อ่านสรุป ตอนที่ 422 สถานที่แสนห่างไกล จาก นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) โดย Internet
บทที่ ตอนที่ 422 สถานที่แสนห่างไกล คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายทะลุมิติ นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
ตอนที่ 422 สถานที่แสนห่างไกล
ณ ผิงหลิง บัดนี้หิมะได้ตกหนักเป็นอย่างมาก
และซีฮวงในราชวงศ์หยูก็ได้มีหิมะตกคราแรกของปี
จังหวัดซีหรงถูกหิมะขาวโพลนปกคลุมไปทั่วบริเวณ ภูเขาทั้งลูกถูกสีขาวของหิมะปกคลุม จึงทำให้ซีหรงแห่งนี้ขาวโพลนไปด้วยหิมะ
บริเวณใกล้ภูเขาทางทิศใต้ของจังหวัดซีหรง มีพระตำหนักอันงดงามกว้างขวางตั้งอยู่ ที่แห่งนี้คือเมืองจักรพรรดิถู่ซือ
แน่นอนว่าบัดนี้ได้กลายเป็นจวนจิ่งหวังไปแล้ว
บัดนี้องค์ชายสี่หยูเวิ่นชูกำลังนั่งดื่มชาอยู่ที่เฉิงเยวี่ยซวนพลางชื่นชมหิมะที่กำลังโปรยปรายลงมา
หนานป้าเทียนนั่งอยู่ตรงข้ามกับเขา
“เวลาผ่านไปรวดเร็วมากยิ่งนัก เป็นเวลากว่าสองเดือนแล้วที่ข้ามายังสถานที่แห่งนี้…จั่วจวิน เจ้าว่าฟู่เสี่ยวกวนตายไปกว่าครึ่งปีแล้ว เหตุใดข้าจึงมิมีความสุขกัน ? ”
หนานป้าเทียนหรือเฉินจั่วจวิน เงยหน้าขึ้นมองดูองค์ชายสี่จากนั้นก็ก้มหน้าลงแล้วกล่าวว่า “พวกเราสูญเสียผลประโยชน์ไปมากโขท่านจะดีใจได้เยี่ยงไร ? ว่าแต่อี้ซี…ข้าประสงค์จะรับนางมาไว้ข้างกาย บัดนี้นางอายุได้ 7 ปีแล้ว”
หยูเวิ่นชูขมวดคิ้วขึ้นแล้วส่ายหัว “อย่าได้รีบร้อนไป ฟู่เสี่ยวกวนเคยส่งคนไปตรวจสอบ ฮองเฮาซั่งนั้นช่างน่ากลัวยิ่ง บัดนี้หากรับนางมาอยู่ด้วย จะเป็นข้ออ้างที่ดีให้แก่สตรีนางนั้นมิใช่หรือ ? ”
เฉินจั่วจวินก้มหน้าลงแล้วมิได้กล่าวอันใดออกมาอีก หยูเวิ่นชูกลับหัวเราะออกมา “หากเจ้าต้องการพบนาง ก็แอบไปดูยามค่ำคืนย่อมได้ สถานที่แห่งนี้แม้ว่าอยู่ในที่ห่างไกล แต่ทว่าสายลับของหอซี่หยู่ก็ได้กระจายไปทั่วทุกที่”
เฉินจั่วจวินมิได้ตอบกลับไป นางเพียงเอ่ยถามขึ้นว่า “ข้าได้ยินมาว่าฟู่เสี่ยวกวนได้ก่อตั้งกองกำลังดาบเทวะขึ้นมาจำนวน 4,000 คน เพื่อล้มล้างทหารกว่าหลายหมื่นคนของกงเซินจ่าง…องค์ชายทรงคิดเห็นว่าเยี่ยงไร ? ”
“เจ้าหมอนั่นช่างเก่งกาจเสียจริง แต่มิว่าจะเก่งเยี่ยงไรก็ได้ตายจากไปแล้ว และกองกำลังดาบเทวะก็มีเพียง 4,000 คน ไป๋ยู่เหลียนจงรักภักดีต่อฟู่เสี่ยวกวนเป็นอย่างมาก บัดนี้ไร้ซึ่งฟู่เสี่ยวกวนแล้ว เขายังคงจะช่วยดูแลจวนฟู่ไปอีกสักพัก แต่เกรงว่าในมิช้าก็เร็วจะต้องถูกองค์จักรพรรดิเรียกตัวเข้าร่วมกองทัพราชวงศ์หยูอย่างแน่นอน…”
“นี่ คือสิ่งที่ข้าเป็นกังวลยิ่ง ! ”
“ใต้หล้านี้ผู้ที่เข้าใจวิธีฝึกกองกำลังดาบเทวะ เกรงว่าจะมีเพียงไป๋ยู่เหลียนเท่านั้น หากทหารจากราชวงศ์หยูได้รับการฝึกฝนจากเขา เจ้าว่า…กำลังการโจมตีเยี่ยงนี้จะมีผู้ใดสู้ได้กัน ? ”
“เมื่อถึงเวลานั้น แม้แต่ความคิดที่จะกลับไปยังเมืองจินหลิงคาดว่าก็คงมิเหลือแล้ว”
เฉินจั่วจวินเงยหน้าขึ้นอีกครา “หลายปีมานี้ ท่านเหนื่อยหรือไม่ ? ข้าคิดว่าที่แห่งนี้ก็มิเลวเลยหากว่า…”
“จั่วจวิน ! ”
“อือ…”
“เจ้ามองออกไปนอกหน้าต่างสิ ดอกเหมยผลิบานแล้ว”
เฉินจั่วจวินสูดหายใจเข้า นางมิได้มองออกไปดูดอกเหมยนั้น เนื่องจากนางเข้าใจดีว่าองค์ชายสี่ยังคงมิถอดใจ
สำคัญถึงเพียงนั้นเลยหรือ ?
