นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 45

ตอนที่ 45 แท้จริงแล้วเป็นเจ้า

หยูเวิ่นหวินนั่งอยู่เบื้องหน้าหน้าต่าง โดยปล่อยให้สายลมพัดผ่านใบหน้าของนางไป

เมื่อนึกถึงการเดินทางไปหลินเจียงครั้งที่แล้ว ความตั้งใจของการเดินทางคือออกมาเที่ยวเล่น และมาดูชายหนุ่มฟู่เสี่ยวกวนคนนั้นของต่งชูหลาน

นางได้ฟังเรื่องของฟู่เสี่ยวกวนมามากมาย

แต่เดิมเป็นคุณชายเสเพลแห่งเมืองหลินเจียง และไปล่วงเกินต่งชูหลานเข้าจึงถูกองครักษ์ที่คุ้มกันต่งชูหลานตีเข้าให้ จนถึงขั้นมีอาการป่วยทางสมอง แต่เพราะตอนนั้นสวรรค์จึงได้เปิดพรสวรรค์ของเขาออกมา จนเขานั้นเปลี่ยนไปเป็นคนละคน

เพื่อทดสอบพรสวรรค์ของเขา ตนจึงได้จัดงานชุมนุมบทกวีซ่างหลินโจวขึ้นมา แต่ทว่าคนผู้นี้กลับไม่มา แต่ส่งสาวใช้มาเพื่อส่งบทกวีให้แทน

กล่าวมิได้เช่นกันว่าเป็นการดูหมิ่นหรือไม่ แต่ในยามนั้นใจของนางเองก็มิได้ชอบเลยแม้แต่น้อย ถึงแม้จะไม่ได้แสดงตัวตนองค์หญิงออกไป แต่นางกลับให้จวนชินอ๋องออกหน้าแทนนางไปแล้ว

แต่เยี่ยงไรการปรากฏของบทกวีนั้นก็ได้กวาดความไม่ชอบใจของนางออกไปจนหมดสิ้น ช่างเป็นบทกวีที่น่าทึ่งยิ่งนัก!

จากนั้น นางจึงคิดว่าคนที่น่าทึ่งแบบนั้นจะมีหน้าตาเป็นเยี่ยงใด ?

วันรุ่งขึ้นนางจึงได้ไปจวนฟู่ด้วยตนเอง หลังจากนั้นจึงได้พบกับคนผู้นั้น

ใบหน้าสดใส ค่อนข้างรูปงาม ความรู้สึกแรกยามที่นางได้พบเขาก็คือสะอาดสะอ้าน นิ่งขรึม และอยู่ด้วยแล้วสบายใจ

เขานั่งอยู่ใต้เงาของร่มไม้ ต้มชาอย่างผ่อนคลาย เชิญพวกเขานั่งลงตามสบาย และพูดคุยอย่างเป็นมิตร แม้จะมิเคยรู้จักกันมาก่อน แต่ทั้งหมดนั้นก็ทำให้นางผ่อนคลาย มิมีท่าทีอวดดีเหมือนกับชายหนุ่มและหญิงสาวในเมืองหลวงแม้แต่น้อย และมิมีเครื่องพันธนาการทางประเพณี สามารถทำได้ตามอำเภอใจ ช่างสงบสุขยิ่งนัก

เมื่อมาคิดดูในวันนี้ นั่นก็คงเป็นความเท่าเทียมกัน

ก็เสมือนกับที่เขาได้พบกับนายช่างผู้นั้น ในสายตาของเขา ตนเองหรือซื่อจื่อก็มิได้ต่างจากนายช่างผู้นั้น มิได้มีฐานะสูงต่ำรวยหรือจน และมิมีความแตกต่างทางชนชั้นแต่อย่างใด

นี่เป็นบุคคลที่พิเศษยิ่ง หยูเวิ่นหวินไม่สามารถนิยามเกี่ยวกับฟู่เสี่ยวกวนได้ แต่รู้สึกว่าคนผู้นี้มิเหมือนกับบุคคลอื่น ๆ ที่นางเคยพบมา

