หนึ่งร้อยคนนี้อยู่ใต้บังคับบัญชาของกงเซินจ่าง !
เฟิงโก่วคาบหญ้าหางหมาไว้ในปาก จ้องมองไปยังกลุ่มคนที่สวมใส่เครื่องแต่งกายของนักรบ มันน่ายินดียิ่ง
โชคใหญ่ลอยมาหาข้าแล้ว ขณะที่พวกเจ้ากำลังเดินทาง เวลานี้แหละที่ข้าจะได้แสดงฝีมือสักที
พวกเขาซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้
คนพวกนั้นเดินใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ
เฟิงโก่วยกคันศรขึ้น ปลายศรเล็งไปยังศัตรู
นี่เป็นการต่อสู้จริงจังคราแรกของพวกเขา แต่กลับมิมีผู้ใดที่รู้สึกหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย เป็นเพราะคำสอนของไป๋ยู่เหลียนที่ล้างสมองของพวกเขามาเนิ่นนาน ในสายตาของเฟิงโก่ว ในตอนนี้มิมีผู้ใดสามารถต่อกรกับดาบเทวะนี้ได้ !
ไม่แปลกที่พวกเขาจะคิดเยี่ยงนี้ เพราะมิเคยมีกองทัพใด ที่มีการฝึกอย่างไร้มนุษยธรรมเฉกเช่นพวกเขา
“ศัตรูเยี่ยงนั้นหรือ ? ก็แค่หมูฝูงหนึ่งเท่านั้น ! ”
“ส่วนพวกเจ้า ? ก็คือคนฆ่าหมูเยี่ยงไรเล่า ! ”
“จำใส่หัวของพวกเจ้าเอาไว้ให้ดี หากดาบเทวะหลุดออกจากฝักเมื่อใด ทั่วหล้าหาได้มีผู้ใดกล้าต่อกร ! ”
ดังนั้น ตอนนี้ก็เพียงแค่ฆ่าหมู 100 ตัวเท่านั้นเองมิใช่หรือ
เมื่อศัตรูคนที่อยู่ด้านหน้าสุด ได้เดินผ่านต้นไม้ต้นสุดท้ายที่อูมู่อยู่ เฟิงโก่วก็ได้เริ่มเป่านกหวีด เสียงดังราวกับเสียงนกร้องในยามวิกาล
ทหาร 10 นายเหนี่ยวคันศร พุ่งไปเต็มแรงหวังทำลายศัตรูให้สิ้นซาก
เมื่อศัตรูบางคนล้มลงกับพื้น ศัตรูที่เหลืออยู่ด้านล่างต่างก็พากันแตกตื่น แต่ยังมิทันได้ตั้งตัว ลูกธนูก็โผเข้ามาอีกครา
ศัตรูล้มตายไปอีก 10 คน อีก 80 คนที่เหลือยังมิทันได้โต้ตอบอันใด ลูกธนูรอบที่สามก็มาถึง
ครานี้ศัตรูตอบสนองและมีเสียงตะโกนมาว่า “ข้าศึกโจมตี ! ”
ศัตรูวิ่งหนีตายกันจ้าละหวั่น แต่ก็ยังคงอยู่ในระยะของลูกธนูอยู่ ลูกธนูถูกยิงมาเป็นรอบที่สี่โดยมิหยุดพัก
เฟิงโก่วกระโดดลงมาจากต้นไม้ พร้อมคว้าดาบยาวกระโจนเข้าไปกลางกองทัพศัตรูราวกับหมาบ้า เลือดสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ
ทหารหน่วยรบพิเศษ 10 นายวิ่งกรูเข้าไป ผ่านไปมิถึงสิบอึดใจการต่อสู้ก็ได้สิ้นสุดลง
อูมู่โยนศัตรูคนหนึ่งลงไปอยู่ต่อหน้าเฟิงโก่ว “หัวข้า เอาหัวข้าเป็นประกันโปรดไว้ชีวิตข้าด้วย ขอท่านโปรดพิจารณา”
ศัตรูผู้นี้แต่งกายต่างจากผู้อื่นที่ตกตายไป เสื้อผ้าดูดีกว่า ดูเหมือนว่าจะเป็นผู้นำของกองกำลังนี้
เฟิงโก่วมิได้เอ่ยถาม เขาเดินเข้าไปพร้อมกับตบไปที่ร่างของศัตรูหนึ่งที “ตุ้บ… ! ” ศัตรูผู้นี้ถูกตบเสียจนเลือดไหล
“เอ่ยมา ว่าเจ้ากำลังทำอันใด ? ”
เลือดสีแดงสดไหลออกมาจากตัวของศัตรูผู้นั้น เฟิงโก่วขมวดคิ้วมุ่น และใช้หลังมือตบเข้าอีกคราอย่างเต็มแรงด้วยความเดือดดาล
“เร็วเข้า อย่าลีลาให้มาก ข้ามิได้ว่างถึงเพียงนั้น… ! ”
เฟิงโก่วหันหน้าไปเอ่ยกับอูมู่ “ตัดหูของพวกมันทิ้งเสีย ถือว่าเป็นความดีความชอบของกองทัพ ! ”
อูมู่ตื่นตกใจทันพลัน แม้แต่โมวโถก็ยังมิเคยเอ่ยอะไรเยี่ยงนี้เลยสักครา แต่เขาก็มิได้คัดค้านเฟิงโก่ว และได้นำทหาร 9 นายไปตัดหูของอีกฝ่าย
ศัตรูผู้นั้นประคองตนเองขึ้นด้วยร่างที่สั่นเทา จากนั้นก็คุกเข่าลงกับพื้น ยอมหมอบศีรษะให้กับเฟิงโก่วที่กำลังเดินไปมา “ นายท่านโปรดไว้ชีวิตข้าด้วย ! ”
“ข้าบอกให้เจ้ารีบเอ่ยมาเร็ว ๆ ! ”
“ข้าน้อยยอมแล้ว ข้าน้อยจะบอกทุกอย่าง… ในหุบเขานี้…อุดมไปด้วยเสบียงอาหาร ข้าน้อยเพียงแค่ได้รับคำสั่งให้มาเฝ้าที่นี่เท่านั้นขอรับ”
เมื่อเฟิงโก่วได้ยินดังนั้น ก็ได้เกิดความฮึกเหิมขึ้นมา เขานั่งลงและตบหน้าของศัตรูผู้นั้น “ลุกขึ้น นำทางข้าไปดูหน่อยสิ”
ศัตรูผู้นั้นเดินนำหน้า รู้สึกอึดอัดใจยิ่งกว่าหมาจนตรอก จิ้งซุ่ยจินกัง เจ้าหลอกข้า !
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)