ตำแหน่งนั้นทำให้ผู้คนลุ่มหลงได้มากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ ?
แต่ได้ยินมาว่าฟู่เสี่ยวกวนพยายามทุกวิถีทางที่จะหลบหลีกตำแหน่งนี้ในราชวงศ์อู๋ เหตุใดเขาจึงมิให้ความสำคัญกับบัลลังก์มังกรนั่นกัน ?
“บัดนี้ฝ่าบาททรงกำลังดำเนินการตามแผนนโยบายใหม่ ทางซีซานได้ส่งคนจำนวนมากไปยังผิงหลิง นี่คือแผนที่ฟู่เสี่ยวกวนวางเอาไว้เมื่อตอนยังมีชีวิตอยู่ มีฝ่าบาทและท่านอัครมหาเสนาบดีเยี่ยนคอยสนับสนุน ฉินฮุ่ยจือจึงมิอาจสามารถคัดค้านได้”
เขารีบเก็บรอยยิ้มลงแล้วแปรเปลี่ยนไปเป็นเยือกเย็น “แท้จริงแล้วลัทธิจันทราของเจ้าใช้ข้าเป็นเครื่องมือในการโจมตีผู้อื่นมาตั้งแต่แรกต่างหากเล่า ! เจ้าบอกกับข้ามาสิ ในตอนนั้นที่หน้าจวนฮุ่ยชินอ๋อง ฟู่เสี่ยวกวนฆ่าคนทั้งสิบแปดคน แต่ปล่อยให้หนีไปได้ 2 คน นอกเหนือจากเจ้าที่รอดมาได้ ยังมีอีกคนหนึ่งที่ถูกฟู่เสี่ยวกวนจับได้…”
“เขาผู้นั้นคือน้องชายของเจ้าใช่หรือไม่ ? ”
“หากมิใช่น้องชายของเจ้า ค่ำคืนเทศกาลหยวนเซียวที่บุกเข้าไปฆ่าปิดปากพยาน เหตุใดจึงต้องช่วยเขาออกมา ? แล้วบัดนี้เขาอยู่ที่ใด ? ”
น้ำเสียงของหยูเวิ่นชูสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนแทบตะโกนออกมา “เจ้ามันต่ำช้า ! รู้ตัวหรือไม่ว่าการกระทำนี้ได้เป็นที่จับตาของฮองเฮาซั่ง ! เจ้ารู้หรือไม่ว่าเสด็จพ่อเนรเทศข้ามาที่นี่เพราะเหตุใด ? ”
“จิ่งหวัง จิ่งหวังเยี่ยงนั้นหรือ ! เขาต้องการให้ข้าระมัดระวังตัวนะสิ ! เสด็จพ่อทรงรู้ว่าข้าข้องเกี่ยวกับลัทธิจันทรา และทรงอยากรู้ว่าข้าจะลงมือกับลัทธิจันทราหรือไม่ ! ”
หยูเวิ่นชูสูดหายใจเข้าลึก “ข้าต่างหากที่เป็นผู้รับบาป ! เนื้อมิได้กิน หนังมิได้เอามารองนั่ง กลับเอากระดูกมาแขวนคอ ! แต่บัดนี้เจ้ากลับกล่าวหาว่าข้าใช้ลัทธิจันทราของเจ้าเป็นเครื่องมือในการสังหารผู้อื่น หึ ๆ…หากลัทธิจันทราไร้ประโยชน์อย่างแท้จริงล่ะก็ เจ้าคอยดูได้เลย ! ”
เฉินจั่วจวินยืนนิ่งเป็นตอไม้ด้วยความมึนงง ดวงตาของนางเริ่มมีน้ำตา และไหลลงมาเป็นทางยาว
“ข้าใช้ตราของเจ้าเพื่อช่วยเหลือน้องชายของข้าออกมาจริง ๆ เขาคือน้องชายของข้า เขาคือความหวังเดียวของลัทธิจันทรา ดังนั้นเขาจะตายมิได้”
หยูเวิ่นชูตะโกนออกมา “เช่นนั้นข้าต้องตายเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“มิได้ ข้ามิยอมให้เจ้าตายเป็นแน่ ! ”
“……ข้าอาจจะโค่นล้มลัทธิจันทราเพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อเสด็จพ่อ แล้วดำรงตำแหน่งจิ่นหวังอยู่ที่นี่ตลอดไป หรือ……ลัทธิจันทราควรจะทำตัวให้มีคุณค่าสักหน่อย เจ้าจงเลือกเอง แต่ข้าขอเตือนเจ้าว่า ข้านั้นได้ติดต่อกับฮุ่ยชินอ๋องเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งยังติดต่อกับท่านลุงเซวี๋ยติ้งชานแล้วเช่นกัน บัดนี้ข้าเพียงแค่รอโอกาส ! ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)