ตอนที่ 411 ต้อนแกะ
กงเซินจ่างปรากฏตัวขึ้นมาอีกคราที่นอกกระโจม
เขาถือดาบยาวเอาไว้ในมือ เนื้อตัวเย็นเฉียบ
ข้าเพิ่งจะจุดธูปไปได้เพียงแค่ดอกเดียวเท่านั้น พวกเจ้าที่อยู่ข้างนอกก็กลายเป็นแบบนี้ไปเสียแล้ว ?
ข้าปล่อยหมูหลายแสนตัวไว้ข้างนอก เวลาเพียงแค่ก้านธูปเดียวก็ถูกศัตรูเข่นฆ่าจนตกตายทั้งหมด !
“ท่านพี่ ศัตรูเหล่านั้นกล้าหาญเป็นอย่างมากและมีอาวุธที่มิอาจคาดเดาได้ ข้าได้เข่นฆ่าพวกมันตายไป 1 คนและได้พบกับสิ่งนี้ ท่านพี่ลองดู”
จิ้งสุ่ยจินกังยื่นปืนคาบศิลาให้กับกงเซินจ่างแล้วเอ่ยว่า “ข้าคิดว่าจินกังทั้งสี่คนและจอมยุทธทั้งหลายถูกฆ่าตายด้วยของสิ่งนี้ ! ”
กงเซินจ่างหยิบปืนกระบอกนี้ขึ้นมาดู เขานึกไม่ออกว่าอานุภาพมันจะรุนแรงถึงเพียงใด เขาจึงชูมันขึ้นมาแล้วเล็งไปที่จิ้งสุ่ยจินกังจากนั้นก็เหนี่ยวไกปืน…
“ปัง… ! ”
“เอ่อ…ท่าน…ท่านพี่ ! ”
กงเซินจ่างและคนอื่น ๆ เมื่อได้ยินเสียงดังปังก็ถึงกับผงะ เขารีบโยนปืนทิ้งทันที แต่ก็พบว่ามีรูขนาดเท่าหัวแม่มืออยู่บนหน้าผากของจิ้งสุ่ยจินกัง
จิ้งสุ่ยจินกังล้มลงกับพื้น กงเซินจ่างตกใจเสียจนหน้าซีด “นี่คือคาถาอาคม ข้ามิได้จะฆ่าเขา ! ”
ซืออันเป็นคนแรกที่ดึงสติกลับมาได้เขาจึงรีบเอ่ยว่า “ฝ่าบาท ข้าน้อยคิดว่าถอยกลับไปยังทิศทางของแคว้นฮวงกันก่อนเถิด เมื่อทหารเตรียมทัพพร้อมแล้ว ค่อยกลับมาแก้มืออีกครา ! ”
“ดี ๆ ๆ ถอย ถอยกลับไปก่อน ! ”
ตามคำสั่งของกงเซินจ่าง กองทัพสวรรค์ได้เคลื่อนตัวลงมาจากภูเขาราวกับน้ำหลาก
ในขณะนี้ฟู่เสี่ยวกวนและไป๋ยู่เหลียนเดินทางขึ้นไปบนยอดเขาภายใต้การคุ้มกันของดาบเทวะ 100 นาย
“สิ่งที่ศัตรูมิรู้ ก็คือความกลัวเป็นโรคติดต่ออย่างหนึ่ง” ฟู่เสี่ยวกวนมองไปยังพื้นดินที่มีซากศพปกคลุมไปทั่ว เขาเอ่ยอย่างใจเย็นว่า “ถึงแม้ว่ากงเซินจ่างจะมีกองกำลังมากกว่าหนึ่งแสนคน แต่ก็เป็นเพียงแค่สามัญชนธรรมดา ยิ่งมีจำนวนคนมากเท่าใดความกลัวก็จะยิ่งกระจายมากขึ้นเท่านั้นและนั่นแหละยิ่งจะทำให้เกิดความพ่ายแพ้ได้เร็วยิ่งขึ้น”
เขาหันไปหน้ามองไป๋ยู่เหลียน “เสี่ยวไป๋ ยุทธวิธีเช่นนี้จะมิส่งผลดีในอนาคต เจ้าจงระวัง”
ไป๋ยู่เหลียนจ้องไปที่ฟู่เสี่ยวกวน “เหตุใดมิให้ทั้งสามกองพลฉวยโอกาสนี้ไล่โจมตีพวกเขาล่ะ ? ”