เขาสามารถกลั่นสุราที่เทียบเท่ากับเทียนเซียงออกมาได้ นั่นไม่ได้มีความหมายอันใด แต่ทว่าเขาได้ประพันธ์หนังสือที่ทำให้เมืองหลวงสั่นสะเทือนออกมาได้…ดังนั้นในตอนนี้ หยูเวิ่นหวินถึงได้รู้ว่าการเดินทางมาพบเขาที่หลินเจียงในครานั้น สิ่งที่ตนได้เห็นนั้นเป็นเพียงเศษเสี้ยวของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น

มิน่าแปลกใจที่ต่งชูหลานมักจะกล่าวว่าคนผู้นี้น่าสนใจถึงเพียงไหน ความเข้าใจที่หยูเวิ่นหวินมีต่อบทกวีที่น่าสนใจนี้คือ มีเรื่องเหนือความคาดหมายอยู่เสมอ มีเรื่องน่าประหลาดใจอยู่ทั่วทุกหนแห่ง มีความคิดแปลกใหม่อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน โดยส่วนมากจะเป็นเยี่ยงนั้น คนผู้นั้นเป็นเยี่ยงนั้นอย่างแท้จริง

แล้วเยี่ยงนั้น ตัวเองได้ชอบเขาหรือไม่?

หยูเวิ่นหวินก็จนหนทางที่จะตอบได้

หากตนเองชอบเขาขึ้นมาจริง ๆ แค่ขอร้องให้เสด็จพ่อชี้นิ้วสั่งนั้นง่ายดายยิ่ง แต่ชูหลานนั้น นางจะเกลียดข้าไปทั้งชีวิต !

เสียงถอนหายใจดังขึ้น เยี่ยงไรคนที่รู้จักฟู่เสี่ยวกวนดีที่สุดก็คือต่งชูหลาน ปล่อยไปเสียดีกว่า

พระสนมเอกซั่งกุ้ยเฟยเมียงมองสีหน้าของบุตรี คิ้วพลันขมวดนิ่ว ราวกับทุกอย่างมิเป็นไปตามที่ตนเองได้คิดเอาไว้

นางคิดว่าครั้งที่แล้วที่บุตรีได้เดินทางมาหลินเจียงได้สนใจในตัวฟู่เสี่ยวกวนเข้าเสียแล้ว ถึงแม้ตระกูลฟู่จะเป็นตระกูลพ่อค้า แต่สำหรับราชวงศ์ มิได้สนใจว่าเป็นตระกูลอะไรอยู่แล้ว

ต่อให้เจ้ามีที่ดินขนาดใหญ่เยี่ยงไร แต่ก็ยังเป็นผู้เช่าของราชสำนัก ต่อให้เจ้ามีเงินมากมาย ก็สู้ท้องพระคลังของวังหลวงมิได้อยู่ดี

ดังนั้นสถานะจึงมิใช่ปัญหาแต่อย่างใด

และชื่อเสียงของฟู่เสี่ยวกวนก็ได้กระฉ่อนไปถึงเมืองหลวง แม้แต่กวนเหวินซิ่วผู้อำนวยการสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนก็ยังชื่นชมคนผู้นี้เป็นอย่างมาก

ประการแรกคือคำพูดของเขาได้เข้าไปอยู่ในคำสอนของสำนักศึกษา ประการที่สองหนังสือความฝันในหอแดงที่เขาเป็นผู้ประพันธ์

ชายหนุ่มที่มิมีชื่อเสียง แต่กลับมีพรสวรรค์ ช่างเหมาะสมกับบุตรีของนาง ดังนั้นนางจึงไม่คัดค้านที่จะพักชั่วคราวในหลินเจียง อีกอย่างนางก็อยากยลใบหน้าค่าตาของฟู่เสี่ยวกวน

แต่เมื่อได้เห็นสีหน้าของบุตรีในยามนี้ ราวกับมีบางอย่างที่กำลังหลบซ่อนอยู่ หรือว่าชายหนุ่มนั้นจะมิต้องตาต้องใจบุตรีของนางกัน

ต่งชูหลาน หยูเวิ่นหวิน และเยี่ยนเสี่ยวโหลว สามสาวงามของเมืองหลวง หากมองข้ามตัวตนขององค์หญิงเก้าไป ซั่งกุ้ยเฟยก็มั่นใจในรูปลักษณ์และความรู้ความสามารถของบุตรีนางอย่างเต็มเปี่ยม เยี่ยงนั้นปัญหาเกิดจากที่ตรงไหนกันn?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)