขึ้นมา แล้วจึงเอ่ยบอกโจวถงถงว่า “ศิษย์น้องเล็กชอบหญิงสาวที่งดงาม”
โจวถงถงพลันตะลึง เขาหันหน้าไปสบตากับจัวอี้สิง แล้วถอนหายใจออกมาเพราะความตกใจ เขามีรสนิยมเช่นนี้เยี่ยงนั้นหรือ ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)