“สุนัขจะกระโดดข้ามกำแพงได้เมื่อพวกมันจวนตัวและกระต่ายก็สามารถสร้างความกดดันได้เช่นกัน ดังนั้นแผนการนี้เดิมมีชื่อว่า ‘ต้อนแกะ’ พวกเรามีกำลังพลเพียงแค่ 4,000 นาย แต่พวกเราก็สามารถบีบบังคับคนหลายแสนเหล่านั้นให้มันไปไหนมิรอดได้นี่”
“นี่เป็นเหตุผลที่ท่านยกความดีความชอบให้แก่เผิงเฉิงอู่เยี่ยงนั้นหรือ ? เขารอยู่ที่หุบเขาเย่วหมิง แต่พวกเราอยู่ที่นี่เพื่อสู้จนตัวตาย…ข้ารู้สึกมิสบายใจมากยิ่งนัก”
ฟู่เสี่ยวกวนหัวเราะเสียงดัง “ศึกครานี้เป็นศึกของดาบเทวะ มิใช่ว่าข้าเคยบอกเจ้าแล้วเยี่ยงนั้นหรือ ข้าจะให้เจ้าได้พบกับหญิงงามแห่งเมืองกวนหยุน แต่มีข้อแม้คือเจ้าต้องทำให้ดาบเทวะเป็นที่รู้จักไปทั่วทั้งใต้หล้านี้”
ไป๋ยู่เหลียนเริ่มรู้สึกไม่สบายตัว แต่ฟู่เสี่ยวกวนกลับเอ่ยออกมาอีกว่า “เสี่ยวไป๋เอ๋ย เจ้ารูปงามถึงเพียงนี้ ภรรยาของเจ้าก็ต้องสวยมากเป็นแน่ ข้าเองก็นึกคิดมาตลอด เมื่องานนี้สำเร็จ ปีหน้าข้าจะแอบพาเจ้าไปยังเมืองกวนหยุน ไปพบกับภรรยาของเจ้า จากนั้นเจ้าก็จะได้แต่งงานมีลูก แล้วพวกเราก็จะได้เป็นครอบครัวเดียวกัน เจ้าว่าเป็นเยี่ยงไร ? ”
“เอ่ยถึงเรื่องสำคัญเถิด ศัตรูจำนวนมากถึงเพียงนั้นเข้าโจมตีกองพลที่สาม พวกเขาจะสามารถต้านทานไหวหรือ ? ”
“ดังนั้นพวกเราจะรีบไปจากที่นี่มิได้ พวกเราต้องรอให้กองพลที่สามต้อนข้าศึกกลับมาเสียก่อน จากนั้นค่อยต้อนพวกแกะไปที่หุบเขาเย่วหมิง… และที่ข้าเพิ่งเอ่ยไปเป็นเรื่องสำคัญของเจ้ากับข้า…”
“เฮ้ ๆ ๆ อย่าเพิ่งไป รอข้าด้วย ! ”
……
หวังเสี่ยวจู้ที่ประจำอยู่ที่กองพลที่สามกลัดกลุ้มใจเป็นอย่างมากและทันใดนั้นก็ได้มีเสียงฝีเท้าและเสียงร้องโหยหวนดังออกมาให้ได้ยินเป็นระยะ…
ดวงตาของเขาสว่างโร่ขึ้นทันพลัน แต่ก็ยังคงรอให้ศัตรูก้าวเข้ามาเยียบกับระเบิดที่พวกเขาวางเอาไว้อย่างเงียบ ๆ
สิ่งนี้มีประโยชน์มากยิ่งนัก เมื่อใดที่ศัตรูเหยียบมันเข้า มันก็จะ “ตู้ม… ! ” มันมีพลังเหนือสิ่งอื่นใด
พวกเขาวางกับระเบิดกว่าสามร้อยลูกไว้ทั่วทั้งแนวสันเขา แต่พวกเขายังคงกังวลว่าระเบิดเหล่านี้จะเปล่าประโยชน์แต่มิคิดเลยว่าศัตรูจะหนีมายังทิศทางที่ไป๋ยู่เหลียนคาดการณ์เอาไว้ ศัตรูกำลังพากันวิ่งมา
“ตู้ม… ! ”
“ตู้ม… ! ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)